DeFi Wallet คืออะไร? – เทคโนโลยี DeFi คืออะไร ทำงานอย่างไร?

Pattada Lertwattana
| 55 ใช้เวลาอ่าน (โดยเฉลี่ย)
DeFi Wallet คืออะไร แล้ว DeFi คืออะไร ในโลกคริปโต

DeFi Wallet คืออะไร? พูดง่ายๆ ก็คือมันเป็น “กระเป๋าคริปโต” ที่ช่วยให้คุณควบคุมสินทรัพย์ได้อย่างเต็มที่ เนื่องจาก Wallet ประเภทนี้ทำให้คุณเป็นผู้ถือ Private Keys ของคุณเอง ซึ่งเป็นการกำจัดความเสี่ยงจากผู้ให้บริการบุคคลที่สาม ทั้งนี้หลายคนอาจจะยังไม่ค่อยเข้าใจว่า DeFi คืออะไร ทำงานอย่างไรในบริบทของ DeFi Wallet ดังนั้นเราจะไปหาคำตอบกัน!

โดยพื้นฐานแล้ว มันคือกระเป๋าเงินดิจิทัลที่ไม่ต้องพึ่งพาตัวกลาง หรือแพลตฟอร์มแบบ Centralized เช่น กระดานเทรด (Exchange) หมายความว่าสิทธิ์ในการเก็บและจัดการ Keys จะอยู่ในมือของผู้ใช้งาน เป็นการลดความเสี่ยงที่กระเป๋าและสินทรัพย์จะถูกแฮ็ก การอายัด หรือการถูกยึดตามกฎระเบียบ

ด้วยเหตุผลดังกล่าว การเลือก Wallet ที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง ความปลอดภัย การรองรับหลาเครือข่าย (chain) การควบคุม Gas Fee และความเข้ากันได้กับ dApp จะแตกต่างกันไปในแต่ละ Wallet การเลือกผิดอาจนำไปสู่การสูญเสียเงินทุน ค่าธรรมเนียมที่สูง หรือฟังก์ชันการทำงานที่จำกัด

อย่างไรก็ตาม การค้นหา DeFi Wallet ที่ดีที่สุดนั้นเป็นเรื่องยาก หลายแพลตฟอร์มอาจอ้างว่ามีความปลอดภัยและมีฟีเจอร์ระดับสูงสุด แต่ขาดการตรวจสอบ การให้ผู้ใช้ได้ดูแลสินทรัพย์ด้วยตนเอง (Self-custody) อย่างแท้จริง หรือการรองรับการทำงานข้ามบล็อกเชน เราจึงได้ทำการค้นคว้าข้อมูลมาให้คุณแล้วอย่างละเอียด

คู่มือนี้จะแจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับ DeFi Wallet ที่ดีที่สุด ช่วยให้คุณเลือก Wallet ที่ตรงกับความต้องการของคุณ

กระเป๋าเงินคริปโตที่ดีที่สุดโดยรวม

กระเป๋าเงินคริปโตที่ดีที่สุดโดยรวม

  • กระเป๋าเงินแบบไม่ต้องมีผู้ดูแล ที่รองรับหลายเครือข่าย
  • ระบบนิเวศของฟีเจอร์กระเป๋าเงินที่หลากหลาย
  • การจัดการพอร์ตโฟลิโอและข้อมูลเชิงลึกของตลาดภายในกระเป๋า
10
5 Stars Best Wallet
เยี่ยมชมตอนนี้

กระเป๋าเงินที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดแบบเชื่อมต่อกับการแลกเปลี่ยน

กระเป๋าเงินที่ดีที่สุดสำหรับการเทรดแบบเชื่อมต่อกับการแลกเปลี่ยน

  • กระเป๋าเงินที่รวมการเทรดภายในกระเป๋ากับแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยน
  • เครื่องมือการเทรดขั้นสูง รวมถึงการคัดลอกการเทรดและการใช้เลเวอเรจสูงสุด 100 เท่า
  • การวางเดิมพันพร้อมการเทรด รับผลตอบแทนสูงสุด 5% APY ขณะใช้สินทรัพย์ในการเทรดด้วยเลเวอเรจ
8.9
5 Stars Margex Wallet
เยี่ยมชมตอนนี้

กระเป๋าเงินที่ปลอดภัยพร้อมการวางเดิมพันและ dApps

กระเป๋าเงินที่ปลอดภัยพร้อมการวางเดิมพันและ dApps

  • กระเป๋าเงินคริปโตแบบผู้ดูแลตัวเอง พร้อมฐานผู้ใช้งานกว่า 1 ล้านคน
  • รองรับหลายเครือข่ายด้วยเทคโนโลยี MPC เพื่อเพิ่มความปลอดภัย
  • ซื้อ ขาย ส่ง รับ และเชื่อมต่อกับ dApp บน Web3 ได้อย่างสะดวก
8.5
4.5 Stars Zengo Wallet
เยี่ยมชมตอนนี้

กระเป๋าเงินเย็นที่รองรับโทเค็นมากที่สุด

กระเป๋าเงินเย็นที่รองรับโทเค็นมากที่สุด

  • รองรับโทเค็นและ NFT กว่า 10,000 รายการ
  • ระบบความปลอดภัยแบบแยกอากาศ พร้อมฟีเจอร์ป้องกันการงัดแงะ
  • อินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย
8
3.5 Stars Ellipal Titan
เยี่ยมชมตอนนี้

กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ที่ดีที่สุดสำหรับความปลอดภัย

กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ที่ดีที่สุดสำหรับความปลอดภัย

  • จัดเก็บข้อมูลสำคัญอย่างปลอดภัยด้วยชิป Secure Element ที่ป้องกันการงัดแงะ
  • แอป Ledger Live ให้คุณซื้อ ขาย แลกเปลี่ยน และวางเดิมพันโทเค็นได้ในที่เดียว
  • ระบบปฏิบัติการ BOLOS ที่พัฒนาขึ้นเฉพาะ ช่วยให้การอัปเดตแอปเป็นไปโดยอัตโนมัติ
7.6
3 Stars Ledger
เยี่ยมชมตอนนี้

รายชื่อ DeFi Wallet คริปโตที่ดีที่สุด


นี่คือภาพรวมของ DeFi Wallet คริปโตที่ดีที่สุดในปี 2025:

Wallet ประเภท Wallet คริปโตที่รองรับ เหมาะสำหรับ
Best Wallet Software 1,000+ DeFi Wallet ที่ดีที่สุดโดยรวมในปี 2025
Zengo Software 1,000+ ตัวเลือกการสำรองและกู้คืนข้อมูล
Ledger Hardware 5,500+ การจัดเก็บระยะยาว
Cypherock Hardware 1,000+ การจัดการหลาย Wallet
Ellipal Titan 2.0 Hardware 10,000+ การทำงานแบบ Air-gapped (แยกจากเครือข่าย)
Trezor Safe 5 Hardware 1,600+ ความปลอดภัยแบบ Open-source
Blockstream Jade Hardware สินทรัพย์ BTC และ Liquid Network ถือ Bitcoin ระยะยาว
Ngrave Zero Hardware 1,500+ ความปลอดภัยขั้นสูง
SecuX Hardware 10,000+ การทำงานร่วมกับ Hardware Wallet
SafePal S1 Hardware 30,000+ ความคุ้มค่า
Trust Wallet Software 10+ ล้าน การเข้าถึง dApp
MetaMask Software โทเคน ERC-20 ทั้งหมด Ethereum และโทเคน ERC-20
Phantom Software โทเคน SPL ทั้งหมด Solana และโทเคน SPL

รีวิว DeFi Wallet คริปโตที่ดีที่สุดแบบเจาะลึก


ในส่วนนี้ เราจะรีวิว DeFi Wallet คริปโตที่ดีที่สุดสำหรับปี 2025 เราจะให้ภาพรวมโดยละเอียดของตัวเลือกอันดับต้นๆ ของเรา เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกสิ่งที่เหมาะสมกับความต้องการของคุณ:

1. Best Wallet — DeFi Wallet ที่ดีที่สุดโดยรวม

Best Wallet เป็น DeFi Wallet แบบ Non-custodial และ Multi-chain ที่ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัย รองรับ Bitcoin และโทเคน ERC-20 ทั้งหมด ช่วยให้คุณสามารถซื้อ ขาย Stake และ Swap สินทรัพย์ได้ภายในแอปเดียว โดยไม่ต้องมีการยืนยันตัวตนอย่าง KYC หรือ ID จึงเป็นการมอบความเป็นส่วนตัวทางการเงินอย่างสมบูรณ์แก่ผู้ใช้งาน

Best Wallet อีกตัวเลือก DeFi Wallet ที่ปลอดภัยสำหรับคนรุ่นใหม่

Wallet นี้รวมการเทรดบน DEX, การ Staking และการจัดการ Portfolio แต่ยังไม่มี Browser Extension แม้ว่าจะอนุญาตให้ทำการ Swap แบบ On-chain ได้ แต่ยังไม่มีฟีเจอร์การเทรดขั้นสูงอย่าง Limit Orders อย่างไรก็ตาม เราชื่นชมการรองรับ Biometric Authentication และการจัดเก็บ Key แบบเข้ารหัส ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้น

ทำไม Best Wallet จึงเป็น DeFi Wallet ที่ดีที่สุดในปี 2025?

เราจัดอันดับให้ Best Wallet เป็น DeFi Wallet อันดับต้นๆ ของปี 2025 เนื่องจากเน้นความเป็นส่วนตัวเป็นหลัก มีฟังก์ชันการทำงานแบบ Multi-chain และมี DEX ในตัว เป็นหนึ่งในโซลูชันคริปโตที่ครบวงจรที่สุดสำหรับเทรดเดอร์ ผู้ที่ต้องการ Stake และผู้ใช้งาน DeFi ที่ให้ความสำคัญกับการควบคุมสินทรัพย์ของตนเอง

ฟีเจอร์หลัก

  • ประเภท Wallet: Software (Non-Custodial)
  • Blockchains และสินทรัพย์ที่รองรับ: Bitcoin, โทเคน ERC-20 ทั้งหมด
  • อุปกรณ์ที่รองรับ: แอปมือถือ (Browser Extension กำลังจะมาเร็วๆ นี้)
  • ค่าธรรมเนียมธุรกรรม: แตกต่างกันไปตามเครือข่าย; การถือ $BEST tokens ช่วยลดค่าธรรมเนียม
  • เหมาะสำหรับมือใหม่หรือไม่? เหมาะ เนื่องจากมีอินเทอร์เฟสที่เรียบง่าย แต่ฟีเจอร์ที่เน้นความเป็นส่วนตัวอาจทำให้ผู้ใช้ใหม่สับสนได้บ้าง

ข้อดี

  • ไม่ต้องใช้ KYC หรือการยืนยันตัวตนที่ยุ่งยาก
  • รองรับ Multi-chain & Multi-wallet
  • มี DEX ในตัวสำหรับ On-chain Swaps
  • รองรับ Biometric & Multi-factor Authentication
  • มีรางวัล Airdrop & ตัวเลือกการ Staking
  • มีเครื่องมือวิเคราะห์ตลาด (Market Insights) & Portfolio ในตัว

ข้อเสีย

  • ยังไม่มีเวอร์ชัน Desktop หรือ Browser Extension
  • เครื่องมือเทรดจำกัด (ยังไม่มี Limit Orders)
เยี่ยมชม Best Wallet

2. Zengo — ดีที่สุดสำหรับตัวเลือกการสำรองและกู้คืนข้อมูล

Zengo เป็น Crypto Wallet แบบ Non-custodial ที่ใช้เทคโนโลยี MPC (Multi-Party Computation) ซึ่งช่วยขจัดช่องโหว่ของ Seed Phrase รองรับสินทรัพย์กว่า 1,000+ รายการ รวมถึง Bitcoin, Ethereum และ Stablecoins พร้อมเสนอการยืนยันตัวตนแบบสามปัจจัย (Three-factor Authentication – 3FA) และความปลอดภัยแบบ Biometric คุณสามารถซื้อ ขาย และ Swap สินทรัพย์ได้โดยตรงภายในแอป แม้จะแตกต่างจาก DeFi Wallet ทั่วไป แต่ Zengo ก็ให้ความสำคัญกับการควบคุมสินทรัพย์โดยผู้ใช้อย่างมาก

Zengo - DeFi Wallet ปลอดภัยสูง

Zengo ต่างจาก Wallet ทั่วไป ตรงที่คุณไม่สามารถดึง Private Keys ออกมาได้ ซึ่ง Zengo อ้างว่าช่วยลดความเสี่ยงจากการแฮ็ก แม้ว่าจะไม่มีการทำงานร่วมกับ DeFi และ dApp โดยตรง แต่การรองรับ Wallet Connect ช่วยให้สามารถเข้าถึง Web3 ภายนอกได้ อย่างไรก็ตาม Zengo ยังไม่รองรับสินทรัพย์หลักบางตัว เช่น Ripple และ Solana แบบ Native

ทำไม Zengo จึงดีที่สุดสำหรับตัวเลือกการสำรองและกู้คืนข้อมูล?

Zengo เป็น Wallet ที่ดีที่สุดสำหรับการสำรองและกู้คืนข้อมูลเนื่องจากมี 3FA มีกระบวนการกู้คืนที่ได้รับการรับประกัน และการสำรองข้อมูลบน Cloud แบบเข้ารหัส ดังนั้น แม้ว่าคุณจะทำอุปกรณ์หาย คุณก็สามารถกู้คืนการเข้าถึงได้อย่างปลอดภัยโดยไม่ต้องพึ่งพา Seed Phrases

ทั้งนี้ แม้ว่า Zengo จะเน้นความสะดวกสบายในการกู้คืน ผู้ที่ต้องการฟีเจอร์ DeFi ที่หลากหลายอาจพิจารณา DeFi Wallet ประเภทอื่นเพิ่มเติม

ฟีเจอร์หลัก

  • ประเภท Wallet: Software (Non-Custodial, ใช้เทคโนโลยี MPC)
  • Blockchains และสินทรัพย์ที่รองรับ: 120+, รวมถึง Bitcoin, Ethereum, Polygon และ Stablecoins
  • อุปกรณ์ที่รองรับ: แอปมือถือ (iOS, Android)
  • ค่าธรรมเนียมธุรกรรม: ค่าธรรมเนียมเครือข่ายเป็นแบบผันแปร, มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมสำหรับการ Swaps และการซื้อ
  • เหมาะสำหรับมือใหม่หรือไม่? เหมาะ: การที่ไม่ต้องใช้ Seed Phrases, ความปลอดภัยแบบ Biometric และอินเทอร์เฟสที่ใช้งานง่ายทำให้เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น

ข้อดี

  • ไม่จำเป็นต้องใช้ Seed Phrase
  • เทคโนโลยี MPC ช่วยเพิ่มความปลอดภัย
  • ระบบกู้คืนแบบ 3FA
  • Interface บนมือถือใช้งานง่าย
  • มีฝ่ายสนับสนุนลูกค้าที่ดีเยี่ยม

ข้อเสีย

  • ไม่สามารถดึง Private Key ออกมาได้
  • ไม่มีการเข้าถึง DeFi/dApp ในตัว
  • ใช้งานได้เฉพาะบนมือถือ ไม่มีเวอร์ชัน Desktop
เยี่ยมชม Zengo

3. Ledger — ดีที่สุดสำหรับการจัดเก็บระยะยาว

Ledger นำเสนอ Hardware Wallets ที่จัดเก็บ Private Keys แบบ Offline ซึ่งช่วยป้องกันภัยคุกคามออนไลน์ มีหลายรุ่นให้เลือก ได้แก่ Nano S Plus ($79), Nano X ($149), Flex ($249) และ Stax ($399) ซึ่งแต่ละรุ่นมีความแตกต่างกันในด้านความปลอดภัย ขนาดหน้าจอ และฟีเจอร์การเชื่อมต่อ

นอกจากนี้ยังมีแอป Ledger Live ที่ช่วยให้สามารถจัดการ Portfolio, Staking และทำธุรกรรมได้อย่างปลอดภัย ทั้งนี้ Hardware Wallets อย่าง Ledger มักจะถูกใช้ร่วมกับ Software DeFi Wallet เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

Ledger กระเป๋า crypto ชนิด hardware wallet

Ledger Wallets รองรับคริปโตเคอร์เรนซีกว่า 5,500+ สกุล แต่ต้องติดตั้งแอปด้วยตนเองสำหรับจัดการสินทรัพย์ต่างๆ ทั้งนี้เราชื่นชอบการเชื่อมต่อ Bluetooth (Nano X, Flex, Stax) ซึ่งช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน แต่ราคาสูงและขั้นตอนการตั้งค่าที่ซับซ้อนอาจเป็นอุปสรรคสำหรับมือใหม่ได้ นอกจากนี้ บริการเสริมอย่าง Ledger Recover (ราคา $9.99 ต่อเดือน) ได้ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับประเด็นความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยในหมู่ผู้ใช้งาน

ทำไม Ledger จึงดีที่สุดสำหรับการจัดเก็บระยะยาว?

Ledger เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการจัดเก็บระยะยาว เพราะเป็นกระเป๋าคริปโตที่จัดเก็บสินทรัพย์แบบ Cold Storage (แบบออฟไลน์) มีชิป Secure Element มีการป้องกันความปลอดภัยด้วย PIN และตัวเลือกการกู้คืน ความปลอดภัยแบบ Offline นี้ช่วยให้มั่นใจได้ถึงการป้องกันการโจมตีแบบ Phishing, Malware และการที่ Exchange ถูกแฮ็ก สำหรับผู้ใช้งาน DeFi Wallet ที่มีสินทรัพย์มูลค่าสูง การใช้ Cold Storage ของ Ledger ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่ง

ฟีเจอร์หลัก

  • ประเภท Wallet: Hardware
  • Blockchains และสินทรัพย์ที่รองรับ: 5,500+ เหรียญ, รวมถึง BTC, ETH, SOL และโทเคน ERC-20
  • อุปกรณ์ที่รองรับ: Desktop (Windows/macOS/Linux), มือถือ (iOS/Android), Browser extensions
  • ค่าธรรมเนียมธุรกรรม: เฉพาะค่าธรรมเนียมเครือข่าย แต่ไม่ได้มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจาก Ledger
  • เหมาะสำหรับมือใหม่หรือไม่? ไม่ เนื่องจากการตั้งค่าต้องมีการอัปเดต Firmware, การสร้าง PIN และการจัดเก็บ Recovery Phrase อย่างปลอดภัย

ข้อดี

  • ความปลอดภัยแบบ Offline ปลอดภัยจากการแฮ็ก
  • การเชื่อมต่อหลายอุปกรณ์ (USB-C, Bluetooth)
  • แอป Ledger Live สำหรับการจัดการที่ง่ายดาย
  • รองรับ Staking และ NFT
  • ดีไซน์ทนทาน กะทัดรัด

ข้อเสีย

  • มีราคาแพง โดยเฉพาะรุ่น Stax และ Flex
  • กระบวนการตั้งค่าซับซ้อน
  • Ledger Recover ก่อให้เกิดความกังวลด้านความปลอดภัย
เยี่ยมชม Ledger

4. Cypherock — ดีที่สุดสำหรับการจัดการหลาย Wallet

Cypherock X1 เป็น Hardware Wallet แบบกระจายศูนย์อำนาจ (decentralized) ที่ขจัดช่องโหว่ของ Seed Phrase โดยการแบ่ง private key ออกเป็นส่วน ๆ ผ่านการกระจายไปยังการ์ด NFC ที่ถูกเข้ารหัสจำนวนสี่ใบ พร้อมกับตัวอุปกรณ์หลัก ด้วยการใช้เทคโนโลยี Shamir’s Secret Sharing ช่วยเพิ่มระดับความปลอดภัยอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่มีจุดอ่อนที่เป็นศูนย์กลาง และยังคงให้ผู้ใช้ควบคุมการจัดการทั้งหมดได้อย่างเต็มที่

Cypherock X1: ปฏิวัติวงการ Crypto Wallet ด้วยการจัดเก็บคีย์แบบกระจายศูนย์

Cypherock แตกต่างจาก Wallet ทั่วไปตรงที่มีการจัดเก็บ Key แบบกระจายเป็นส่วนๆ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการโจรกรรมทางกายภาพหรือการแฮ็ก อย่างไรก็ตาม โครงสร้างพลาสติกของอุปกรณ์ให้ความรู้สึกพรีเมียมน้อยลง และเรามองว่าซอฟต์แวร์เสริมอย่าง cySync ยังสามารถพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นได้ เช่น เพิ่มฟีเจอร์อย่างการแลกเปลี่ยน (swaps) ในตัว

ทำไม Cypherock จึงดีที่สุดสำหรับการจัดการหลาย Wallet?

Cypherock X1 เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยให้คุณจัดการกระเป๋าเงินดิจิทัลได้สูงสุดถึง 4 กระเป๋า โดยแต่ละกระเป๋าจะมี Private Key แยกจากกัน ซึ่งระบบการตั้งค่าหลายกระเป๋านี้ผสานกับการสำรองข้อมูลแบบ Shamir backup ช่วยให้การแบ่งพอร์ตการลงทุนเป็นไปอย่างราบรื่น โดยไม่ลดทอนความปลอดภัยแต่อย่างใด

ฟีเจอร์หลัก

  • ประเภท Wallet: Hardware
  • Blockchains และสินทรัพย์ที่รองรับ: 1,000+ สินทรัพย์, บล็อกเชนหลักๆ รวมถึง Bitcoin, Ethereum, Polygon, Solana และอื่นๆ; ไม่รองรับ Cardano
  • อุปกรณ์ที่รองรับ: Desktop (Windows, Mac, Linux), จะรองรับรูปแบบมือถือเร็วๆ นี้
  • ค่าธรรมเนียมธุรกรรม: ขึ้นอยู่กับเครือข่าย แต่ไม่มีค่าธรรมเนียมเพิ่มเติมจาก Cypherock
  • เหมาะสำหรับมือใหม่หรือไม่? ไม่ เนื่องจากฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูงจำเป็นต้องมีความเข้าใจทางเทคนิค

ข้อดี

  • Open-source และผ่านการตรวจสอบความปลอดภัย
  • ไม่มี Single Point of Failure (ถ้าส่วนใดส่วนหนึ่งถูกโจมตี สินทรัพย์ของคุณก็ยังปลอดภัย)
  • รองรับสูงสุดสี่ Wallet
  • สามารถกู้คืนได้โดยไม่ต้องพึ่งพา Cypherock
  • ความปลอดภัยระดับธนาคาร EAL6+

ข้อเสีย

  • โครงสร้างพลาสติกให้ความรู้สึกพรีเมียมน้อยลง
  • ไม่รองรับการ Staking หรือ Swaps ในตัว
  • แอป cySync บน Desktop ขาดฟีเจอร์ขั้นสูง
เยี่ยมชม Cypherock

5. Ellipal Titan 2.0 — DeFi Wallet แบบ Air-Gapped ที่ดีที่สุด

Ellipal Titan 2.0 เป็น Hardware Wallet แบบ Air-gapped เต็มรูปแบบ ซึ่งเก็บ Private Keys ของคุณไว้แบบออฟไลน์อย่างสมบูรณ์ รองรับกว่า 50+ บล็อกเชน และ 10,000+ สินทรัพย์ รวมถึง Bitcoin, Ethereum และ Solana มีหน้าจอสัมผัสขนาด 4 นิ้วและตัวเครื่องทำจากอะลูมิเนียมอัลลอยด์ มอบความทนทานและใช้งานง่าย ในขณะที่การทำธุรกรรมผ่าน QR code ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ช่วยตัดการเชื่อมต่อกับเครือข่ายอย่างสมบูรณ์แบบ

crypto wallet ยอดนิยม Ellipal

เราได้ทำการทดสอบทั้ง Ellipal Titan และ Ellipal Titan 2.0 มาอย่างละเอียด ผลลัพธ์ที่ทำให้เราประทับใจในรุ่น Titan 2.0 ก็คือฟีเจอร์ปิดเครื่องอัตโนมัติ ซึ่งช่วยประหยัดแบตเตอรี่ได้ดีมาก รวมถึงหน้าจอ HD IPS ที่ให้ความคมชัดและสีสันที่สม่ำเสมอกว่าหน้าจอ LCD ของรุ่น Ellipal Titan เดิม อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เรารู้สึกผิดหวังในรุ่นนี้คือการขาดฟีเจอร์รองรับ multi-sig, การเข้าถึง Xpub และความสามารถในการใช้งานร่วมกับ full-node ซึ่งถือเป็นข้อเสียเปรียบเมื่อเทียบกับ Ledger หรือ Trezor

อีกประเด็นที่ควรสังเกตคือ Ellipal Titan 2.0 เลือกใช้งานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือแทนที่จะรองรับการใช้งานผ่านอินเทอร์เฟซบนเดสก์ท็อป ซึ่งต่างจากผู้เล่นรายใหญ่อย่าง Ledger และ Trezor ที่มีซอฟต์แวร์เดสก์ท็อปเป็นตัวเลือกหลักสำหรับผู้ใช้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชอบส่วนบุคคล

ทำไม Ellipal Titan 2.0 จึงเป็น Air-gapped Wallet ที่ดีที่สุด?

Ellipal Titan 2.0 ถือเป็นกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ที่ดีที่สุดในหมวด air-gapped wallet เนื่องจากออกแบบให้ทำงานแบบออฟไลน์ 100% ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีผ่าน WiFi, Bluetooth หรือ USB ได้อย่างมีประสิทธิภาพ การสื่อสารของอุปกรณ์นี้เกิดขึ้นผ่าน QR code เท่านั้น ทำให้ private keys ของคุณปลอดภัยและไม่เชื่อมต่อกับเครือข่ายใด ๆ เลย

นอกจากนี้ Ellipal Titan 2.0 ยังมาพร้อมกับ CC EAL5+ Secure Element chip ซึ่งเป็นชิปที่ได้รับการรับรองในระดับสูง และระบบอัปเดตเฟิร์มแวร์ที่ทำงานโดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คุณสมบัติเหล่านี้ส่งผลให้ Ellipal Titan 2.0 ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ที่มีความปลอดภัยมากที่สุดในตลาดปัจจุบัน

ฟีเจอร์หลัก

  • ประเภท Wallet: Hardware
  • Blockchains และสินทรัพย์ที่รองรับ: 50+ บล็อกเชน, 10,000+ สินทรัพย์ (BTC, ETH, SOL, ฯลฯ)
  • อุปกรณ์ที่รองรับ: Mobile App (Android & iOS)
  • ค่าธรรมเนียมธุรกรรม: ค่าธรรมเนียมเครือข่ายเท่านั้น
  • เหมาะสำหรับมือใหม่หรือไม่? เหมาะ – หน้าจอสัมผัสและการทำงานร่วมกับแอปทำให้ใช้งานง่าย

ข้อดี

  • ความปลอดภัยแบบ Air-gapped (การจัดเก็บแบบ Offline)
  • รองรับสินทรัพย์ 10,000+ รายการ
  • การทำธุรกรรมโดยใช้ QR Code
  • ดีไซน์ทนทาน ป้องกันการงัดแงะ (Anti-tamper)
  • รองรับ dApp และ Staking

ข้อเสีย

  • ไม่รองรับ Multi-sig
  • การทำงานร่วมกับ Third-party มีจำกัด
  • ไม่มีการเข้าถึง Xpub
  • ขนาดใหญ่กว่าคู่แข่ง
เยี่ยมชม Ellipal

6. Trezor Safe 5 — DeFi Wallet แบบ Open-Source ที่ดีที่สุด

Trezor Safe 5 เป็น Hardware Wallet ที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสูงสุดและใช้งานง่าย โดดเด่นด้วยชิป EAL 6+ Secure Element มีหน้าจอสัมผัสสีขนาด 1.54 นิ้ว และการตอบสนองแบบ Haptic Feedback เพื่อการนำทางที่ใช้งานง่าย ทำงานร่วมกับ Trezor Suite ได้อย่างราบรื่นสำหรับการจัดการธุรกรรม, Staking และการติดตาม Portfolio

Trezor Wallet กระเป๋าเงินเย็น

Trezor Safe 5 รองรับการใช้งานกับสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 1,000 สกุล และสามารถเชื่อมต่อกับ Trezor Suite เพื่อจัดการธุรกรรมของคุณได้อย่างสะดวก แต่ก็มาพร้อมราคาที่ค่อนข้างสูง ($169)

Trezor Safe 5 เหมาะสำหรับทั้งผู้เริ่มต้นและนักเทรดคริปโตที่มีประสบการณ์ แม้ว่าจะไม่มีฟีเจอร์ Bluetooth connectivity เหมือน Ledger แต่ Trezor Safe 5 ก็ชดเชยด้วยระบบกู้คืนกระเป๋าเงินขั้นสูงที่เรียกว่า Shamir Backup อย่างไรก็ตาม ฟังก์ชันการทำธุรกรรมแบบ air-gapped ยังคงเป็นจุดเด่นที่ Ellipal Titan 2.0 มีเหนือกว่า Trezor รุ่นนี้

ทำไม Trezor Safe 5 จึงเป็น Open-source Wallet ที่ดีที่สุด?

ในฐานะกระเป๋าเงินแบบโอเพ่นซอร์ส Trezor Safe 5 มอบความโปร่งใสที่เหนือชั้น โดยชุมชนสามารถตรวจสอบ ปรับปรุง และยืนยันคุณสมบัติด้านความปลอดภัยได้อย่างอิสระ ซึ่งช่วยให้ระบบได้รับการอัปเดตและปกป้องอยู่เสมอ ต่างจากคู่แข่งที่เป็นระบบปิดอย่าง Ledger ที่ไม่ได้เปิดเผยโค้ดต่อสาธารณะ โดย Trezor เปิดให้เข้าถึงโค้ดทั้งหมดได้อย่างเต็มที่ เพื่อลดความเสี่ยงจากช่องโหว่ที่อาจซ่อนอยู่

ฟีเจอร์หลัก

  • ประเภท Wallet: Hardware
  • Blockchains และสินทรัพย์ที่รองรับ: 1,600+ คริปโต, รวมถึง BTC, ETH, ADA และโทเคน ERC-20
  • อุปกรณ์ที่รองรับ: Desktop, Browser Extension, Mobile App
  • ค่าธรรมเนียมธุรกรรม: เฉพาะค่าธรรมเนียมเครือข่าย
  • เหมาะสำหรับมือใหม่หรือไม่? เหมาะ – หน้าจอสัมผัสและ Trezor Suite ทำให้อุปกรณ์นี้ใช้งานง่ายสำหรับผู้ใช้ทุกคน

ข้อดี

  • Open-source ที่ชุมชนสามารถตรวจสอบความปลอดภัยได้เต็มที่
  • การป้องกันด้วย EAL 6+ Secure Element
  • Shamir Backup สำหรับการกู้คืนที่ปลอดภัย
  • หน้าจอสัมผัสสีที่ใช้งานง่าย
  • การทำงานร่วมกับ Trezor Suite อย่างราบรื่น

ข้อเสีย

  • ไม่มี Bluetooth หรือตัวเลือกเฉพาะสำหรับมือถือ
  • ไม่ได้เป็นระบบ Air-gapped เหมือน Ellipal Titan
  • การรองรับ Wallet จาก Third-party มีจำกัด
  • หน้าจอเล็กไปสำหรับการดำเนินการที่ละเอียด
เยี่ยมชม Trezor

7. Blockstream Jade — ดีที่สุดสำหรับผู้ถือ Bitcoin ระยะยาว

Blockstream Jade เป็นฮาร์ดแวร์วอลเล็ตที่ออกแบบมาสำหรับ Bitcoin โดยเฉพาะ อีกทั้งยังรองรับ Liquid Network สำหรับ L-BTC และสินทรัพย์อื่น ๆ บน Liquid Network ได้ด้วย คุณสมบัติเด่นของ Jade ครอบคลุมทั้งระบบความปลอดภัยแบบ air-gapped การทำธุรกรรมผ่าน QR code และการรองรับการทำงานแบบ multi-sig ซึ่งทำให้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการเก็บรักษาคริปโตด้วยตัวเอง (self-custody)

ฮาร์ดแวร์วอลเล็ตนี้ต่างจากตัวอื่นตรงที่มันใช้การป้องกันผ่าน PIN ที่บังคับใช้โดยเซิร์ฟเวอร์ แทนที่จะใช้ Secure Element chip ซึ่งหมายความว่า recovery phrase ของผู้ใช้งานจะถูกเข้ารหัสโดยตรงบนอุปกรณ์ เพื่อเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัย นอกจากนี้ Jade ยังถูกออกแบบให้เป็นโอเพ่นซอร์สอย่างสมบูรณ์ ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบความโปร่งใสได้อย่างเต็มที่

Blockstream Jade - สุดยอดกระเป๋าคริปโต

การออกแบบแบบโอเพนซอร์สของ Jade นำเสนอความโปร่งใสอย่างเต็มที่ก็จริง แต่การที่ไม่รองรับ iOS โดยตรงประกอบกับขนาดหน้าจอที่เล็ก อาจสร้างความไม่สะดวกให้กับผู้ใช้งานบางคนได้ การนำทางในอุปกรณ์นี้ใช้ตัวเลื่อนและปุ่มแค่ปุ่มเดียว ซึ่งอาจไม่ง่ายต่อการใช้งานเท่ากับหน้าจอสัมผัส นอกจากนี้ Jade ยังมุ่งเน้นไปที่ Bitcoin เป็นหลัก ทำให้อาจไม่เหมาะสำหรับผู้ที่ถือ altcoin อย่างไรก็ตาม ราคาที่เข้าถึงได้เพียง $64.99 ทำให้อุปกรณ์นี้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับผู้ที่ต้องการ cold wallet ระดับเริ่มต้น

ทำไม Blockstream Jade จึงดีที่สุดสำหรับผู้ถือ Bitcoin ระยะยาว?

สำหรับผู้ถือ Bitcoin ระยะยาว การทำธุรกรรมแบบ Air-gapped ของ Jade, ความปลอดภัยโดยใช้ QR Code และการรองรับ Multi-sig ทำให้เป็นหนึ่งในโซลูชัน Self-custody ที่ปลอดภัยที่สุด แถมฟีเจอร์ SeedQR และ Duress PIN ยังช่วยเพิ่มการป้องกันการโจรกรรมทางกายภาพหรือการข่มขู่ได้ดียิ่งขึ้น

ฟีเจอร์หลัก

  • ประเภท Wallet: Hardware
  • Blockchains และสินทรัพย์ที่รองรับ: Bitcoin, Liquid Network (L-BTC, USDt, L-CAD, JPYS)
  • อุปกรณ์ที่รองรับ: Desktop, Android (จะรองรับ iOS ในอนาคต)
  • ค่าธรรมเนียมธุรกรรม: เฉพาะค่าธรรมเนียมเครือข่าย (ปรับแต่งได้ใน Blockstream Green)
  • เหมาะสำหรับมือใหม่หรือไม่? เหมาะ – การตั้งค่าง่าย แต่การควบคุมที่จำกัดอาจต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคย

ข้อดี

  • Cold Storage สำหรับ Bitcoin ในราคาที่เข้าถึงได้
  • เป็นระบบ Air-gapped พร้อมการทำธุรกรรมผ่าน QR Code
  • Open-source และมีความโปร่งใสสูง
  • รองรับการทำงานร่วมกับ Wallet หลายตัว
  • การตั้งค่าเหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น

ข้อเสีย

  • ไม่มีการรองรับ iOS โดยตรง
  • จำกัดเฉพาะสินทรัพย์ Bitcoin และ Liquid
  • หน้าจอขนาดเล็กและการใช้งานที่ค่อนข้างเบสิก
  • จำเป็นต้องใช้กระเป๋าเงินจากบุคคลที่สามเพื่อการทำงานเต็มรูปแบบ
เยี่ยมชม Blockstream Jade

8. Ngrave Zero — ดีที่สุดสำหรับความปลอดภัยขั้นสูง

Ngrave Zero เป็นฮาร์ดแวร์วอลเล็ตรุ่นพรีเมียมที่ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อมอบความปลอดภัยสูงสุด โดยอุปกรณ์นี้ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยระดับ EAL7 ซึ่งถือเป็นมาตรฐานสูงสุดในอุตสาหกรรมการเงิน ตัวเครื่องถูกออกแบบให้มีระบบ Air-Gapped อย่างสมบูรณ์ ทำให้สามารถทำงานได้โดยไม่ต้องพึ่งพา USB, WiFi หรือ Bluetooth ช่วยลดโอกาสในการถูกโจมตีทางไซเบอร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หน้าจอสัมผัสขนาด 4 นิ้วที่มาพร้อมกับเครื่องยังช่วยเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน ในขณะที่เครื่องสแกนลายนิ้วมือถูกเพิ่มเข้ามาเพื่อเสริมความปลอดภัยให้แน่นหนายิ่งขึ้น โดยทุกองค์ประกอบของ Ngrave Zero ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ด้านการรักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเต็มรูปแบบ

เว็บไซต์ ngrave

อย่างไรก็ตาม ซอฟต์แวร์แบบ Closed-source ของมันเป็นการจำกัดความโปร่งใส และแม้ว่าจะรองรับคริปโตมากกว่า 1,500 สกุล แต่ก็อาจไม่ได้ครอบคลุมสินทรัพย์เฉพาะกลุ่มทั้งหมด แม้ว่าจะยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้ที่เน้นความปลอดภัย แต่ผู้ที่ต้องการการรองรับ Multi-chain อาจต้องการทางเลือกอื่น เช่น Ledger Nano X หรือ Trezor Safe 5 ระบบสำรองข้อมูล Ngrave Graphene ทำจาก Stainless Steel ช่วยให้ Recovery Key ของคุณทนทานต่อไฟ น้ำ และการงัดแงะ

ทำไม Ngrave Zero จึงดีที่สุดสำหรับความปลอดภัยขั้นสูง?

ด้วยการรักษาความปลอดภัยระดับ EAL7, สถาปัตยกรรมแบบ Air-gapped และ Hardware ที่ป้องกันการงัดแงะ Ngrave Zero จึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับความปลอดภัยขั้นสูง ช่วยขจัดความเสี่ยงจากการเชื่อมต่อออนไลน์ ป้องกันการโจมตีทางกายภาพ และรับประกันว่า Private Keys ของคุณยังคง Offline อย่างสมบูรณ์ ทำให้มันเป็นหนึ่งใน Wallet ที่ปลอดภัยที่สุด

ฟีเจอร์หลัก

  • ประเภท Wallet: Hardware
  • Blockchains และสินทรัพย์ที่รองรับ: มากกว่า 1,500 รายการ รวมถึง Bitcoin, Ethereum (ERC-20), Binance Coin (BNB), MultiversX (ESDT) และอื่นๆ
  • อุปกรณ์ที่รองรับ: Mobile App (Ngrave Liquid)
  • ค่าธรรมเนียมธุรกรรม: ขึ้นอยู่กับเครือข่าย, การตั้งค่า Gas ที่ปรับแต่งได้
  • เหมาะสำหรับมือใหม่หรือไม่? ไม่: ออกแบบมาสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัย และการตั้งค่าต้องใช้การจัดการ Key ด้วยตนเองและระบบสำรองข้อมูล Ngrave Graphene

ข้อดี

  • ระดับความปลอดภัยสูงสุดที่ได้รับการรับรอง EAL7
  • รองรับ Cryptocurrency ที่หลากหลาย
  • เป็น Air-gapped อย่างสมบูรณ์ ไม่มีการเชื่อมต่อออนไลน์
  • ป้องกันการงัดแงะด้วยการยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือ
  • ระบบสำรองข้อมูล Ngrave Graphene เพื่อความทนทานทางกายภาพ

ข้อเสีย

  • มีราคาแพงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ($398)
  • ซอฟต์แวร์แบบ Closed-source ชุมชนตรวจสอบไม่ได้
  • ขนาดใหญ่กว่า Hardware Wallets มาตรฐาน อาจพกพาไม่สะดวก
  • ระบบสำรองข้อมูล Ngrave Graphene จำหน่ายแยกต่างหาก ($148)
เยี่ยมชม NGRAVE

9. SecuX — ดีที่สุดสำหรับการทำงานร่วมกับ Hardware Wallet

SecuX คือ กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ที่มอบทางเลือกที่ปลอดภัยและรองรับการใช้งานข้ามแพลตฟอร์มสำหรับการจัดการทั้ง cryptocurrencies และ NFTs ได้อย่างครบวงจร ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบและบริหารจัดการ NFTs ได้โดยตรงผ่านหน้าจอสัมผัสขนาดใหญ่ที่ใช้งานง่ายของกระเป๋าเงินนี้ นอกจากนี้ยังสามารถส่ง รับ และแชร์ NFTs ได้อย่างสะดวก รวมถึงตรวจสอบราคาล่าสุดของ NFTs บนแพลตฟอร์ม DeFi ยอดนิยมอย่าง Magic Eden และ Opensea ได้โดยไม่ยุ่งยาก อีกทั้งยังมีฟีเจอร์พิเศษที่ให้คุณตั้งค่า NFT ใด ๆ ของคุณให้เป็นรูปโปรไฟล์ได้อีกด้วย

เว็บไซต์ secux

คุณสามารถเลือกซื้อกระเป๋าเงินดิจิทัลของ SecuX ได้ทั้งหมดสี่รุ่น ได้แก่ SecuX V20 & W20, SecuX W10, SecuX Nifty และ Shield BIO โดยเฉพาะรุ่น SecuX Nifty ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ใช้งานที่หลงใหลใน NFT โดยเฉพาะ รุ่นนี้สามารถใช้งานร่วมกับแอป SecuX Wallet App ซึ่งรองรับทั้งระบบ Android และ iOS ได้อย่างสะดวก

กระเป๋าเงินทั้งสี่รุ่นรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า 10,000 รายการ และเชนกว่า 300+ รวมถึง NFT บน Ethereum อย่างไรก็ตาม SecuX Nifty นั้นเป็นรุ่นเดียวที่รองรับ NFT บนเครือข่าย Polygon, BNB Smart Chain และ Solana ได้อีกด้วย

ทำไม SecuX จึงดีที่สุดสำหรับการจัดการ NFT?

SecuX Nifty เป็นฮาร์ดแวร์วอลเล็ตรุ่นแรกที่พัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะสำหรับนักสะสม NFT โดยรองรับการใช้งาน NFT บนเครือข่าย Ethereum, Polygon, BNB Smart Chain และ Solana ตัววอลเล็ตรุ่นนี้มาพร้อมหน้าจอสีแบบสัมผัสขนาด 2.8 นิ้ว ช่วยให้คุณสามารถชมคอลเลกชัน NFT ของคุณได้อย่างเต็มที่ และยังมีคีย์บอร์ดแบบไดนามิกที่ใช้สำหรับการป้อน PIN เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

นอกจากนี้ คุณยังสามารถจัดการ NFT ของคุณได้ผ่านแอปพลิเคชันมือถือของ SecuX Nifty ซึ่งมาพร้อมฟีเจอร์ที่ให้คุณสร้าง NFT gallery ส่วนตัวได้อย่างง่ายดายและสะดวก เหมาะสำหรับนักสะสมที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและการบริหารงาน NFT ของตัวเองในที่เดียว

ฟีเจอร์หลัก

  • ประเภท Wallet: Hardware
  • Blockchains และสินทรัพย์ที่รองรับ: 10,000+, รวมถึง Bitcoin และโทเคน ERC-20, BEP-20, SPL, TRC-10 และ TRC-20
  • อุปกรณ์ที่รองรับ: Desktop และ Mobile (Windows, macOS, Linux, Android, iOS)
  • ค่าธรรมเนียมธุรกรรม: ขึ้นอยู่กับเครือข่าย, การตั้งค่า Gas ที่ปรับแต่งได้
  • เหมาะสำหรับมือใหม่หรือไม่? เหมาะ มี Interface ที่เรียบง่าย หน้าจอสัมผัส และรองรับมือถือ แต่ Hidden Wallets ต้องตั้งค่าด้วยตนเอง

ข้อดี

  • การป้องกันด้วย CC EAL5+ Secure Element
  • การเชื่อมต่อ USB และ Bluetooth
  • รองรับหลายแพลตฟอร์ม (Mobile และ Desktop)
  • ฟีเจอร์ความปลอดภัยที่ทนทานต่อการงัดแงะ (Tamper-resistant)

ข้อเสีย

  • ไม่มีซอฟต์แวร์ Open-source สำหรับการตรวจสอบ
  • ขาดการรองรับ Multi-sig และ PSBT
  • Hidden Wallets ต้องตั้งค่าด้วยตนเอง
  • การประมวลผลธุรกรรมขึ้นอยู่กับ Server ของ SecuX
เยี่ยมชม SecuX

10. SafePal S1 — DeFi Wallet ที่คุ้มค่าที่สุด

SafePal S1 เป็น Hardware Wallet แบบ Air-gapped เต็มรูปแบบที่ออกแบบมาเพื่อความปลอดภัยสูงสุด และจัดเก็บ Private Keys ของคุณแบบ Offline เพื่อขจัดความเสี่ยงต่อภัยคุกคามออนไลน์ เราชื่นชมที่กระเป๋าคริปโตตัวนี้รองรับคริปโตเคอร์เรนซีกว่า 30,000 สกุล และมีกลไกทำลายตัวเอง (Self-destruct Mechanism) ที่จะลบข้อมูลทันทีเมื่อมีการงัดแงะ

เว็บไซต์ safepal s1

แม้ว่าชิป Secure Element ระดับ EAL 5+ จะรับประกันการป้องกันระดับสูงสุด แต่การไม่มี Bluetooth, WiFi หรือ USB หมายความว่าธุรกรรมทั้งหมดต้องพึ่งพา QR Codes ผู้ใช้บางคนจึงอาจมองว่าไม่สะดวก และมือใหม่อาจประสบปัญหาในกระบวนการตั้งค่าได้ อย่างไรก็ตาม การออกแบบที่กะทัดรัดและความน่าเชื่อถือที่ได้รับการสนับสนุนจาก Binance ทำให้ SafePal S1 เป็นตัวเลือกที่น่าพิจารณา

ทำไม SafePal S1 จึงเป็น Wallet ที่คุ้มค่าที่สุด?

SafePal S1 มอบความปลอดภัยระดับไฮเอนด์ในราคาที่เป็นมิตรกับงบประมาณ ด้วยราคาเพียง $49.99 ต่างจากคู่แข่งอย่าง Ledger ซึ่งมีราคาสูงกว่ามาก แถมยังครอบคลุมความปลอดภัยแบบ Air-gapped (แยกจากเครือข่าย) การรองรับ Multi-chain และการทำงานร่วมกับ DeFi/NFT ในราคาเพียงเศษเสี้ยวอีกด้วย

ฟีเจอร์หลัก

  • ประเภท Wallet: Hardware
  • Blockchains และสินทรัพย์ที่รองรับ: 100+ Blockchains, 30,000+ คริปโตเคอร์เรนซี
  • อุปกรณ์ที่รองรับ: Mobile App (iOS, Android)
  • ค่าธรรมเนียมธุรกรรม: ใช้ค่าธรรมเนียมเครือข่ายมาตรฐาน
  • เหมาะสำหรับมือใหม่หรือไม่? ไม่ เพราะจำเป็นต้องทำธุรกรรมผ่าน QR Code และขาดระบบการเชื่อมต่อแบบดั้งเดิม ซึ่งอาจเป็นเรื่องยากสำหรับผู้ใช้ใหม่

ข้อดี

  • ราคาไม่แพงเมื่อเทียบกับคู่แข่ง
  • เป็น Air-gapped เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
  • การทำงานร่วมกับ NFT และ DeFi
  • มีฟีเจอร์ป้องกันการงัดแงะแบบทำลายตัวเอง (Self-destruct Anti-tamper)

ข้อเสีย

  • ไม่มี Bluetooth, WiFi หรือ USB
  • ต้องชาร์จแบตเตอรี่เป็นระยะ
  • การลงนามธุรกรรมด้วย QR Code เท่านั้น
  • ต้องใช้เวลาในการเรียนรู้สำหรับผู้ใช้ใหม่
เยี่ยมชม SafePal

11. Trust Wallet — ดีที่สุดสำหรับการเข้าถึง DApp

Trust Wallet เป็น Software Wallet แบบ Non-custodial ที่รองรับสินทรัพย์คริปโตและ NFT หลายล้านรายการบนกว่า 100+ Blockchains ออกแบบมาเพื่อความสะดวกสบาย มีฟังก์ชัน Staking ภายใน Wallet, การ Swap โทเคนอย่างราบรื่น และการซื้อคริปโตโดยตรง ในฐานะที่เป็น Hot Wallet มันเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ทำให้เข้าถึงได้ง่ายกว่า แต่ก็มีความปลอดภัยน้อยกว่า Hardware Wallets

Trust Walletแม้จะมี Interface ที่ใช้งานง่าย แต่เราควรทราบว่าการขาด Two-factor Authentication (2FA) เป็นข้อกังวลด้านความปลอดภัยไม่น้อย นอกจากนี้ การรองรับสินทรัพย์จำนวนมากยังรวมถึงโปรเจกต์คริปโตที่น่าสงสัยบางส่วน ซึ่งคุณจำเป็นต้องศึกษาข้อมูลก่อนลงทุน อย่างไรก็ตาม Trust Wallet ยังคงเป็นตัวเลือก DeFi Wallet ที่แข็งแกร่งสำหรับผู้ที่ต้องการกระเป๋าแบบ Multi-chain และครบวงจรในหนึ่งเดียว

ทำไม Trust Wallet จึงดีที่สุดสำหรับการเข้าถึง dApp?

เราให้คะแนน Trust Wallet ว่าเป็นหนึ่งใน Wallet ที่ดีที่สุดสำหรับการเข้าถึง dApp (Decentralized Applications) เนื่องจากทำงานร่วมกับ แพลตฟอร์ม DeFi, ตลาด NFT และแอปพลิเคชัน Web3 ได้อย่างราบรื่น แถมเบราว์เซอร์ dApp ในตัวช่วยให้คุณสำรวจโลกการเงินแบบกระจายอำนาจ (Decentralized Finance), Swap โทเคน และเข้าถึงบริการบน Blockchain ได้โดยไม่ต้องออกจากแอป

ฟีเจอร์หลัก

  • ประเภท Wallet: Software
  • Blockchains และสินทรัพย์ที่รองรับ: 100+ Blockchains, คริปโตเคอร์เรนซีและ NFT หลายล้านรายการ
  • อุปกรณ์ที่รองรับ: Browser Extension, Mobile App (iOS, Android)
  • ค่าธรรมเนียมธุรกรรม: ไม่มีค่าธรรมเนียม Wallet แต่มีค่าธรรมเนียมเครือข่าย
  • เหมาะสำหรับมือใหม่หรือไม่? เหมาะ – เพราะมี Interface ที่เรียบง่าย, มี Swaps ในตัว และการซื้อคริปโตโดยตรง จึงง่ายสำหรับผู้เริ่มต้น

ข้อดี

  • มี dApp Browser ในตัวสำหรับการเข้าถึง DeFi
  • ใช้งานฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียม Wallet
  • มีฟังก์ชัน Swapping, Staking และการซื้อคริปโตในตัว
  • สามารถทำงานร่วมกับ Ledger เพื่อเพิ่มความปลอดภัยได้

ข้อเสีย

  • ไม่มี Two-factor Authentication (2FA)
  • สินทรัพย์ที่รองรับบางส่วนไม่น่าเชื่อถือ
  • ต้องใช้ Exchange ภายนอกสำหรับการถอนเป็น Fiat
  • ตัวเลือกการสนับสนุนลูกค้ามีจำกัด

12. MetaMask — ดีที่สุดสำหรับ Ethereum และโทเคน ERC-20

MetaMask เป็น Software Wallet แบบ Non-custodial ที่ออกแบบมาสำหรับ Ethereum (ETH) และ โทเคน ERC-20 เป็นหลัก นอกจากนี้ยังรองรับเครือข่ายเช่น Binance Smart Chain และ Polygon สามารถใช้งานได้ในรูปแบบ Browser Extension และ Mobile App ช่วยให้โต้ตอบกับ dApps ได้อย่างราบรื่น คุณสามารถ Swap โทเคน, จัดการหลายบัญชี และเชื่อมต่อกับ แพลตฟอร์ม Web3 ได้อย่างง่ายดาย MetaMask ถือเป็น DeFi Wallet ที่ได้รับความนิยมอย่างสูงในระบบนิเวศ Ethereum

MetaMask Wallet กระเป๋าเงินคริปโตชื่อดัง

อย่างไรก็ตาม เราไม่สามารถแนะนำ MetaMask ให้กับผู้เริ่มต้นได้อย่างเต็มที่ เพราะการตั้งค่าเครือข่าย, การจัดการค่าธรรมเนียมแก๊ส และการจัดการ Private Keys ต้องใช้ความรู้ทางเทคนิค Interface อาจดูซับซ้อนและเกิดข้อผิดพลาดได้ เช่น ธุรกรรมที่ล้มเหลวหรือค่าแก๊สที่ไม่ถูกต้อง อาจทำให้ผู้ใช้หงุดหงิดและเสียค่าใช้จ่ายโดยไม่จำเป็น นอกจากนี้ ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย เช่น การโจมตีแบบ Phishing ยังต้องการความระมัดระวังเป็นพิเศษ

ทำไม MetaMask จึงดีที่สุดสำหรับ Ethereum และโทเคน ERC-20?

MetaMask เป็นหนึ่งใน Ethereum Wallets ที่ดีที่สุด เนื่องจากทำงานร่วมกับ dApps บน Ethereum, Decentralized Exchanges (DEX) และตลาด NFT ได้อย่างลึกซึ้ง มีค่าธรรมเนียมแก๊สที่ปรับแต่งได้, การรองรับ Multi-chain และความเข้ากันได้กับ Hardware Wallets เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

ฟีเจอร์หลัก

  • ประเภท Wallet: Software
  • Blockchains และสินทรัพย์ที่รองรับ: Ethereum, โทเคน ERC-20, Binance Smart Chain, Polygon และเครือข่ายอื่นๆ ที่เข้ากันได้กับ EVM (Ethereum Virtual Machine)
  • อุปกรณ์ที่รองรับ: Browser Extension (Chrome, Firefox, Brave, Edge) และ Mobile App (iOS, Android)
  • ค่าธรรมเนียมธุรกรรม: มีค่าธรรมเนียมเครือข่าย, การตั้งค่า Gas ที่ปรับแต่งได้
  • เหมาะสำหรับมือใหม่หรือไม่? ไม่ เพราะต้องอาศัยการตั้งค่าที่ซับซ้อน, การปรับ Gas Fees ด้วยตนเอง และความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ทำให้เป็นเรื่องยากสำหรับผู้ใช้ใหม่

ข้อดี

  • ทำงานร่วมกับ Ethereum และ DeFi ได้อย่างราบรื่น
  • ใช้งานฟรี ไม่มีค่าธรรมเนียมวอลเล็ต
  • มีฟังก์ชัน Token Swaps และการเข้าถึง NFT ในตัว
  • เป็น Open-source และมีการใช้งานอย่างแพร่หลาย

ข้อเสีย

  • ไม่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น (อินเทอร์เฟสซับซ้อน, ต้องตั้งค่าด้วยตนเอง)
  • Private Keys ถูกจัดเก็บไว้ในเครื่อง (เสี่ยงต่อ Malware)
  • Browser Extensions เสี่ยงต่อการถูกโจมตีแบบ Phishing
  • ไม่รองรับ Bitcoin โดยตรง

13. Phantom — ดีที่สุดสำหรับ Solana และโทเคน SPL

Phantom เป็น Software Wallet แบบ Non-custodial ซึ่งเป็นประเภทหนึ่งของ DeFi Wallet ที่ออกแบบมาสำหรับ Solana (SOL) และโทเคน SPL เป็นหลัก แต่ก็มีการรองรับเพิ่มเติมสำหรับ Ethereum และ Polygon สามารถใช้งานได้ในรูปแบบ Browser Extension และ Mobile App มอบวิธีที่คล่องตัวในการจัดเก็บ, Swap และ Stake คริปโต พร้อมทั้งเสนอการจัดการ NFT และการเข้าถึง DeFi ด้วย

หน้าแรก Phantom

ในฐานะหนึ่งใน Solana Wallets ที่ดีที่สุด Phantom ถือว่ามีความปลอดภัยและใช้งานง่าย อย่างไรก็ตาม รองรับแค่ Solana Staking เท่านั้น และเราพบว่าฟีเจอร์สวอปในตัวมีค่าธรรมเนียมสูงถึง 0.85% โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคิดรวมกับค่าธรรมเนียมเครือข่าย และแม้ว่าฟีเจอร์ความปลอดภัย เช่น การป้องกัน Phishing และการตรวจจับ Scam จะแข็งแกร่ง แต่การเป็น Self-custody หมายความว่าหากทำ Seed Phrase หาย จะไม่สามารถกู้คืนได้

ทำไม Phantom จึงดีที่สุดสำหรับ Solana และโทเคน SPL?

Phantom เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดสำหรับเหรียญมีม Solana และโทเค็น SPL อื่นๆ เนื่องจากมีสเตกกิ้งที่ราบรื่น ธุรกรรมที่รวดเร็ว และการทำงานร่วมกับระบบนิเวศที่แข็งแกร่ง มีฟังก์ชัน Swaps, เครื่องมือ NFT ในตัว และการป้องกัน Scam ทำให้เป็นอีกวอลเล็ตที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับผู้ใช้ Solana

ฟีเจอร์หลัก

  • ประเภท Wallet: Software
  • Blockchains และสินทรัพย์ที่รองรับ: Solana (โทเคน SPL), Ethereum (ERC-20) และ Polygon
  • อุปกรณ์ที่รองรับ: Browser Extension (Chrome, Firefox, Edge, Brave), Mobile App (iOS, Android)
  • ค่าธรรมเนียมธุรกรรม: มีค่าธรรมเนียมเครือข่าย, ค่าธรรมเนียม Swap 0.85%
  • เหมาะสำหรับมือใหม่หรือไม่? เพมาะ เพราะมีอินเทอร์เฟสเรียบง่าย ตั้งค่ารวดเร็ว และฟีเจอร์ Staking/Swapping ที่ชัดเจน ทำให้ใช้งานง่ายสำหรับผู้ใช้ทุกคน

ข้อดี

  • รองรับ Solana Staking โดยตรง
  • มี Swaps และเครื่องมือ NFT ในตัว
  • มีการตรวจจับ Scam และการป้องกัน Phishing
  • เป็น Open-source และอัปเดตบ่อยครั้ง

ข้อเสีย

  • ไม่รองรับ Bitcoin หรือ BNB Chain
  • การ Staking ยังจำกัด (เฉพาะ Solana)
  • มีค่าธรรมเนียม Swap สูงถึง 0.85%
  • ไม่สามารถลบบัญชีที่สร้างขึ้นในตัวได้

เราเลือก DeFi Wallet ที่ดีที่สุด จากอะไร?


การเลือก DeFi Wallet ที่ดีที่สุดต้องมีการประเมินปัจจัยสำคัญอย่างเข้มงวดซึ่งส่งผลต่อความปลอดภัย การใช้งาน และฟังก์ชันการทำงาน เราให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและการควบคุม Private Key (การที่คุณสามารถควบคุม Key ส่วนตัวของคุณได้อย่างสมบูรณ์ถือเป็นข้อได้เปรียบ) เพื่อให้แน่ใจว่าคุณยังคงดูแลควบคุมสินทรัพย์ของคุณได้อย่างเต็มที่

เรายังประเมินการรองรับ Multi-chain (ความสามารถในการใช้งานบน Blockchain หลายเครือข่าย) เนื่องจากจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นสำหรับการเทรด, การ Staking และ DeFi

นอกจากนี้ ความง่ายในการใช้งานและประสบการณ์ผู้ใช้ก็มีบทบาทสำคัญ ในขณะที่ตัวเลือกการสำรองและกู้คืนข้อมูลช่วยให้มั่นใจว่าเงินทุนจะไม่สูญหาย สุดท้าย การทำงานร่วมกับ Smart Contracts และ DeFi จะเป็นตัวกำหนดประสิทธิภาพของกระเป๋าคริปโต ในการโต้ตอบกับ Web3 ต่อไปนี้คือวิธีที่เราจัดอันดับ:

ความปลอดภัยและการควบคุม Private Key (25%)

ความปลอดภัยและการควบคุม Private Key เป็นตัวกำหนดว่าคุณเป็นเจ้าของคริปโตของคุณอย่างแท้จริงหรือไม่ DeFi Wallet ที่ดีควรเป็นแบบ Non-custodial ซึ่งหมายความว่ามีเพียงคุณเท่านั้นที่ถือ Private Keys หากแพลตฟอร์มเป็นผู้จัดการ Keys ของคุณ (เช่น Centralized Exchanges) นั่นหมายความว่าคุณไม่ได้เป็นเจ้าของสินทรัพย์ของคุณอย่างแท้จริง แต่คุณกำลังไว้วางใจบุคคลที่สามอยู่

เราประเมินความปลอดภัยโดยการตรวจสอบ Open-source Code (ซอร์สโค้ดที่เปิดเผยต่อสาธารณะ), ประวัติการตรวจสอบ และ มาตรฐานการเข้ารหัส (Encryption Standards) ซึ่ง Wallet แบบ Open-source เช่น MetaMask ช่วยให้สาธารณชนตรวจสอบได้ ในขณะที่การตรวจสอบจากบริษัท เช่น CertiK ช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือ และการเข้ารหัสที่แข็งแกร่งและการสำรองข้อมูล Seed Phrase ก็เป็นสิ่งสำคัญ

การรองรับ Multi-signature (การต้องใช้ลายเซ็นหลายอันในการทำธุรกรรม) และการทำงานร่วมกับ Hardware Wallet ช่วยลดความเสี่ยงในการโจมตี หาก Wallet ขาดสิ่งเหล่านี้ แสดงว่ายังไม่ปลอดภัยอย่างแท้จริง ดังนั้น แนะนำว่าไม่ควรใช้วอลเล็ตที่ไม่มีการตรวจสอบที่ได้รับการยืนยัน หรือไม่มีตัวเลือกการกู้คืน

คริปโตเคอร์เรนซีและเครือข่ายที่รองรับ (25%)

คริปโตเคอร์เรนซีและเครือข่ายที่ Wallet รองรับเป็นตัวกำหนดว่าคุณสามารถจัดเก็บ เทรด และโต้ตอบกับสินทรัพย์ใดได้บ้าง DeFi Wallet ที่ดีควรรองรับหลายบล็อกเชน เช่น Ethereum (ERC-20), Bitcoin, Solana (SPL) และ BSC (BEP-20)

ในการประเมินสิ่งนี้ เราตรวจสอบการรองรับสินทรัพย์แบบ Native (Native Asset Support – การรองรับเหรียญหลักของแต่ละ Chain), การนำเข้าโทเคนแบบกำหนดเอง (Custom Token Imports – การเพิ่มเหรียญที่ไม่ได้มีอยู่เดิมใน Wallet) และฟังก์ชันการทำงานแบบข้ามเครือข่าย ตัวอย่างเช่น MetaMask รองรับโทเคน ERC-20 แต่ไม่รองรับ Bitcoin ในขณะที่ Best Wallet รองรับสินทรัพย์แบบ Multi-chain และการทำงานร่วมกับ Web3 ที่หลากหลาย

การรองรับ Multi-chain มีความสำคัญสำหรับ DeFi, NFTs และการ Staking หากกระเป๋าคริปโตไม่รองรับเครือข่าย Layer 2 เช่น Arbitrum และ Optimism หรือ Custom RPCs (การกำหนดค่าเครือข่ายด้วยตนเอง) คุณจะต้องเผชิญกับค่าธรรมเนียมที่สูงขึ้นและการเข้าถึง dApp ที่จำกัด

DeFi wallet ที่ยืดหยุ่นและรองรับหลายเครือข่ายช่วยให้มั่นใจถึงความสามารถในการใช้งานและการจัดการสินทรัพย์ที่ดีขึ้น โดยเฉพาะการใช้งานบนเว็บไซต์เกมต่าง ๆ ที่อาจจะต้องเชื่อมกับ Casino Wallet เพื่อเข้าถึงเกมต่าง ๆ บนเว็บไซต์ ไม่ว่าจะเป็นการฝากถอนเงินหรือเทรดสกุลเงินประจำแพลตฟอร์ม

ความง่ายในการใช้งานและประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) (25%)

ความง่ายในการใช้งานและประสบการณ์ผู้ใช้ ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการจัดการคริปโตของคุณ วอลเล็ตที่ดีควรใช้งานง่าย ตอบสนองได้ดี และทนทานต่อข้อผิดพลาด เราประเมินประสบการณ์ผู้ใช้โดยการทดสอบขั้นตอนการทำธุรกรรม การปรับแต่งค่าธรรมเนียมแก๊ส รวมถึงการซิงโครไนซ์หลายแพลตฟอร์ม

การควบคุมแก๊สมีความสำคัญ กระเป๋าบางเจ้าให้คุณปรับค่าธรรมเนียมด้วยตนเอง ในขณะที่บางเจ้ามีตัวเลือกน้อยกว่า การตั้งค่าค่าธรรมเนียมที่ไม่ดีอาจนำไปสู่ธุรกรรมที่ล้มเหลวหรือมีค่าใช้จ่ายสูงได้ ในขณะที่ความสามารถในการซิงโครไนซ์หลายแพลตฟอร์มช่วยให้คุณเข้าถึง wallet ได้อย่างราบรื่นระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ — นึกถึง Browser Extensions, Desktop และ Mobile Apps

User Interface ที่เทอะทะหรือการไม่มีฟีเจอร์ซิงค์ ทำให้การโต้ตอบกับ Web3 น่าหงุดหงิด เราจะเน้นมองหาข้อความยืนยันการทำธุรกรรมที่ชัดเจน การคลิกอนุมัติที่เข้าใจง่าย และการเชื่อมต่อ dApp ที่ราบรื่น เพราะ wallet ที่ทำให้ผู้ใช้สับสนจะเป็นการเพิ่มความเสี่ยงโดยใช่เหตุ การคลิกผิดเพียงครั้งเดียวอาจทำให้เงินหายไปได้ ความเรียบง่ายและการควบคุมจึงเป็นสิ่งสำคัญเช่นกัน

ตัวเลือกการสำรองและกู้คืนข้อมูล (15%)

ตัวเลือกการสำรองและกู้คืนข้อมูลช่วยให้มั่นใจว่าคุณจะไม่สูญเสียการเข้าถึงคริปโตของคุณหากอุปกรณ์ของคุณสูญหาย ถูกขโมย หรือถูกบุกรุก หากไม่มีการกู้คืนที่เหมาะสม เงินทุนของคุณอาจจะหายไปตลอดกาล เราตรวจสอบสิ่งนี้โดยการตรวจสอบความปลอดภัยของ Seed Phrase หรือวลีกู้คืน, การสำรองข้อมูลที่เข้ารหัส และวิธีการกู้คืนอื่นๆ นอกเหนือจาก Seed Phrase ซึ่งวอลเล็ตที่แข็งแกร่งจะมี Seed Phrase 12-24 คำและการสำรองข้อมูลที่เข้ารหัสไว้ในเครื่อง

คุณควรหลีกเลี่ยงตัวเลือกที่จัดเก็บ Keys บน Centralized Servers เนื่องจากอาจทำให้คุณเสี่ยงต่อการถูกแฮ็กได้ นอกจากนี้ การรองรับหลายอุปกรณ์ก็มีความสำคัญเช่นกัน เช่น Ledger Live สามารถซิงค์ได้อย่างปลอดภัย ในขณะที่ MetaMask ต้องนำเข้าด้วยตนเอง เป็นต้น โดยพื้นฐานแล้ว DeFi Wallet ที่ดีช่วยให้คุณกู้คืนได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย แต่หากการกู้คืนซับซ้อนหรือใช้งานได้ไม่ดี คุณอาจเสี่ยงที่จะสูญเสียทุกอย่างได้เช่นกัน

การทำงานร่วมกับ Smart Contract และ DeFi (10%)

การทำงานร่วมกับ Smart Contract (สัญญาอัจฉริยะ) และ DeFi เป็นตัวกำหนดว่าคุณโต้ตอบกับ dApps, DEXs และแพลตฟอร์ม Staking ได้อย่างมีประสิทธิภาพเพียงใด ซึ่ง Wallet ควรเปิดใช้งานการเชื่อมต่อ Web3 ที่ปลอดภัยและราบรื่นโดยไม่เปิดเผย Private Keys

เรายังวิเคราะห์ความเข้ากันได้กับ dApp, การแสดงรายละเอียดก่อนยืนยันธุรกรรม และการประเมินความเสี่ยงของ Smart Contract

หาก Wallet ขาดการรองรับ Multi-chain หรือฟีเจอร์ Staking หมายความว่าความสามารถในการใช้งาน DeFi ก็จะถูกจำกัด ซึ่ง DeFi Wallet ที่ดีจะช่วยให้มั่นใจถึงการโต้ตอบกับ Web3 ที่ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ และยืดหยุ่น

DeFi Wallet คืออะไร?


โดยสรุป DeFi Wallet ช่วยให้คุณจัดเก็บเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีของคุณได้อย่างปลอดภัย เพราะคุณเป็นผู้ควบคุม Private Keys ของคุณเอง

ซึ่งแตกต่างจาก Centralized Wallets ซึ่งมักให้บริการโดย Exchange หรือโบรกเกอร์ ตรงที่ Centralized Wallets ไม่ได้ให้ Private Keys แก่คุณ ซึ่งหมายความว่าคุณต้องไว้วางใจผู้ให้บริการในการรักษาเงินทุนและสินทรัพย์ของคุณให้ปลอดภัย

DeFi Wallets ช่วยให้คุณควบคุมการลงทุนคริปโตของคุณได้อย่างเต็มที่ ไม่เหมือน Centralized Wallets เพราะสำหรับ DeFi Wallet มีเพียงคุณเท่านั้นที่สามารถเข้าถึง Private Keys ของคุณได้

สิ่งสำคัญคือ เมื่อตั้งค่า DeFi Wallet โดยทั่วไปแล้ว Private Keys จะถูกจัดเตรียมในรูปแบบที่ง่ายขึ้น ซึ่งมักจะเป็น Passphrase 12 คำที่ต้องป้อนตามลำดับที่ถูกต้อง อย่างไรก็ตาม ผู้ให้บริการ DeFi Wallet จะไม่สามารถเข้าถึง Private Keys ได้เลย

ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้งานมีหน้าที่รับผิดชอบในการปกป้องกระเป๋าเงินของตนเอง หากกระเป๋าเงินถูกบุกรุกหรือคุณทำ Private Keys หาย ผู้ให้บริการจะไม่สามารถช่วยกู้คืนเงินทุนของคุณได้

Centralized Wallets เทียบกับ DeFi Wallets

ความรับผิดชอบในการ 'ดูแลสินทรัพย์' (Custodianship) คือสิ่งที่ทำให้ DeFi Wallet และ Centralized Wallets แตกต่างกัน ผู้ให้บริการ Centralized Wallet มีหน้าที่รักษาคริปโตเคอร์เรนซีของคุณให้ปลอดภัย ในทางกลับกัน DeFi Wallets ให้คุณควบคุมได้อย่างเต็มที่ ซึ่งหมายความว่าคุณมีหน้าที่รับผิดชอบในการดูแล Private Keys ของตนเอง การทำความเข้าใจว่า DeFi คืออะไร และ DeFi Wallet คืออะไร จะช่วยให้เลือกประเภท Wallet ได้เหมาะสม

ทั้ง DeFi และ Centralized Wallets ช่วยให้คุณจัดเก็บคริปโตเคอร์เรนซีของคุณได้ ความแตกต่างที่สำคัญคือใครเป็นผู้รับผิดชอบในการปกป้อง Private Keys ของวอลเล็ต

ในกรณีของ Centralized Wallets นั้น Private Keys จะถูกรักษาความปลอดภัยโดยผู้ให้บริการ ซึ่งมักจะเป็น Crypto Exchange หรือโบรกเกอร์ ด้วยเหตุนี้ คุณจึงไม่สามารถเข้าถึง Private Keys ของคุณได้ ในทางกลับกัน หากผู้ดูแลสินทรัพย์ดังกล่าวถูกแฮ็กหรือล้มละลาย (เช่นกรณี FTX, ByBit) เงินและสินทรัพย์ของคุณก็จะตกอยู่ในความเสี่ยง

ในทางตรงกันข้าม DeFi Wallets ให้ผู้ใช้ควบคุมเงินทุนและ Private Keys ของตนได้อย่างเต็มที่ ซึ่งหมายความว่าไม่ต้องพึ่งพาผู้ดูแลสินทรัพย์ที่เป็นบุคคลที่สาม คุณสามารถส่งและรับเงินทุนได้ตลอดเวลาโดยไม่จำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากบุคคลหรือหน่วยงานอื่น

อย่างไรก็ตาม คุณจะไม่มีที่พึ่งใดๆ เลยหาก DeFi Wallet ถูกแฮ็กหรือคุณทำ Private Keys หาย ดังนั้น แม้มันจะให้คุณควบคุมสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณได้เต็มที่ คุณก็ควรศึกษาแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยที่เหมาะสมด้วยเช่นกัน

เช่น การเก็บ Private Keys แบบออฟไลน์ตลอดเวลาในที่ที่ปลอดภัย เช่น จดไว้บนกระดาษแล้วนำไปเคลือบ จากนั้นนำไปใส่ตู้เซฟที่กันไฟไหม้ และมีแต่คุณเท่านั้นที่รู้รหัสผ่านตู้เซฟ การทำเช่นนี้จะช่วยให้คุณสามารถกู้คืน Wallet ของคุณได้หากคุณลืมรหัสผ่าน หรืออุปกรณ์สูญหายหรือถูกขโมย

ประโยชน์ของการใช้ DeFi Crypto Wallet


ประโยชน์หลักบางประการที่ DeFi Wallets นำเสนอ ได้แก่ การดูแล Private Keys แต่เพียงผู้เดียว การเข้าถึง dApps และเวลาทำธุรกรรมที่เร็วขึ้น

ยังไม่แน่ใจว่า DeFi Wallet เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดหรือไม่? นี่คือประโยชน์บางประการของการใช้ DeFi Wallet สำหรับการจัดเก็บคริปโตเคอร์เรนซี:

ควบคุมโทเคนคริปโตได้อย่างเต็มที่

จุดดึงดูดหลักของ DeFi Wallets คือคุณเป็นผู้ควบคุมเงินทุนของคุณเอง นั่นเป็นเพราะมีเพียงคุณเท่านั้นที่สามารถอนุมัติธุรกรรมขาออกได้ และไม่มีบุคคลที่สามใดที่สามารถขัดขวางได้

ยิ่งไปกว่านั้น หน่วยงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผู้ให้บริการ Wallet หรือรัฐบาล ก็ไม่สามารถเข้าถึงเงินทุนคริปโตของคุณได้ สิ่งนี้ช่วยให้คุณสามารถจัดเก็บความมั่งคั่งนอกระบบการเงินแบบเดิมได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ คุณไม่จำเป็นต้องไว้วางใจผู้ให้บริการ DeFi Wallet เหมือนที่คุณทำกับ Centralized Exchanges

จัดเก็บโทเคนจำนวนมาก

เมื่อใช้ Centralized Wallet จำนวนโทเคนที่รองรับมักจะจำกัด เนื่องจากคุณสามารถจัดเก็บได้เฉพาะโทเคน Exchange ที่รองรับเท่านั้น ในทางตรงกันข้าม DeFi Wallet รองรับคริปโตเคอร์เรนซีหลายพัน หรือบางครั้งอาจถึง ล้าน สกุล

ยกตัวอย่าง Trust Wallet สามารถใช้งานร่วมกับเครือข่าย Blockchain กว่า 70 เครือข่าย และคริปโตเคอร์เรนซีและ NFTs กว่า 4.5 ล้านรายการ ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสามารถจัดเก็บสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดไว้ในที่เดียวที่ปลอดภัย

เข้าถึง Web3 DApps

วอลเล็ต DeFi ที่ดีช่วยให้คุณเข้าถึง dApps บน Web 3.0 ได้อย่างราบรื่น ตัวอย่าง dApps ที่รองรับโดยทั่วไป ได้แก่:

  • Uniswap
  • SushiSwap
  • PancakeSwap
  • OpenSea
  • Compound
  • Yearn.finance

ที่สำคัญ dApps เหล่านี้ให้การเข้าถึงเครื่องมือทางการเงินแบบกระจายอำนาจ เช่น การ Swap โทเคน, สเตคกิ้ง, Yield Farming และ Dual Investments (การลงทุนแบบคู่ขนาน)

เรื่องน่ารู้: เนื่องจากความสามารถในการเข้าถึง Web3 App ได้อย่างราบรื่น ในบางกรณี DeFi Wallet ก็อาจจะถูกระบุให้เป็น Web3 Wallet ได้เช่นกัน เพียงแต่ขอบเขตการใช้งาน DeFi Wallet นั้นจะเฉพาะเจาะจงไปในด้านการเงินแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Finance) มากกว่า

ความเป็นส่วนตัว (Anonymity)

คุณสมบัติยอดนิยมอีกประการหนึ่งของกระเป๋าเงินคริปโตแบบ DeFi คือการไม่เปิดเผยตัวตน ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถสร้างกระเป๋าเงินได้โดยไม่ต้องระบุข้อมูลส่วนตัวหรือรายละเอียดการติดต่อใดๆ สิ่งที่คุณต้องมีเพื่อเข้าถึงกระเป๋าเงินของคุณมีแค่รหัสผ่านหรือคีย์ส่วนตัวที่เกี่ยวข้อง

DeFi Crypto Wallets ปลอดภัยแค่ไหน?


ประการแรกที่สำคัญที่สุดคือ การที่คุณไม่จำเป็นต้องไว้วางใจบุคคลที่สามเมื่อใช้ DeFi Wallet เพราะท้ายที่สุดแล้ว DeFi Wallets เป็นเพียงสะพานเชื่อมระหว่างธุรกรรมคริปโตและบล็อกเชน

อย่างไรก็ตาม DeFi Wallets จะมีความเสี่ยงจากการพยายามแฮ็กจากระยะไกลและการโจรกรรมอยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ คุณต้องแน่ใจว่าคุณได้ปฏิบัติตามแนวทางด้านความปลอดภัยอย่างครบถ้วน เพื่อรักษาเงินทุนคริปโตของคุณอย่างดีที่สุด

ตัวอย่างเช่น ผู้ที่ใช้ Mobile Wallet ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าได้เปิดใช้งานการป้องกันด้วย PIN หรือ Biometric แล้ว ซึ่งควรทำเพิ่มเติมจากการใช้รหัสผ่านล็อกหน้าจอของ Smartphone

วิธีตั้งค่าความปลอดภัยบน Best Wallet ด้วย 2FA

กรณีนี้ยังใช้ได้กับ Desktop และ Browser Extension Wallets อีกด้วย เพราะอีกวิธีหนึ่งที่แฮ็กเกอร์ใช้ในการเข้าถึง DeFi Wallet คือผ่านลิงก์ ตัวอย่างเช่น นักต้มตุ๋นอาจแอบอ้างเป็นทีมสนับสนุนของ wallet และส่งลิงก์เพื่อให้คุณคลิกโดยไม่รู้ตัว ลิงก์นั้นอาจติดตั้งไวรัสหรือ Keylogger (โปรแกรมดักจับการกดคีย์บอร์ด) ทำให้นักต้มตุ๋นสามารถเข้าถึง Wallet จากระยะไกลได้ วิธีป้องกันในที่นี้คือ อย่าคลิกลิงก์จากแหล่งที่ไม่รู้จัก ไม่ว่าจะบนโซเชียลมีเดียหรืออีเมล

ตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุดคือการเก็บกระเป๋าสตางค์คริปโตแบบออฟไลน์ไว้ตลอดเวลา ตัวอย่างเช่น ลองติดตั้งกระเป๋าสตางค์บนสมาร์ทโฟนราคาถูกที่คุณไม่เคยเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เป็นต้น

ท้ายที่สุดแล้ว DeFi Wallets นั้นปลอดภัย แต่คุณเองก็ต้องมีความรับผิดชอบด้วย คุณต้องพิจารณาว่าความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้นมักนำไปสู่ความปลอดภัยที่ลดลง

ในขณะที่ Software Wallets สะดวกสำหรับการเทรดและการลงทุนคริปโตอย่างจริงจัง แต่ Private Keys ก็มีความเสี่ยงต่อแฮ็กเกอร์อยู่เสมอ ด้วยเหตุนี้ คุณควรเก็บคริปโตแค่จำนวนเล็กน้อยไว้ใน Software Wallet เท่านั้น

ความสำคัญของการจัดเก็บ Seed Phrases อย่างปลอดภัย


เพื่อให้จัดเก็บและปกป้อง Private Keys ของคุณได้อย่างเหมาะสม คุณต้องสร้าง Seed Phrase ซึ่งเป็นลำดับคำ 12, 18 หรือ 24 คำ ซึ่งเมื่อป้อนตามลำดับที่ถูกต้อง จะทำให้คุณเข้าถึง Crypto Wallet และโทเคนทั้งหมดได้

เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่ทำ Seed Phrases หาย เราขอแนะนำให้ใช้อุปกรณ์จัดเก็บ Seed Phrase เช่น Cryptotag อุปกรณ์นี้ทำจาก Titanium เกรดเดียวกับที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ ทนทานต่อน้ำและความร้อน อุปกรณ์ Cryptotag สามารถใช้งานร่วมกับ Ledger, Trezor, MetaMask และ Crypto Wallets ยอดนิยมอื่นๆ ได้

ประเภทต่างๆ ของ DeFi Wallets


เมื่อเราทราบความแตกต่างระหว่าง Centralized และ DeFi Wallets แล้ว เราสามารถสำรวจประเภทต่างๆ ที่มีอยู่ได้

Software Wallets

นักลงทุนคริปโตส่วนใหญ่เลือกใช้ DeFi Wallet แบบ Software ซึ่งมักเรียกว่า 'Hot Storage' นี่เป็นเพราะเงินทุนยังคงออนไลน์อยู่ตลอดเวลา เป็นการเพิ่มทั้งความ "สะดวกสบายและความเสี่ยง" และการทำความเข้าใจว่า DeFi คืออะไร จะช่วยให้คุณเข้าใจความเสี่ยงนี้ได้ดีขึ้น

Software Wallet มีหลายรูปแบบ แต่ Mobile Apps มักเป็นที่นิยมเป็นพิเศษ เมื่อเทียบกับรูปแบบ Desktop Software ซึ่ง Software Wallet เช่น Best Wallet และ Trust Wallet ต่างก็มีแอปสำหรับ iOS และ Android สิ่งนี้ช่วยให้คุณรักษาความปลอดภัยให้กับเงินทุนคริปโตของคุณด้วย PIN หรือ Fingerprint ID (การยืนยันตัวตนด้วยลายนิ้วมือ)

Mobile Wallet สะดวกมากสำหรับการจัดการ Portfolio คริปโตอย่างสม่ำเสมอ เพียงคลิกปุ่มเดียว คุณก็สามารถส่ง รับ และเทรดคริปโตได้โดยตรงจาก Smartphone ของคุณ

Software Wallets ยังมาพร้อมกับ Browser Extensions ตัวอย่างเช่น MetaMask มี Extension สำหรับเบราว์เซอร์ Chrome, Edge, Brave และ Firefox ดังนั้นคุณจึงสามารถเข้าถึงตลาดคริปโตได้ทุกเมื่อที่คุณอยู่บน PC ของคุณ

Hardware Wallets

Hardware Wallets ช่วยให้คุณจัดเก็บ Private Keys ของคุณบนอุปกรณ์กายภาพ ซึ่งทำให้ Keys เหล่านั้นอยู่ในรูปแบบออฟไลน์ตลอดเวลา การจะโอนคริปโตไปยัง Wallet อื่น คุณจะต้องป้อน PIN บนอุปกรณ์ Hardware ซึ่งเป็นวิธีที่ปลอดภัยอย่างยิ่งในการจัดเก็บคริปโตจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม Hardware Wallets ไม่สะดวกสบายสำหรับนักเทรดคริปโตที่ซื้อขายบ่อย เพราะการเทรดในนาทีสุดท้ายทำได้ยุ่งยาก เนื่องจากจำเป็นต้องเข้าถึงอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ก่อน

ผู้ให้บริการ Hardware Wallet ชั้นนำคือ Trezor และ Ledger ทั้งสองเป็นแบบ Decentralized เนื่องจากผู้ให้บริการทั้งสองไม่สามารถเข้าถึง Private Keys ของอุปกรณ์ได้

อย่างไรก็ตาม โปรดทราบว่าคุณจะต้องให้ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงินบางส่วนเมื่อซื้อ Hardware Wallet ทางออนไลน์

วิธีใช้งาน DeFi Crypto Wallet เบื้องต้น


ก่อนที่จะสรุปคู่มือนี้ เรามาดูขั้นตอนในการดาวน์โหลดและเริ่มใช้งาน DeFi Crypto Wallet กัน ตัวเลือกที่เราแนะนำคือ Best Wallet แอปมือถือฟรีที่ใช้งานง่าย มีให้บริการทั้งบน iOS และ Android

ทำตามขั้นตอนง่ายๆ เหล่านี้เพื่อตั้งค่า Best Wallet และเริ่มจัดการคริปโตของคุณวันนี้:

ขั้นตอนที่ 1: ดาวน์โหลดแอป Best Wallet

ไปที่ Google Play Store หรือ Apple App Store ค้นหา Best Wallet แล้วดาวน์โหลดแอป การติดตั้งรวดเร็วและฟรีไม่มีค่าใช้จ่าย

best wallet บน app store

ขั้นตอนที่ 2: สร้างบัญชี

เปิดแอปแล้วป้อนชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านเพื่อตั้งค่าบัญชีของคุณ ขั้นตอนนี้จำเป็นสำหรับการเข้าถึง Wallet ของคุณอย่างปลอดภัย

วิธีสร้างบัญชี best wallet

ขั้นตอนที่ 3: รักษาความปลอดภัย Wallet ของคุณ

แอปจะแจ้งให้คุณสำรอง Mnemonic Phrase (12 คำ) ของคุณ วลีนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการกู้คืนบัญชีของคุณ ดังนั้นควรจัดเก็บไว้อย่างปลอดภัยและห้ามเปิดเผยให้ใครทราบ

นอกจากนี้ แอปยังกำหนดให้คุณเลือกรหัสผ่านและตั้งค่า 2FA และ/หรือ Biometric Authentication (การเข้าสู่ระบบด้วยลายนิ้วมือ) เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

วิธีตั้งค่าความปลอดภัยบน best wallet ด้วยรหัสผ่าน

ขั้นตอนที่ 4: เริ่มใช้งาน Best Wallet

เมื่อตั้งค่าเสร็จแล้ว คุณสามารถส่ง รับ และจัดการสินทรัพย์คริปโตของคุณได้โดยตรงจากแอป Best Wallet

หน้าจอแอพมือถือ best wallet

บทสรุป DeFi Wallet


การเลือก DeFi Wallet ที่เหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญในการรักษาการควบคุมสินทรัพย์คริปโตของคุณอย่างเต็มที่ ต่างจากตัวเลือกแบบ Centralized เพราะ DeFi Wallets ให้คุณเป็นเจ้าของ Private Keys แต่เพียงผู้เดียว ซึ่งช่วยขจัดความเสี่ยงจากบุคคลที่สาม เช่น การแฮ็ก Exchange, การยึดทรัพย์สินตามกฎระเบียบ และการอายัดบัญชี

อย่างไรก็ตาม แต่ละ Wallet มีมาตรการความปลอดภัย การรองรับ Blockchain และประสบการณ์ผู้ใช้ที่แตกต่างกัน การศึกษาข้อมูลจึงเป็นสิ่งสำคัญก่อนตัดสินใจเลือก

ความปลอดภัย ตัวเลือกการสำรองข้อมูล และความง่ายในการใช้งานควรเป็นสิ่งสำคัญสูงสุดในการเลือก Wallet ซึ่งเราขอยกให้ Best Wallet เป็น DeFi Wallet อันดับต้นๆ เนื่องจากเป็นแบบ Non-custodial มี DEX ในตัว และมีฟีเจอร์ความปลอดภัยขั้นสูง

อย่างไรก็ตาม ไม่ว่าคุณจะเลือก Wallet ใด คุณควรปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติด้านความปลอดภัยที่ดีที่สุดเสมอ รวมถึงการจัดเก็บ Seed Phrase ของคุณอย่างปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการโจมตีแบบ Phishing เพราะท้ายที่สุดแล้ว ความปลอดภัยของคริปโตเป็นความรับผิดชอบของคุณ และการเลือก Wallet ที่ปลอดภัยก็เป็นเพียงก้าวแรกเท่านั้น

เยี่ยมชม Best Wallet

คำถามที่พบบ่อย (FAQs)


Wallet ใดบ้างที่เป็นแบบ Decentralized?

DeFi Crypto Wallet ใดที่ปลอดภัยที่สุด?

Coinbase Wallet เป็นแบบ Decentralized หรือ Centralized?

Trust Wallet เป็นแบบ Decentralized หรือ Centralized?

DeFi Wallets คิดค่าธรรมเนียมอะไรบ้าง?

DeFi Crypto Wallets ปลอดภัยแค่ไหน?

อ้างอิง (References)

เกี่ยวกับ Cryptonews