10 อันดับเว็บเทรดคริปโตที่ดีที่สุดสำหรับมือใหม่ปี2025
การลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล หรือคริปโตเคอร์เรนซีนั้นเป็นสิ่งที่นักลงทุนรุ่นใหม่ต่างกำลังให้ความสนใจและกำลังมองหาโอกาสในการทำเงินหลังจากกระแสของบิทคอยน์ได้สร้างปรากฎการณ์ต่าง ๆ ไม่ว่าจะราคาที่เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดหรือการรองรับสกุลเงินนี้ในวงกว้าง ซึ่งทำให้คริปโตทางเลือกอื่น ๆ นั้นเริ่มมีบทบาทและน่าสนใจต่อการลงทุนมากขึ้น
อย่างไรก็ตาม สำหรับมือใหม่แล้วนั้นการมองหากระดานเทรดที่ปลอดภัยอาจเป็นเรื่องที่ยากและจะต้องศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด ไมว่าจะเป็นการเทรดคริปโต ที่ไหนดี หรือเทรดประเภทไหนให้ผลตอบแทนที่ดี หรือโครงการไหนที่น่าสนใจ ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องศึกษาทั้งสิ้น
บทความนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับกระดานและกระเป๋าเงินคริปโตที่มีคุณสมบัติในการเทรดพร้อมกับฟีเจอร์ต่าง ๆ ที่เอื้อต่อการใช้งานสำหรับนักลงทุน และที่สำคัญมีความปลอดภัยและน่าเชื่อถือ พร้อมกับข้อมูลสำหรับการเทรดที่คุณต้องรู้ เพื่อให้แน่ใจว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุด
แนะนำ 10 แพลตฟอร์มเทรดคริปโตที่ดีที่สุดปี 2025
นี่คือแพลตฟอร์มที่เราได้ทำการสำรวจแล้วว่าดีที่สุดในการเทรดคริปโต ที่ไหนดี
Best Wallet – แพลตฟอร์มเทรดคริปโต ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ รองรับเหรียญมากกว่า 1,000 เหรียญ
Margex – เว็บเทรดที่มีอินเตอร์เฟซใช้งานง่ายและมอบโบนัสสมัครสมาชิกสูงสุดมูลค่า 10,000 ดอลลาร์
MEXC – เว็บเทรดที่มีเลเวอเรจสูงสุด 400 เท่าและให้ผลตอบแทน Staking APY สูงถึง 300%
OKX – เว็บที่ปลอดภัย รองรับคริปโตมากกว่า 300 สกุล และเก็บเงินทุนของลูกค้า 95% ในแบบ offline
BloFin – เว็บเทรดคริปโตเน้นระบบรีวอร์ด ที่มีตัวเลือกฟิวเจอร์สมากกว่า 300 รายการ
Binance – เว็บเทรดที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสภาพคล่องสูง ระบบความปลอดภัย MFA ที่แข็งแกร่ง
CoinEx – เว็บเทรดที่เน้นปริมาณเหรียญและความหลากหลายของคู่เทรด พร้อมกับความปลอดภัย
Bybit – แพลตฟอร์มเทรด ที่มีระดับ VIP มากกว่า 12 ระดับและรองรับเลเวอเรจสูงสุด 200 เท่า
KCEX – เว็บเทรดที่เหมาะสำหรับผู้ใช้มือใหม่ และอินเตอร์เฟซที่เป็นหมวดหมู่สะอาดตา
BingX – แพลตฟอร์มที่โดดเด่นเรื่องฟีเจอร์ Copy Trading สำหรับผู้ที่ไม่มีค่อยมีเวลาเทรดเอง
ตารางเปรียบเทียบแพลตฟอร์มเทรดคริปโตที่ดีที่สุดปี 2025
แพลตฟอร์ม | ฟีเจอร์เด่น | ค่าธรรมเนียมเทรด | เลเวอเรจสูงสุด | จำเป็นต้อง KYC หรือไม่ ? |
Best Wallet | ระบบกระเป๋าแบบมัลติเชน, ทำนายราคา, แนะนำเหรียญใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพสูง | ไม่มี | ไม่มี | ไม่จำเป็น |
Margex | เทรด leverage ได้แบบโปร่งใส | ต่ำ (0.019% maker) | 100x | ไม่จำเป็น |
MEXC | Futures, ETF, Launchpad | ต่ำถึงปานกลาง | 400x | ไม่จำเป็น |
OKX | DEX + CEX ในที่เดียว | ต่ำ (0.08%-0.10%) | Spot สูงสุด 10 x, Futures สูงสุด 100x | จำเป็น |
BloFin | โบนัสผู้ใช้งานใหม่, Spot+Futures | ต่ำมาก | 150x | จำเป็น |
Binance | ทุกฟีเจอร์, มีทุกเหรียญ | ต่ำสุด (0.10% หรือต่ำกว่า) | 125x | จำเป็น |
CoinEx | เหมาะกับ Altcoin เทรดเร็วๆ | ปานกลาง | ไม่ระบุ | ไม่จำเป็น |
Bybit | Copy Trade, Trading Bot | ต่ำ (ขึ้นอยู่กับคู่เหรียญ) | 200x | จำเป็น |
KCEX | โบนัสแรกเข้า, Spot+Futures | ต่ำ | 100x | ไม่จำเป็น |
BingX | Copy Trade, Futures | ต่ำ | 150x | จำเป็น |
รีวิวช่องทางเทรดคริปโต แอพไหนดีแบบละเอียด
เรามาเจาะลึกกันแต่ละแพลตฟอร์มกันอย่างละเอียดว่าพวกเขามีข้อดีอะไรบ้าง และมีจุดเด่นอะไรที่นักเทรดมือใหม่ต้องรู้
1. Best Wallet – แพลตฟอร์มเทรดคริปโต ที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ รองรับเหรียญมากกว่า 1,000 เหรียญ
Best Wallet เป็นกระเป๋าเงินที่เหมาะสำหรับการเทรดคริปโตที่ดีที่สุดในรายการของเราด้วยเหตุผลหลายประการ อันดับแรกพวกเขาเป็นกระเป๋าที่ง่ายต่อการใช้งาน คุณสามารถทำการจัดเก็บ
ซื้อขายแลกเปลี่ยนด้วยแอปพลิเคชั่นของแพลตฟอร์มที่รองรับมือถือทุกระบบปฏิบัติการ ทั้ง Android และ iOS ทำให้เทรดได้ทุกที่ที่ต้องการเพียงแค่ทำการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ไม่เพียงเท่านั้น Best Wallet ยังรองรับสกุลเงินหลายสิบสกุลเงินด้วยกัน และมีการทำงานแบบมัลติเชน ทำให้ไม่ต้องกังวลว่าคุณจะต้องสลับเชนไปมาเพื่อจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณ เพราะระบบนี้จะทำให้คุณง่ายต่อการจัดเก็บและจัดการพอร์ตลงทุนได้อย่างอิสระ นอกจากนี้
พวกเขายังมีฟีเจอร์ที่เอื้อต่อการใช้งานที่สะดวก ไม่ว่าจะเป็นการติดตามราคาของคริปโตแบบเรียลไทม์ หรือการเสนอโครงการใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพในการเติบโต
รวมไปถึงหากคุณทำการซื้อหรือเข้าร่วมโทเค็นประจำโครงการจะได้รับสิทธิประโยชน์ส่วนลดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมบนแพลตฟอร์มอีกด้วย และที่สำคัญ พวกเขาไม่จำเป็นต้อง KYC ทำให้การเทรดของคุณนั้นมีความเป็นส่วนตัวมากขึ้น
จุดเด่น
- รองรับการเทรดมากกว่า 50 เครือข่ายบล็อกเชน
- เชื่อมต่อกับ DEX มากกว่า 200 แห่ง
- เหมาะสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการควบคุมสินทรัพย์ด้วยตนเอง
- ซื้อ ขาย ติดตามราคา Staking ได้ภายในแอปเดียว
- ไม่จำเป็นต้อง KYC
จุดด้อย
- อาจซับซ้อนสำหรับมือใหม่ที่เริ่มต้น
2. Margex – เว็บเทรดที่มีอินเตอร์เฟซใช้งานง่ายและมอบโบนัสสมัครสมาชิกสูงสุดมูลค่า 10,000 ดอลลาร์
Margex เป็นแพลตฟอร์มเทรดคริปโตที่เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2019 และมีการรองรับสกุลเงินที่มากกว่า 50 สกุลเงิน ทำให้เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มที่น่าสนใจ
แต่อย่างไรก็ตามสิ่งที่ทำให้ Margex อาจจะต้องพิจารณาอย่างลึกซึ้งก็คือพวกเขาเป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานได้เฉพาะภาษาต่าประเทศเท่านั้น และยังไม่มีการรองรับภาษาไทย ทำให้นักเทรดชาวไทยอาจจะต้องมีสกิลด้านภาษาร่วมด้วย
สิ่งที่เป็นจุดเด่นของ Margex ได้แก่ค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างต่ำ โดยค่าธรรมเนียมของพวกเขาคือ Taker อยู่ที่ 0.06% และ Maker มีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 0.019% ไม่เพียงเท่านั้น Leverage ยังเพิ่มได้สูงสุดถึง 100 เท่า ซึ่งอาจไม่โดดเด่นเท่าแพลตฟอร์มอื่น
แต่สำหรับกระดานเทรดขนาดเล็กถือว่าเป็นการตอบแทนที่คุ้มค่าอีกหนึ่งแห่ง นอกจากนี้สำหรับนักเทรดมือใหม่ที่ทำการลงทะเบียนและฝากเงินครั้งแรก จะได้รับข้อเสนอในส่วนของโบนัสสมาชิกสูงสุดถึง 10,000 ดอลลาร์ เรียกได้ว่ายิ่งเทรดยิ่งได้ เหมาะสำหรับนักลงทุนที่กำลังมองหาแพลตฟอร์มที่ให้ผลตอบแทนสูง
จุดเด่น
- รองรับการเทรดด้วยเลเวอเรจสูงสุดถึง 100 เท่าสำหรับคู่เทรดหลัก
- มีฟีเจอร์ Copy Trading และระบบกระเป๋าเงินแบบหลายสินทรัพย์
- ไม่จำเป็นต้อง KYC
- มีโบนัสสำหรับสมาชิกใหม่มากถึง 10,000 ดอลลาร์
จุดด้อย
- มีฟังก์ชันและเครื่องมือน้อยกว่าแพลตฟอร์มอื่น
3. MEXC – เว็บเทรดที่มีเลเวอเรจสูงสุด 400 เท่าและให้ผลตอบแทน Staking APY สูงถึง 300%
MEXC เป็นกระดานเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดอีกหนึ่งแห่งที่รองรับสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 3,000 กว่าสกุล พร้อมกับค่าธรรมเนียมที่ต่ำมาก ไม่ว่าจะเป็นการเทรดแบบ Spot หรือ Futures พร้อมกับค่า Leverage สูงสุดถึง 4,000 เท่า และ Staking APY สูงถึง 300%
เรียกได้ว่าเป็นแพลตฟอร์มที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการมองหาความสะดวกต่อการใช้งานและการเทรดที่อิสระ และรองรับทุกการเทรดที่ดีที่สุด
ไม่เพียงเท่านั้น ทาง MEXC ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง โดยพวกเขามีการรักษารหัสผ่านที่ปลอดภัย การยืนยันตัวตนสองชั้น และอื่น ๆ อีกมากมายเพื่อป้องกันการโจรกรรมทางไซเบอร์
และเพื่อให้ทางผู้ใช้งานรู้สึกปลอดภัยและเชื่อถือทุกครั้งที่ฝากสินทรัพย์ดิจิทัลไว้กับแพลตฟอร์ม คุณสามารถใช้งาน MEXC ผ่านทางเบราว์เซอร์บนคอมพิวเตอร์ หรือดาวน์โหลดและติดตั้งแอปพลิเคชั่นบนมือถือได้ตามความสะดวก
แน่นอนว่าการใช้งานด้วยมือถือนั้นจะทำให้คุณเทรดได้ทุกที่ตามความต้องการและติดตามราคาของเหรียญคริปโตโดยไม่ต้องเฝ้าหน้าจอคอมพิวเตอร์อีกด้วย
จุดเด่น
- รองรับการเทรดคริปโตมากกว่า 2,900 สกุลเงิน
- ค่าธรรมเนียมค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น
- มีฟังก์ชันทดลองเทรด หรือ เดโม่
- มีฟังก์ชัน Copy Trading สำหรับผู้เริ่มต้น
จุดด้อย
- ไม่สามารถใช้งานได้ในบางประเทศ เช่น สหรัฐอเมริกา
4. OKX – เว็บที่ปลอดภัย รองรับคริปโตมากกว่า 300 สกุล และเก็บเงินทุนของลูกค้า 95% ในแบบ offline
OKX เป็นอีกหนึ่งกระดานเทรดคริปโตที่โดดเด่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ อีกทั้งพวกเขายังเป็นแพลตฟอร์มที่ค่อนข้างเป็นมิตรต่อคนไทยอย่างมาก คุณสามารถใช้งานผ่านเบราว์เซอร์บนคอมพิวเตอร์ หรือจะดาวน์โหลดติดตั้งแอปพลิเคชั่นบนมือถือก็ได้เช่นกัน และอินเตอร์เฟซที่ใช้งานง่าย ทำให้นักลงทุนมือใหม่หลายคนเลือกที่จะใช้งาน OKX ด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ แพลตฟอร์มสามารถรองรับการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า 300 สกุล โดยพวกเขาเปิดตัวตั้งแต่ปี 2017 ทำให้มีประสบการณ์ด้านการเทรดมานานหลายปี และจุดเด่นที่สำคัญคือการใช้งานแบบออฟไลน์ที่จะช่วยเก็บเงินทุนของลูกค้า 95% อีกด้วย
นอกจากนี้ OKX Wallet เป็นโอเพนซอร์ส เปิดเผยโค้ดให้ทุกคนสามารถตรวจสอบช่องโหว่ด้านความปลอดภัยได้ จึงมีระดับความปลอดภัยสูง ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่เทรดเดอร์ทุกประเภทต่างชื่นชอบ เมื่อพิจารณา เทรดคริปโต แอพไหนดี OKX จึงเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ
จุดเด่น
- มีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายละสะดวก
- รองรับสินทรัพย์มากกว่า 300 รายการ
- ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงในการเทรดอย่าง Web3.0
- มีเครื่องมือเทรดแบบอัตโนมัติ
จุดด้อย
- จำเป็นต้องยืนยันตัวตนก่อนทำการเทรด
5. BloFin – เว็บเทรดคริปโตเน้นระบบรีวอร์ด ที่มีตัวเลือกฟิวเจอร์สมากกว่า 300 รายการ
BloFin เป็นกระดานเทรดคริปโตที่แม้จะเพิ่งเปิดตัวเมื่อไม่นานมานี้แต่ก็มีความเป็นมืออาชีพสูง โดยพวกเขาเพิ่งเปิดตัวในปี 2024 รองรับสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 300 สกุลเงิน แต่ถึงเป็นเช่นนั้นพวกเขาก็มีความเป็นมืออาชีพสูง และค่อนข้างรู้จักลูกค้าและผู้ใช้งานอย่างดี และเอื้อประโยชน์ต่อผู้ใช้ด้วยค่าธรรมเนียมที่ไม่สูงจนเกินไป
ในด้านค่าธรรมเนียม BloFin เรียกเก็บค่าธรรมเนียมการซื้อขายแบบ Spot ที่ Maker 0.1% และ Taker 0.1% ในขณะที่การซื้อขายแบบ Futures มีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ Maker 0.02% และ Taker 0.06% ตามลำดับ พร้อมกับ Leverage สูงสุดถึง 150 เท่า ซึ่งสูงและโดดเด่นอย่างมากสำหรับแพลตฟอร์มใหม่ ๆ
อีกทั้งเมื่อไม่นานมานี้ BloFin ได้ผสานรวม Chainalysis เพื่อเสริมความแข็งแกร่งด้านความปลอดภัยและการปกป้องสินทรัพย์ที่มีอยู่แล้ว ส่งผลให้สินทรัพย์ของลูกค้าได้รับการปกป้องอย่างปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม สำหรับคำถาม เทรดคริปโต ที่ไหนดี BloFin ก็เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจในแง่ความปลอดภัย
จุดเด่น
- รองรับการเทรดฟิวเจอร์สกว่า 350 สัญญา
- รองรับ Spot มากกว่า 400 รายการ
- มีฟีเจอร์คัดลอกการเทรด
- ไม่ต้อง KYC และสามารถทำการถอนได้สูงสุด 20,000 USDT ต่อวัน
จุดด้อย
- หากติดต่อเจ้าหน้าที่อาจจะต้องรอนาน
6. Binance – เว็บเทรดที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีสภาพคล่องสูง ระบบความปลอดภัย MFA ที่แข็งแกร่ง
สำหรับนักลงทุนทั้งใหม่และเก่าคงไม่มีใครไม่รู้จัก Binance กระดานเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในขณะนี้ โดยพวกเขาเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2017 เรียกได้ว่าเป็นผู้คร่ำหวอดในอุตสาหกรรมคริปโตเลยทีเดียว โดยพวกเขามีสภาพคล่องสูง ระบบความปลอดภัย MFA ที่แข็งแกร่ง และกองทุนคุ้มครองนักลงทุน SAFU เหมาะสำหรับนักลงทุนทั้งหน้าใหม่และเก่านั่นเอง
นอกจากนี้ทางแพลตฟอร์มยังรองรับสกุลเงินดิจิทัลมากถึง 500 สกุลเงิน และมีค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างต่ำเพียง Maker และ Taker Fee 0.1% เท่านั้น ทำให้เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีงบไม่สูงมากนัก อีกทั้ง Leverage สูงสุดถึง 125 เท่า ทำให้คุณมีโอกาสขยับขยายได้อย่างอิสระ
ไม่เพียงเท่านั้น Binance ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ค่อนข้างเข้มงวดเมื่อเทียบกับแพลตฟอร์มอื่น ๆ และยังเป็นต้นแบบให้กับกระดานเทรดรุ่นหลัง ๆ อีกด้วย พวกเขามีข่าวสารที่ฉับไว และมาพร้อมกับคู่มือลงทุนที่จะทำให้ผู้ใช้งานมือใหม่นั้นไม่เคว้งและเดินหน้าลงทุนได้อย่างมั่นคง
จุดเด่น
- เป็นแพลตฟอร์มที่มีสภาพคล่องที่สูงมาก
- มีสกุลเงินเป็นของตัวเองและค่าธรรมเนียมทำธุรกรรมที่ต่ำ
- มีฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลายมาก
- มีชื่อเสียงในแวดวงคริปโตเป็นอย่างมาก
จุดด้อย
- อาจต้องตรวจสอบข้อกฎหมายในประเทศที่ใช้งาน
7. CoinEx – เว็บเทรดที่เน้นปริมาณเหรียญและความหลากหลายของคู่เทรด พร้อมกับความปลอดภัย
CoinEx เป็นแพลตฟอร์มเทรดคริปโตที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 2017 โดยมีจุดเด่นคือรองรับเหรียญจำนวนมากกว่า 1,400 รายการ ซึ่งถือว่าหลากหลายมากกว่าหลายเจ้า ผู้ใช้งานสามารถเลือกเทรดได้ทั้งแบบ Spot และ Futures และยังมีบริการ Staking สำหรับผู้ที่ต้องการรายได้แบบพาสซีฟอีกด้วย
ในแง่ของความปลอดภัย CoinEx ใช้ระบบการจัดการสินทรัพย์ที่ค่อนข้างโปร่งใส โดยมีการแสดงการสำรองเหรียญแบบ 100 เปอร์เซ็นต์ และมีระบบ cold wallet แยกเก็บสินทรัพย์ของลูกค้าอย่างเป็นระบบ จุดที่น่าสนใจอีกอย่างคือ CoinEx ไม่บังคับให้ผู้ใช้งาน KYC สำหรับการเทรดทั่วไป ซึ่งทำให้สะดวกต่อผู้ที่ต้องการรักษาความเป็นส่วนตัว
อย่างไรก็ตาม ในด้านการสนับสนุนลูกค้า CoinEx อาจยังไม่โดดเด่นเท่าแพลตฟอร์มใหญ่ๆ บางราย และอินเทอร์เฟซก็อาจจะดูเก่าไปเล็กน้อยสำหรับผู้ที่คุ้นชินกับ UI แบบใหม่ ๆ และแม้จะมีแอปมือถือ แต่ก็ยังมีฟีเจอร์บางอย่างที่ยังไม่สมบูรณ์เท่าบนเว็บไซต์หลัก แต่ก็ยังเป็นแพลตฟอร์มสำหรับผู้ที่เน้นปริมาณเหรียญและความหลากหลายของคู่เทรดอย่างมาก
จุดเด่น
- รองรับสินทรัพย์ได้มากถึง 1,400 สกุลเงิน
- มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง
- สามารถสำรองทรัพย์สินได้ถึง 100%
- มีระบบกระเป๋าเงินแบบร้อนและเย็นในแพลตฟอร์ม
จุดด้อย
- มีข้อจำกัดในการฝากและถอนเงินบางประเทศ
8. Bybit – แพลตฟอร์มเทรด ที่มีระดับ VIP มากกว่า 12 ระดับและรองรับเลเวอเรจสูงสุด 200 เท่า
Bybit กระดานเทรดคริปโตที่เปิดตัวเมื่อปี 2018 และให้บริการจนถึงปัจจุบัน แน่นอนว่าพวกเขาเป็นแพลตฟอร์มที่น่าสนใจหลายประการ แต่สำหรับนักเทรดชาวไทยแล้วอาจจะต้องใช้งานด้วยภาษาอังกฤษ เพราะยังไม่รองรับภาษาไทย โดยจุดเด่นของ Bybit นั้นคือการมีระดับสมาชิกวีไอพีทั้ง 12 ขั้น โดยแต่ละขั้นจะได้รับสิทธิประโยชน์มากมายเลยทีเดียว
นอกจากนี้ Bybit ยังมีค่าธรรมเนียมที่ค่อนข้างต่ำ โดยแบ่งออกเป็นค่าธรรมเนียมทำการซื้อขาย Spot และ Futures โดยค่าธรรมเนียมฝั่ง Spot จะอยู่ที่ Taker Fee 0.1% Maker Fee 0.1% ในขณะที่ Futures มีค่าธรรมเนียมอยู่ที่ Taker Fee 0.0055% Maker Fee 0.02% รองรับสกุลเงินดิจิทัลมากกว่า 700 เหรียญ และ Leverage สูงสุดถึง 200 เท่า
Bybit เป็นแพลตฟอร์มเพียงไม่กี่แห่งที่รองรับการซื้อขายแบบ P2P ซึ่งเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวในการซื้อขาย คุณสามารถเลือกวิธีการซื้อขายแบบเจอหน้ากันได้ แต่อย่างไรแล้วในส่วนนี้ทางแพลตฟอร์มยังไม่มีมาตรการรักษาความปลอดภัยในส่วนนี้ ดังนั้นหากจะใช้ฟีเจอร์ดังกล่าวอาจจะต้องระมัดระวังมากขึ้น
จุดเด่น
- มีเครื่องมือและฟังก์ชันการเทรดขั้นสูง
- ออกแบบอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและสะดวก
- มีระบบการจับคู่ที่รวดเร็วและเสถียร
- ค่าธรรมเนียมเป็นกลาง ไม่แพงจนเกินไป
จุดด้อย
- มีข้อกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยจากการโดนแฮ็กครั้งใหญ่
9. KCEX – เว็บเทรดที่เหมาะสำหรับผู้ใช้มือใหม่ และอินเตอร์เฟซที่เป็นหมวดหมู่สะอาดตา
KCEX เป็นเว็บเทรดคริปโตที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นานมานี้ และแม้จะเป็นหน้าใหม่ในวงการ แต่ก็พยายามสร้างจุดเด่นด้วยการเน้นประสบการณ์ผู้ใช้งานที่ง่ายและไม่ซับซ้อน ซึ่งเหมาะมากสำหรับมือใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่โลกคริปโต ทำให้อินเทอร์เฟซดูสะอาดตา ไม่รก และใช้งานง่ายแม้ไม่เคยเทรดมาก่อน
ตัวแพลตฟอร์มรองรับทั้ง Spot และ Futures ซึ่งถือว่าเพียงพอสำหรับการเริ่มต้นเทรด นอกจากนี้ยังมีระบบโบนัสหรือกิจกรรมรายวันเพื่อดึงดูดผู้ใช้งานหน้าใหม่ ถึงแม้โดยรวมแล้วเครื่องมือฟีเจอร์อาจจะยังไม่ครบเท่าเจ้าหลัก แต่ก็ถือว่า KCEX เดินมาในทิศทางที่ค่อนข้างดี และดูมีแผนจะพัฒนาฟีเจอร์เพิ่มเติมในอนาคต
แน่นอนว่าเพราะเป็นแพลตฟอร์มน้องใหม่จึงยังไม่มีชื่อเสียงหรือข้อมูลมากนักเกี่ยวกับทีมงานหรือบริษัทผู้พัฒนา ทำให้ผู้ใช้งานควรพิจารณาเรื่องความปลอดภัยให้ดี แนะนำว่าหากเริ่มต้นยังไม่ควรฝากเงินจำนวนมาจนกว่าจะมั่นใจ หากมองในแง่ของโอกาส KCEX เป็นแพลตฟอร์มที่น่าจับตาในฐานะเว็บเทรดหน้าใหม่แต่ยังไรแล้วตัวแพลตฟอร์มและนักพัฒนาเองก็ยังต้องพิสูจน์ตัวเองในอีกหลายด้าน
จุดเด่น
- มีอินเทอร์เฟซที่ง่ายต่อการใช้งานสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่
- เป็นน้องใหม่มาแรงที่มีความเป็นมืออาชีพสูง
- รองรับการเทรดหลายรูปแบบ
- การสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง
จุดด้อย
- อาจมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยเนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มที่เพิ่งเปิดให้บริการ
10. BingX – แพลตฟอร์มที่โดดเด่นเรื่องฟีเจอร์ Copy Trading สำหรับผู้ที่ไม่มีค่อยมีเวลาเทรดเอง
BingX เป็นแพลตฟอร์มเทรดคริปโตที่โดดเด่นเรื่องฟีเจอร์ Copy Trading ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ไม่มีเวลาเทรดเอง หรือยังไม่มั่นใจในกลยุทธ์ของตัวเอง โดยผู้ใช้งานสามารถติดตามนักเทรดมืออาชีพและคัดลอกคำสั่งซื้อขายได้แบบอัตโนมัติ อีกทั้งยังสามารถเลือกนักเทรดตามประวัติผลตอบแทนและระดับความเสี่ยงที่ตนเองยอมรับได้
ในด้านความหลากหลายตัวแพลตฟอร์มรองรับทั้ง Spot และ Futures และมีอินเทอร์เฟซที่ทันสมัย ใช้งานง่ายทั้งบนเว็บและแอปมือถือ นอกจากนี้ยังมีฟีเจอร์สำหรับมือใหม่ เช่น การเทรดแบบจำลองที่ไม่ต้องใช้เงินจริง ช่วยให้ผู้ใช้งานฝึกฝนและทดสอบกลยุทธ์ได้ อย่างไรก็ตาม BingX ยังมีข้อจำกัดในบางประเทศ
รวมถึงมีข้อมูลเกี่ยวกับความมั่นคงของระบบและการบริหารความเสี่ยงที่เปิดเผยน้อย ทำให้ผู้ใช้งานควรตรวจสอบและศึกษาให้รอบคอบก่อนลงทุนจริง ถึงแม้ฟังก์ชันหลายอย่างของแพลตฟอร์มจะน่าสนใจ โดยเฉพาะการคัดลอกพอร์ต แต่ก็ควรเปรียบเทียบและดูว่าพอร์ตเหล่านั้นมีความน่าเชื่อถือหรือไม่ด้วย
จุดเด่น
- ใช้งานง่ายและสะดวก
- มีฟีเจอร์ Copy Trading ที่เหมาะสำหรับมือใหม่
- รองรับการเทรดหลายประเภท
จุดด้อย
- อาจมีข้อจำกัดในการใช้งานบางประเทศ
คำศัพท์สำคัญที่คุณต้องรู้เมื่อเทรดคริปโต ที่ไหนดี
แน่นอนว่าสำหรับมือใหม่ที่เริ่มต้นลงทุน สิ่งที่คุณจะต้องเรียนรู้ค่อนข้างมีหลายอย่างโดยเฉพาะคำศัพท์ของการลงทุน ในส่วนนี้เราจะมาอธิบายเกี่ยวกับคำศัพท์ที่ควรรู้เมื่อลงทุนคริปโตว่ามีอะไรบ้าง โดยแบ่งออกเป็นหมวดหมู่ดังต่อไปนี้
ประเภทการเทรด
- Day Trading – การเทรดคริปโตในวันเดียวเพื่อเก็งกำไรจากความผันผวนระยะสั้น เป็นกลยุทธ์การทำกำไรด้วยการซื้อขายระยะสั้นซ้ำๆ ทุกวันเพื่อเพิ่มผลกำไรสูงสุด
- Spot Trading – การซื้อขายสินทรัพย์คริปโตที่เกิดขึ้นทันทีโดยใช้ราคาตลาดปัจจุบัน ผู้ซื้อจะได้ครอบครองเหรียญในทันที และผู้ขายจะได้รับสินทรัพย์ที่ใช้แลกเปลี่ยนไปเช่นกัน โดยไม่มีการผูกมัดสัญญาเหมือน Futures
- Futures – การเทรดคริปโตสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ที่สามารถทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง เหมาะกับคนที่ต้องการเก็งกำไรจากแนวโน้มตลาดมากกว่าการถือเหรียญจริง
- Margin – การยืมเงินมาเทรดเพื่อเพิ่มขนาดการลงทุน ตัวอย่างเช่น หากต้องการเทรด $1,000 โดยใช้ Leverage 5x คุณต้องฝากมาร์จิ้น $200 ซึ่งมีความเสี่ยงหากราคาไม่เป็นไปตามที่วิเคราะห์เอาไว้
- Leverage – เครื่องมือที่ช่วยเพิ่มขนาดการเทรดคริปโตด้วยเงินทุนน้อยกว่าที่ต้องใช้จริง ตัวอย่างเช่น การใช้ Leverage 100x กับมาร์จิ้น $100 จะทำให้คุณสามารถเทรดได้ $1,000 ในขณะเดียวกันหากยิ่งเลเวอเรจสูง ความเสี่ยงก็สูงตามไปด้วย
- HODL – ย่อมาจาก “Hold on for Dear Life” หมายถึงการถือครองเหรียญระยะยาวโดยเชื่อว่าราคาจะเพิ่มขึ้นในอนาคต เป็นแนวคิดของนักลงทุนที่เชื่อในศักยภาพระยะยาวของสินทรัพย์ดิจิทัล
ค่าธรรมเนียมและต้นทุนการเทรด
- Maker Fee – ค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ที่วางคำสั่งซื้อหรือขายก่อนที่กำหนดราคาไว้แทนที่จะเป็นราคาตลาด การทำธุรกรรมเหล่านี้ไม่ได้ดำเนินการทันที จึงเพิ่มสภาพคล่องในตลาด ทำให้ตลาดเทรดคริปโตมีความต่อเนื่องและโปร่งใสมากขึ้น
- Taker Fees – ค่าธรรมเนียมสำหรับผู้ที่รับคำสั่งที่มีอยู่แล้วและนำสภาพคล่องออกจากตลาดโดยทั่วไปจะสูงกว่า Maker Fee เพราะเป็นผู้ “รับ” ออเดอร์ที่มีอยู่แล้ว
- Slippage – ส่วนต่างของราคาระหว่างตอนที่ส่งคำสั่งซื้อขายกับราคาที่คำสั่งถูกดำเนินการจริง โดยสภาพคล่องต่ำเป็นสาเหตุหลักของ Slippage จึงทำให้การซื้อขายเกิดขึ้นที่ราคาสุดท้ายที่ยังมีคนพร้อมขายหรือซื้อจริง แทนที่จะเป็นราคาเทรดคริปโตที่เห็นในตอนแรก
ความปลอดภัยและการเก็บสินทรัพย์
- Custodial – บริการที่ผู้ให้บริการเป็นผู้ดูแลเหรียญแทนผู้ใช้ เช่น เว็บเทรดกลาง จะเป็นกระเป๋าเงินที่เว็บเทรดคริปโตถือ Private Key และควบคุมคริปโตของคุณ แต่ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงหากแพลตฟอร์มถูกแฮ็กหรือระบบมีปัญหา
- Non-custodial – ผู้ใช้เก็บสินทรัพย์ไว้เอง เช่น กระเป๋าคริปโตแบบ DeFi โดยเว็บเทรดหรือบุคคลที่สามไม่มีสิทธิ์เข้าถึง ผู้ใช้จึงมีอำนาจควบคุมและรับผิดชอบความปลอดภัยด้วยตนเอง แต่ถ้าทำรหัสหายหรือโดนหลอกให้เปิดเผยข้อมูล ก็ไม่สามารถเรียกคืนได้เพราะไม่มีตัวกลางช่วยเหลือ
- Private Key – รหัสผ่านที่จำเป็นในการเข้าถึงสินทรัพย์คริปโตที่เก็บไว้ในกระเป๋าเงินบนบล็อกเชน ดังนั้นการเก็บรักษาให้ปลอดภัยจึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพราะหากหลุดไปจะไม่สามารถดึงเหรียญคืนได้แม้แต่เจ้าของระบบก็ช่วยไม่ได้
สภาพคล่องและตลาด
- Liquidity – ระดับความสามารถในการเทรดคริปโต หรือซื้อขายเหรียญอย่างรวดเร็วโดยไม่ส่งผลกระทบต่อราคา สภาพคล่องสูงหมายถึงความต้องการสูง ทำให้ซื้อขายได้ง่าย ในทางกลับกัน สภาพคล่องต่ำหมายถึงความต้องการต่ำ อาจทำให้เกิดความล่าช้าในการซื้อขายหรือความผันผวนของราคาสูง
- Trading Pair – คู่ของคริปโตเคอร์เรนซีสองสกุลที่สามารถแลกเปลี่ยนระหว่างกันได้ ตัวอย่างเช่น คู่เทรด BTC/ETH หมายความว่าคุณสามารถซื้อ BTC ด้วย ETH หรือซื้อ ETH ด้วย BTC ได้ การเลือกคู่เทรดคริปโตมีผลต่อค่าธรรมเนียม ความสะดวกในการแปลงเหรียญ และสภาพคล่องของตลาดในคู่นั้น
วิธีเพิ่มผลตอบแทน
- Staking – กลไกการฝากเหรียญไว้ในระยะเวลาหนึ่งเพื่อรับรายได้แบบ Passive Income เช่น โหนดตรวจสอบธุรกรรมหรือระบบ PoS (Proof of Stake) เพื่อช่วยให้เครือข่ายทำงานต่อเนื่อง เปรียบได้กับดอกเบี้ยที่ได้จากการฝากเงิน แต่มีความเสี่ยงเรื่องราคาของเหรียญผันผวนควบคู่ด้วย
CEX และ DEX คืออะไร ?
ทีนี้เรามาดูความหมายของกระดานเทรดคริปโตแต่ละรูปแบบกันอย่างละเอียด โดยแบ่งออกเป็นสองรูปแบบใหญ่ ๆ ด้วยกัน ซึ่งมีดังต่อไปนี้
CEX
CEX หรือกระดานเทรดคริปโตแบบรวมศูนย์ คือแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่มีหน่วยงานหรือบริษัทกลางเป็นผู้ควบคุม เช่น Binance, Bitkub หรือ Coinbase ผู้ใช้งานต้องสมัครบัญชีและผ่านการยืนยันตัวตนก่อนใช้งาน โดยการซื้อขายทั้งหมดจะดำเนินผ่านระบบของผู้ให้บริการ ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้อาจต้องฝากเหรียญไว้ในกระเป๋าของแพลตฟอร์มก่อนจึงจะเริ่มเทรดได้ สะดวก ใช้งานง่าย แต่ก็ต้องพึ่งพาความปลอดภัยจากฝั่งผู้ให้บริการ
DEX
DEX หรือกระดานเทรดคริปโตแบบกระจายศูนย์ เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตที่ทำงานผ่านสมาร์ตคอนแทรกต์โดยไม่มีตัวกลาง ผู้ใช้งานจะเชื่อมต่อกระเป๋าเงินของตัวเองเข้ากับระบบ เช่น Uniswap หรือ PancakeSwap แล้วสั่งซื้อหรือขายได้โดยที่ไม่ต้องเปิดบัญชีหรือยืนยันตัวตน ทุกอย่างเกิดขึ้นแบบอัตโนมัติบนบล็อกเชน ซึ่งช่วยให้ควบคุมสินทรัพย์ได้เองเต็มที่ แต่ในทางกลับกันก็ต้องเข้าใจการใช้งานและรับผิดชอบต่อความปลอดภัยของกระเป๋าเงินตัวเองด้วย
สรุปเกี่ยวกับการเทรดคริปโต
อย่างไรก็ตาม การเทรดคริปโตสิ่งที่ต้องคำนึงไม่ใช่ว่าเป็นลงทุนตัวไหนดี แต่เป็นการลงทุนผ่านแพลตฟอร์มไหนถึงจะปลอดภัยและรักษาสินทรัพย์ของคุณได้ดีที่สุด และแพลตฟอร์มส่วนใหญ่ในปัจจุบันพยายามพัฒนาเพื่อให้เอื้อต่อการลงทุนมากที่สุด ไม่ว่าจะฟีเจอร์ที่หลากหลาย การรองรับเงินหลายสกุลง หรือแม้กระทั่งค่าธรรมเนียมที่ต่ำและดึงดูดต่อผู้ใช้งาน
ไม่เพียงเท่านั้น บางแพลตฟอร์มได้นำเทคโนโลยีมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นการเทรดภายใต้ Web 3.0 หรือ การนำ AI มาช่วยวิเคราะห์แนวโน้มราคา หรือช่วยตัดสินใจในการลงทุน รวมไปถึงการลงทุนตามนักเทรดที่ประสบความสำเร็จด้วยเครื่องมือก็อปปี้พอร์ตลงทุน เป็นต้น
ตลาดคริปโตค่อนข้างมีความผันผวนสูง การมองหาเทรดคริปโต แอพไหนดีก็ควรมองหาแอปที่ใช้งานง่ายและสะดวก ซึ่งผู้พัฒนาต่างพยายามสร้างสรรค์หน้าจอ อินเตอร์เฟซให้เป็นมิตรต่อผู้ใช้งานมากที่สุด และการเทรดก็ไม่ใช่เรื่องยากหรือเรื่องไกลตัวอีกต่อไป
คำถามที่พบบ่อย