Binance Logo Binance

What we like
  • ค่าธรรมเนียมการซื้อขายต่ำ
  • การสนับสนุนหลายแพลตฟอร์ม
  • ซื้อขาย cryptocurrencies มากกว่า 180 รายการบน Binance
Overall Ratings
9.8 /10.0
Phakphum
Last updated
5min read
แชร์
Binance เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตชั้นนำที่มีค่าธรรมเนียมต่ำ เหมาะสำหรับนักเทรดและผู้ที่สนใจจะลงทุนในสกุลเงินดิจิทัลหลากหลายประเภท แพลตฟอร์มนี้ก่อตั้งโดย Changpeng Zhao และมีฟีเจอร์ใหม่ๆ ที่น่าสนใจมากมาย
ชุมชนของ Binance ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อตอบรับกับกระแสการเงินโลก โดยเป็นตลาดที่ให้บริการซื้อขาย Bitcoin และ Altcoins ด้วยเงิน Fiat มากกว่า 40 สกุลเงิน (เงิน Fiat คือ สกุลเงินตามกฎหมาย เช่น บาท ดอลลาร์ เยน) นอกจากนี้ Binance ยังมีเหรียญ Altcoin ของตัวเองชื่อว่า BNB บนแพลตฟอร์มนี้ยังมีการเทรด Futures และ Margin ที่มีเลเวอเรจสูงถึง 125x และมีแผนที่จะพัฒนาไปสู่การเป็นองค์กรอิสระที่ไม่ขึ้นกับภาครัฐ (Decentralized Autonomous Organization หรือ DAO) ในอนาคต แม้ว่า Binance จะสามารถจัดการธุรกรรมการเทรดได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ก็มีบางครั้งที่พบปัญหา เช่น การอัปเดตระบบหรือช่องโหว่ด้านความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม Binance ยังคงเป็นหนึ่งในกระดานเทรดที่สำคัญที่สุดในโลกสำหรับสายคริปโตเคอร์เรนซี

รู้จัก Binance และ Binance Thailand พร้อมเหตุผลที่ควรใช้กระดานเทรดนี้ในไทย

Binance คืออะไร: ข้อมูลพื้นฐานและการใช้งาน

Binance เป็นแพลตฟอร์มใหม่ที่ได้รับความนิยมในวงการคริปโต โดยมีแนวคิดเริ่มต้นจากการให้บริการด้วยอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย สะดวก รวดเร็ว และมีความเสถียรสำหรับการเทรดคริปโต Binance เปิดตัวในจีนเมื่อเดือนกรกฎาคมปี 2017 โดยมี Changpeng Zhao และ Yi He ซึ่งเป็นผู้มีประสบการณ์ในวงการคริปโตเป็นผู้ก่อตั้ง Binance Binance ประสบความสำเร็จจากการระดมทุน ICO (Initial Coin Offering) โดยในช่วงวันที่ 1-20 กรกฎาคม 2017 ได้รับเงินทุนสูงถึง 15,000,000 ดอลล่าร์สหรัฐจากนักลงทุนที่สนใจ โดยนักลงทุนจะได้รับ 100,000,000 BNB บนบล็อกเชน Ethereum (ซึ่งปัจจุบันย้ายไปยัง Binance Chain แล้ว) โดยราคา ICO เริ่มต้นต่อ BNB อยู่ที่ 0.115 ดอลล่าร์ Binance กลายเป็นแพลตฟอร์มเทรดที่ใหญ่ที่สุดตามปริมาณการซื้อขายคริปโตทั่วโลก และที่น่าทึ่งคือแพลตฟอร์มประสบความสำเร็จในเวลาเพียง 6 เดือน และจนถึงตอนนี้ก็ยังคงเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มชั้นนำในตลาดคริปโต Binance มีระบบที่ใช้งานง่าย สามารถจัดการธุรกรรมจำนวนมากได้ดี และรองรับหลายภาษา เช่น อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมัน, จีน (ทั้งตัวอักษรตัวย่อและดั้งเดิม), สเปน, รัสเซีย, เกาหลี, เวียดนาม, อิตาลี, ตุรกี, โปรตุเกส, ญี่ปุ่น, เนเธอร์แลนด์, โปแลนด์, มาเลย์, และยูเครน แม้ว่า Binance จะก่อตั้งในจีน แต่ได้ย้ายสำนักงานใหญ่ไปยังญี่ปุ่นก่อนที่รัฐบาลจีนจะประกาศแบนการเทรดคริปโตในปี 2017 ต่อมาในปี 2018 Binance ได้ตั้งสำนักงานในไต้หวันและประกาศย้ายไปประเทศมอลตา แต่ในปี 2020 หน่วยงาน Malta Financial Services Authority (MFSA) แจ้งว่า Binance ไม่ได้จดทะเบียนหรืออยู่ภายใต้การควบคุมในประเทศนั้น ในขณะที่สำนักงานใหญ่อยู่ในมอลตา บริษัท Binance ยังมีการจดทะเบียนในหมู่เกาะเคย์แมนและเซเชลส์ นอกจากนี้ยังมีทีมงานในแคลิฟอร์เนีย (สหรัฐอเมริกา), ลอนดอน (สหราชอาณาจักร), ปารีส (ฝรั่งเศส), เบอร์ลิน (เยอรมนี), มอสโก (รัสเซีย), อิสตันบูล (ตุรกี), สิงคโปร์, นิวเดลี (อินเดีย), คัมพาลา (ยูกันดา), มะนิลา (ฟิลิปปินส์), โฮจิมินห์ (เวียดนาม), เจอร์ซีย์ และหลายประเทศในเอเชีย รวมแล้วมีทีมงานที่ให้บริการกว่า 40 ประเทศทั่วโลก
บริษัทแม่: บริษัท Binance Holding
ประเภทการโอน: บัญชีธนาคาร, บัตรเครดิต, บัตรเดบิต, บัญชีคริปโต
รองรับสกุลเงิน Fiat: 40+
รองรับคู่เทรด: 563
Token (สกุลเงินดิจิทัล): Binance BNB
ค่าธรรมเนียม: ต่ำ (อัตราเปรียบเทียบ)
ปัจจุบัน Binance มีจำนวนผู้ใช้งานกว่า 15 ล้านยูสเซอร์ทั่วโลก และมียอดซื้อขายคริปโตมากกว่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเฉลี่ยต่อวัน นอกจากนี้ ยังพัฒนาโปรเจกต์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับคริปโต เช่น:
  • Binance Jersey เป็นการซื้อขายคริปโต Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Litecoin (LTC), Binance Coin (BNB), และ Bitcoin Cash (BCH) ด้วยสกุลเงินยุโรป ยูโร (EUR) และปอนด์สเตอร์ลิง (GBP)
  • Binance US และ Binance สำหรับประเทศอื่นๆ กฎการเทรดของแต่ละเวอร์ชันจะแตกต่างกันไปตามกฎหมายของแต่ละพื้นที่
  • Binance DEX คือ กระดานซื้อขายคริปโตแบบไร้ตัวกลางควบคุม (Decentralized Exchange) บน Binance Chain
  • Binance JEX กระดานเทรดคริปโตรูปแบบ Futures และ Options
  • Binance Futures คือ ตราสารอนุพันธ์คริปโตของ Binance ที่เปิดโอกาสให้คุณเทรด Futures ด้วยเลเวอเรจสูงสุดถึง 125x
  • Binance Launchpad เป็นแพลตฟอร์มระดมทุนด้วยสกุลเงินดิจิทัลแบบ IEOs ของ Binance ซึ่ง Binance Launchpad ถือเป็นแพลตฟอร์มแรกของอุตสาหกรรมและทำให้แนวคิดนี้แพร่พลายในวงการคริปโต
  • การเทรด Binance P2P คือ แพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลแบบ Peer-to-Peer เหมือนกับเว็บไซต์ LocalBitcoins หรือ LocalCryptos ที่รองรับการชำระเงินผ่าน WeChat, AliPay, บัญชีธนาคาร และ QIWI
  • Binance Loans สำหรับกู้ยืมคริปโต เป็นฟีเจอร์ที่คุณสามารถใช้สินทรัพย์ดิจิทัลที่มีอยู่มาค้ำประกันเพื่อกู้ยืมคริปโตเคอร์เรนซี
  • Binance OTC คือ การซื้อขายนอกกระดานสำหรับวาฬ (วาฬคริปโต คือ ผู้ถือครองคริปโตจำนวนมาก) และการซื้อขายคริปโตจำนวนมาก
  • Binance Savings เป็นการฝากทรัพย์สินดิจิทัลเพื่อรับดอกเบี้ยบนแพลตฟอร์ม Binance (คล้ายการฝากบัญชีออมทรัพย์) ซึ่งคุณสามารถถอนออกได้ตลอดเวลา
  • Binance Staking เป็นฟีเจอร์ที่สามารถใช้เหรียญคริปโตบางเหรียญมาฝากและล็อกไว้เพื่อรับดอกเบี้ยสูงสุดถึง 16% ต่อปี โดยสกุลเงินดิจิทัลที่รองรับการ Staking บน Binance คือ Ark, EOS, ARPA, TROY, Lisk, LOOM, Tezos, KAVA, THETA และอื่นๆ อีกมากมาย
  • Binance Fiat Gateway คือ เกตเวย์ที่ช่วยให้คุณซื้อขาย Cryptocurrency ด้วยสกุลเงินประจำชาติได้ (ปัจจุบันรองรับประมาณ 40 สกุลเงิน)
  • Binance Chain และ Binance Coin (BNB) เป็นระบบนิเวศทางธุรกิจบล็อกเชนที่มี Token (BNB) และ Decentralized Exchange (DEX) เป็นของตัวเอง
  • Binance USD (BUSD) และ Binance GBP คือ เหรียญ Stablecoin ของ Binance ที่จัดตั้งร่วมกับบริษัท Paxos Trust
  • Binance Academy คือ ศูนย์การเรียนรู้ที่เปิดรับเพื่อศึกษาเกี่ยวกับบล็อกเชนและสกุลเงินดิจิทัล
  • Binance Charity มูลนิธิการกุศลที่สนับสนุนความก้าวหน้าของบล็อกเชนและการพัฒนาโลกอย่างยั่งยืน
  • Binance Info คือสารานุกรมแบบ Open Source เกี่ยวกับ Cryptocurrency
  • Binance Labs เป็นกองทุนที่สร้างขึ้นเพื่อสนับสนุนโปรเจกต์บนบล็อกเชนของ Binance
  • Binance Research แพลตฟอร์มวิเคราะห์งานวิจัยระดับสถาบันสำหรับนักลงทุนคริปโตเคอร์เรนซี
  • Trust Wallet กระเป๋าเงินดิจิทัลอย่างเป็นทางการของ Binance ที่มีความปลอดภัยและไร้ตัวกลาง
  • Binance Cloud โซลูชันการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลสำหรับการลงทุนคริปโต
  • Binance Card คือ บัตรชำระเงินคริปโตที่สามารถใช้จ่ายในชีวิตประจำวันได้เหมือนกับบัตรเครดิต/เดบิตของธนาคาร
ในปี 2019 และปี 2020 มีพาดหัวข่าวถึงเรื่องที่ Binance เข้าซื้อกิจการกระดานเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดของอินเดียคือ WazirX, แพลตฟอร์มวิเคราะห์ dApp ของจีนคือ DappReview และแพลตฟอร์มรวบรวมข้อมูลเหรียญคริปโตอย่าง CoinMarketCap ในอนาคต ทาง Binance มีเป้าหมายสำคัญสู่การเป็นองค์กรเสมือนที่สามารถดำเนินงานได้อย่างอิสระ (DAO) เพื่อทำการซื้อขายระหว่างเงิน Fiat (กว่า 180 สกุลเงิน) กับสกุลเงินดิจิทัล และเพื่อเปิด Open Source อย่างเต็มรูปแบบบน Binance Chain และ Binance Coin (BNB)

ข้อดีของ Binance: ทำไมถึงเป็นที่นิยม?

Binance ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ ในประเทศไทย และมีจุดเด่นมากมาย ดังนี้:
  • Binance รองรับการเทรดกว่า 180 สกุลเงินดิจิทัล และมีเหรียญใหม่เข้า Binance เพิ่มอีกเรื่อยๆ จึงเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มหลักสำหรับการซื้อขาย Altcoin ที่ดีที่สุด
  • Binance Fiat Gateway ช่วยให้คุณสามารถซื้อขาย Bitcoin และ 15 Altcoins ตัวท็อปด้วย 40 สกุลเงิน Fiat ยอดนิยมผ่านบัตรธนาคาร เงินในพอร์ต และวิธีชำระเงินช่องทางอื่น ๆ อีกทั้งยังสามารถขายเป็นสกุลเงินดิจิทัลเป็นเงิน Fiat ที่ประเทศคุณรองรับได้เช่นกัน
  • ค่าธรรมเนียมต่ำ Binance เป็นหนึ่งในกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตที่มีอัตราค่าธรรมเนียมต่ำและเป็นที่นิยมในอุตสาหกรรม รวมถึงในไทย
  • เข้าถึงได้หลายช่องทาง คุณสามารถเข้าถึง Binance ผ่านเว็บไซต์, แอปมือถือ ทั้งระบบ Android (รวมถึง Android APK) และ iOS และเดสก์ท็อปบน macOS และ Windows และยังสามารถใช้ Binance API ได้อีกด้วย
  • เทรด Binance Futures ด้วยเลเวอเรจสูงสุดถึง 125x และเทรดมาร์จิ้นได้ถึง 3x เป็นสัญญาซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลและสินทรัพย์ในกระเป๋าคริปโต ที่สามารถเปิด Position เลเวอเรจสูงเพื่อผลตอบแทนที่มากขึ้น
  • ทีมซัพพอร์ต 24 ชั่วโมง Binance มีศูนย์ช่วยเหลือที่พร้อมประสานให้คุณเข้าถึงทีมซัพพอร์ตหรือรับคำแนะนำสำหรับผู้เริ่มต้น และคำอธิบายเกี่ยวกับฟังก์ชันการซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลบนแพลตฟอร์ม
  • Binance Launchpad สมาชิก Binance สามารถเข้าร่วมระดมทุน initial exchange offerings (IEOs) ได้ ซึ่ง IEOs ของ Binance ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มที่สร้างผลกำไรได้มากที่สุดเลยทีเดียว
  • Binance Finance แพลตฟอร์ม Binance สนับสนุนการ Staking (คือ การนำเหรียญคริปโตมาฝากเพื่อรับดอกเบี้ย), การกู้ยืมคริปโต และอื่นๆ เพื่อรับ Passive Income จากทรัพย์สินดิจิทัลที่คุณมี
โดยสรุปแล้ว Binance เป็นแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่นำเสนอแนวคิดใหม่และน่าสนใจในวงการคริปโต ทีมพัฒนาและสมาชิกในชุมชน Binance ร่วมมือกันสร้างโครงสร้างธุรกิจตามแนว Ecosystem เพื่อส่งเสริมการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลทั่วโลก ดังนั้น Binance จึงเป็นอีกหนึ่งกระดานเทรดที่น่าสนใจสำหรับทั้งมือใหม่และนักเทรดมืออาชีพ

การใช้งานและการออกแบบกระดานเทรด

จุดแข็งสำคัญของ Binance คือ แพลตฟอร์มใช้งานง่าย โดยในปี 2019 มีการปรับปรุงหน้าเว็บไซต์และหน้าซื้อขายให้ดียิ่งขึ้น และปัจจุบัน แพลตฟอร์ม Binance มีรูปแบบที่เข้าใจง่ายและลิงก์เข้าสู่หน้าอื่นๆ ได้ไม่ยาก ทั้งสำหรับมือใหม่และผู้ที่ใช้งาน Binance มานานแล้ว Binance ยังมีตัวเลือกหน้าการเทรดระดับเบสิก, คลาสสิก และแอดวานซ์ เพื่อให้เซียนเทรดเดอร์ได้รับข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อการเทรดในหน้าเดียว (เช่น เงินทุนของผู้ใช้) ในขณะเดียวกันผู้ใช้งานระดับเริ่มต้นก็สามารถซื้อขายเหรียญคริปโตมาแรงได้โดยไม่มีหน้าต่างและกราฟที่ซับซ้อนมากเกินไป อินเทอร์เฟซแบบพื้นฐาน เป็นรูปแบบที่ง่ายที่สุดในการซื้อขายคริปโต มีตัวเลือกง่ายๆ อย่างเหรียญคริปโต 2 สกุลเงินและทำการเปลี่ยนให้ได้เหรียญสกุลเงินดิจิทัลที่ต้องการ โหมดคลาสสิก เป็นรูปแบบขั้นสูงที่แสดงถึงภาพลักษณ์และความรู้สึก “คลาสสิก” ของกระดานเทรด Binance ได้อย่างดี อินเทอร์เฟซประกอบด้วยคำสั่งการซื้อขายขั้นสูง, ราคาและ Depth Chart, ราคาซื้อ (Bid) และรายการคำสั่งซื้อขาย (Order Book) รวมถึงประวัติการซื้อขายและคำสั่งซื้อต่างๆ นอกจากนี้ คุณยังสามารถเทรดแบบ Margin และ Option ได้ตามต้องการ ซึ่งเหมาะสำหรับนักลงทุนรายย่อยระดับแอดวานซ์ อินเทอร์เฟซระดับแอดวานซ์ จะแสดงค่าทั้งหมดเหมือนกับระดับคลาสสิก แต่หน้าต่างจะถูกจัดให้เป็นระเบียบมากขึ้น เป็นฟีเจอร์เสริมล่าสุดที่ทาง Binance ปรับให้เข้ากับปัจจุบัน มีความทันสมัยต่อการใช้งาน ต่อไปคือ พอร์ทัลการเทรดแบบ Binance OTC (over-the-counter) สำหรับวาฬคริปโต, สถาบัน หรือ นักเทรดที่มีการซื้อขายคริปโตปริมาณมาก การทำธุรกรรมคริปโตขนาดใหญ่ผ่าน Binance OTC จะช่วยลดความเสี่ยงของราคาคลาดเคลื่อนเมื่อเปิดคำสั่งซื้อขายปกติเนื่องจากมีการทำธุรกรรมขนาดใหญ่ ซึ่ง OTC Desk จะไม่มีค่าธรรมเนียมการเทรดและสามารถดำเนินการโอนเหรียญได้อย่างรวดเร็ว โดย Binance OTC มีการเกณฑ์ขั้นต่ำ คือ USD 10,000 ขึ้นไป และคุณจะต้องผ่านการยืนยันตัวตนระดับ 2 (KYC) ถึงจะสามารถทำธุรกรรมรูปแบบนี้ได้ ปิดท้ายด้วย Binance P2P ที่ที่จะช่วยให้ผู้ใช้งาน Binance สามารถซื้อขายแบบ fiat-to-crypto ได้ง่ายๆ โดยเทรดเดอร์ทั่วโลกสามารถตั้งร้าน Binance P2P หรือซื้อ tether (USDT), bitcoin (BTC), Binance USD (BUSD), ether (ETH), และ EOS ด้วยเงิน Fiat ได้ โดยช่องทางการชำระเงินที่ Binance P2P รองรับ คือ โอนผ่านบัญชีธนาคาร, WeChat, Alipay, และ QIWI การซื้อเหรียญ Cryptocurrency ด้วยเงิน Fiat ผ่าน Binance เป็นเรื่องที่ง่ายสุดๆ เพียงแค่คุณเข้าไปยังหน้า “ซื้อคริปโต (Buy Crypto)” และเลือกตัวเลือกที่มี ก็เรียบร้อยแล้ว

Binance Fiat Gateway

ปัจจุบัน Fiat-To-Crypto Gateway ของ Binance สามารถซื้อ Bitcoin และเหรียญคริปโตน่าลงทุนอื่นๆ ผ่านบัตรธนาคารได้ด้วย 40 สกุลเงิน Fiat ดังนี้:
  1. ดอลลาร์สหรัฐ (USD)
  2. ยูโร (EUR) (ซื้อ-ขาย)
  3. ปอนด์ (GBP) (ซื้อ-ขาย)
  4. ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) (ซื้อ-ขาย)
  5. หยวน (CNY) (ซื้อ-ขาย)
  6. ดอลลาร์แคนาดา (CAD) (ซื้อ-ขาย)
  7. เดอร์แฮมสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (AED)
  8. เปโซอาร์เจนตินา (ARS) (ซื้อ-ขาย)
  9. เลฟบัลแกเรีย (BGN)
  10. เรอัลบราซิล (BRL) (ซื้อ-ขาย)
  11. ฟรังก์สวิส (CHF)
  12. เปโซโคลอมเบีย (COP) (ซื้อ-ขาย)
  13. โครูนาเช็ก (CZK)
  14. โครเนอเดนมาร์ก (DKK)
  15. ดอลลาร์ฮ่องกง (HKD) (ซื้อ-ขาย)
  16. คูนาโครเอเชีย (HRK)
  17. โฟรินต์ฮังการี (HUF)
  18. รูปียะฮ์ (IDR)
  19. นิวเชเกล (ILS)
  20. รูปี (INR) (ซื้อ-ขาย)
  21. เยน (JPY)
  22. ชิลลิงเคนยา (KES) (ซื้อ-ขาย)
  23. วอน (KRW)
  24. เท็งเกคาซัคสถาน (KZT) (ซื้อ-ขาย)
  25. เปโซเม็กซิโก (MXN) (ซื้อ-ขาย)
  26. ริงกิต (MYR) (ซื้อ-ขาย)
  27. ไนราไนจีเรีย (NGN) (ซื้อ-ขาย)
  28. โครนนอร์เวย์ (NOK)
  29. ดอลลาร์นิวซีแลนด์ (NZD)
  30. นวยโบซอลเปรู (PEN) (ซื้อ-ขาย)
  31. ซลอตีโปแลนด์ (PLN)
  32. เลอูโรมาเนีย (RON)
  33. รูเบิลรัสเซีย (RUB) (ซื้อ-ขาย)
  34. โครนาสวีเดน (SEK)
  35. บาทไทย (THB)
  36. ดอลลาร์ไต้หวัน (TWD)
  37. ลีราใหม่ตุรกี (TRY) (ซื้อ-ขาย)
  38. ฮริฟเนียยูเครน (UAH) (ซื้อ-ขาย)
  39. ดองเวียดนาม (VND) (ซื้อ-ขาย)
  40. แรนด์แอฟริกาใต้ (ZAR) (ซื้อ-ขาย)
ด้วยสกุลเงินเหล่านี้ คุณสามารถขายและซื้อ 15 เหรียญคริปโตได้ทันที ดังนี้: Bitcoin (BTC), Binance Coin (BNB), Binance USD (BUSD), Ethereum (ETH), Ripple (XRP), Bitcoin Cash (BCH), Basic Attention Token (BAT), Dash (DASH), EOS (EOS), Litecoin (LTC), NANO (NANO), Paxos Standard (PAX), Tron (TRX), TrueUSD (TUSD), และ Tether (USDT) Fiat Gateway ของ Binance เป็นผลการเติบโตของพาร์ทเนอร์ที่ร่วมมือกับบริษัทริปโตชั้นนำ รายชื่อบริษัท Fiat พาร์ทเนอร์ของ Binance คือ Simplex, Koinal, TrustToken, Paxos, Banxa, SEPA และ iDEAL แต่บริษัทอื่นๆ ก็มีแนวโน้มที่จะเข้าร่วมในอนาคตอีกมากมาย และวิธีการชำระเงินก็จะแตกต่างกันตามที่อยู่ของคุณนอกจากนี้ คุณยังสามารถฝากเงิน Fiat บน Binance ผ่านบัตร Visa, Mastercard, Advcash Wallet, Epay Wallet, Payeer Wallet และอื่นๆ อีกมากมายฝากเงิน Fiat ด้วย Binance Fiat Gateway ที่มา: Binance.comโครงสร้างของ Gateway ล่าสุด ยังสามารถเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลเป็นเงิน Fiat ได้เช่นกัน ตัวอย่างเช่น คุณสามารถแลกเปลี่ยน Stablecoin (เช่น PAX หรือ TUSD) ไปเป็นดอลลาร์สหรัฐ (USD) ได้

ทำความรู้จักกับ Binance Futures, การเทรดแบบ Margin และ Options

Binance พัฒนาระบบเพื่อเป็นทางเลือกให้กับการเทรดด้วยเลเวอเรจ การเทรดแบบ Spot จะมีฟีเจอร์แยกต่างหากสำหรับการเทรดแบบ Margin โดยบางสกุลเงินจะมาพร้อมกับเลเวอเรจสูงสุด 3x และในขณะเดียวกัน Binance เปิดตัวกระดานเทรด Futures ที่สามารถตั้งค่าเลเวอเรจได้สูงสุดถึง 125x แล้วอะไรคือความแตกต่างของรูปแบบการเทรดเหล่านี้? นอกจากเรื่องเลเวอเรจแล้ว ยังมีอีก 2 รูปแบบการเทรดที่มีพื้นฐานแตกต่างกัน:
  • การเทรดแบบ Margin คือ ทาง Binance หรือยูสเซอร์ Binance ให้คุณยืมเงินเพื่อเปิดโพสิชันแบบเลเวอเรจ 1:3 โดยคุณต้องเสียค่าธรรมเนียมการเทรด 0.1% ตามปกติ พร้อมกับค่าธรรมเนียมดอกเบี้ยรายวันที่มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
  • Binance Futures ให้เลเวอเรจสูงถึง 1:125 ในกระดานเทรด Futures คุณไม่จำเป็นต้องซื้อเหรียญคริปโตจริงๆ แต่เป็นเพียงสัญญาซื้อขายเท่านั้น Binance Futures จะไม่มีกำหนดวันหมดอายุสัญญาเหมือนกระดานเทรด Futures ทั่วไป ดังนั้นจึงคล้ายกับการเทรดแบบ Spot และตอนนี้ Binance Futures รองรับสัญญา 24 USDT แบบไม่มีวันหมดอายุ และนอกจากค่าธรรมเนียมการซื้อขายแล้ว คุณยังต้องชำระค่าธรรมเนียมการจ่ายเงินรายวันด้วย
  • การเทรดแบบ Option การเทรดแบบ Options เป็นอีกหนึ่งสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ซึ่ง Binance Options เป็น Options สไตล์อเมริกัน ทำให้นักเทรดมีตัวเลือกในจัดการสัญญาอย่างไรใดก็ได้ก่อนหมดอายุ โดยมีระยะเวลาหมดอายุตั้งแต่ 10 นาทีถึง 1 วัน

ระบบการเงินของ Binance

นอกจากการเทรดแบบ Spot, Margin, Futures และสามารถซื้อขาย Bitcoin และ Altcoin กว่า 180 เหรียญด้วยเงิน Fiat ได้ง่ายๆ แล้ว Binance ยังมีการพัฒนาการบริการด้านการเงินให้ผู้ใช้ที่สมัครและยืนยันตัวตนแล้วเข้าถึงได้ง่ายอีกด้วย รวมถึง:
  • Binance Savings คือ ระบบที่จะช่วยให้คุณรับดอกเบี้ยเป็นเหรียญคริปโตเคอร์เรนซีได้จากการ Staking ไม่ว่าจะระยะสั้น (ฝากแบบยืดหยุ่น) หรือระยะยาว (ฝากแบบล็อก) การ Staking ทรัพย์สินดิจิทัลแบบยืดหยุ่นจะช่วยให้คุณได้รับค่าตอบแทนมากกว่า 1% ต่อปี ส่วนฝากแบบล็อก จะได้รับส่วนแบ่งสูงสุด 15% ต่อปี
  • Binance Staking เป็นอีกหนึ่งทางทำเงินขณะที่ถือเหรียญคริปโตอยู่ การ Staking จะใช้โปรโตคอลจำนวนมาก ซึ่ง Binance เปิดให้คุณ Staking ได้ด้วย 9 เหรียญคริปโตเคอร์เรนซีและได้รับผลตอบแทนต่อปีโดยประมาณ 1% ถึง 16%
  • Binance Card คือบัตรชำระเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลที่สามารถใช้ทั่วโลกเหมือนกับบัตรเครดิต/เดบิต
  • Binance Crypto Loans คือ การกู้ยืมเงินคริปโตจาก Binance ทางแพลตฟอร์มจะให้คุณยืม Stablecoin อย่าง USDT หรือ BUSD ระยะเวลาหนึ่งเพื่อใช้หลักประกันทรัพย์สินดิจิทัล
แม้บางฟีเจอร์จะใช้งานได้สะดวกกว่าที่อื่นๆ ทาง Binance ก็ยังคงพัฒนาระบบทางการเงินให้เติบโตต่อไปในโลก web3.0 คงต้องรอดูว่าบริการแบบไหนที่ Binance จะนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับชาว Crypto ทั่วโลก

Binance ได้รับความนิยมในไทย แต่ทำไมไม่มีภาษาไทย?

ต้องบอกว่า Binance เคยมีให้บริการในภาษาไทย แต่อย่างที่หลายคนเคยได้ยินมาว่า ก.ล.ต. (สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์) ได้ออกมาแสดงจุดยืนว่าให้คนไทยระมัดระวังในการใช้บริการ Binance เพราะกระดานเทรดดังกล่าวไม่ได้ให้ความร่วมมือในการเปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการดำเนินงานของธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล สินทรัพย์ที่คนกังวลเป็นพิเศษดูเหมือนจะเป็น Derivatives เนื่องจากต้องอาศัยความชำนาญเพราะเป็นสินทรัพย์ที่มีความซับซ้อนกว่าปกติ นอกจากนี้ยังรวมถึงระบบ Peer-to-Peer (P2P) ที่ผู้ใช้งานสามารถแลกเปลี่ยนสินทรัพย์ดิจิทัลระหว่างกันได้โดยตรง ทำให้ยากที่จะเลี่ยงความเสี่ยงต่อการถูกแทรกแซงจากมิจฉาชีพหรือผู้ไม่หวังดี

ก.ล.ต. ไม่สนับสนุน Binance แต่ทำไมคนไทยยังใช้?

ก.ล.ต. กล่าวว่า Binance ไม่ได้รับอนุญาตอย่างถูกกฎหมายในการเข้ามาเปิดให้บริการในประเทศไทย อีกทั้งยังเตือนให้คนไทยระวังตัวเป็นพิเศษ จนสุดท้ายแล้วในปี 2021 Binance ก็ได้ถอดภาษาไทยออก เพื่อให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่กฎหมายกำหนด สร้างความไม่สะดวกให้กับนักเทรดหลายคนที่ถนัดใช้ภาษาไทย แต่เนื่องจาก Binance เล็งเห็นถึงปัญหาด้านข้อบังคับนี้มาสักพักแล้ว จึงได้ก่อตั้ง Binance TH ขึ้นมาด้วยการร่วมมือจาก Gulf Energy ในปี 2021 ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Binance Capital Management และ Gulf Innova เป็นการสร้างความน่าเชื่อถือและตอบสนองฐานลูกค้าในไทยได้อย่างตรงจุด อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าคนไทยก็ยังคงใช้ Binance กันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่คุ้นชินกับภาษาอังกฤษ อีกทั้งการที่ Binance ถูกแบนในหลายประเทศ (รวมถึงไทย) ก็ดูจะไม่ได้ส่งผลกระทบในระยะยาวอะไรมากมาย เพราะตัวเว็บไซต์หลักไม่ได้อยู่ในประเทศเหล่านั้น เพียงแต่ราคาเหรียญอาจจะร่วงลงมาบ้างในระยะเวลาสั้นๆ

Binance จับมือกับ Gulf Energy: ภาพรวมและความสำคัญ

Binance จับมือกับ Gulf Energy: ภาพรวมและความสำคัญ
อย่างที่กล่าวไปว่า Binance พยายามจะไม่ละเมิดกฎระเบียบของประเทศไทย และได้มีการจับมือกับ Gulf Energy เพื่อเข้ามาบริหารจัดการ Binance TH แทน อย่างที่เห็นได้จากเว็บไซต์ของ ก.ล.ต. ว่า “บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด” ได้มีการจดทะเบียนอย่างถูกกฎหมายแล้วในฐานะบริษัทจำกัด รวมถึงเป็นผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาต “ศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล” และใบอนุญาต “นายหน้าสินทรัพย์ดิจิทัล” ดังรูป

เปรียบเทียบ Binance vs Binance TH

Binance เป็นแพลตฟอร์มระดับโลก มีสภาพคล่องสูงกว่ามาก ในขณะที่ Binance TH อยู่ภายใต้ข้อบังคับของประเทศไทย ต้องใช้บัตรประชาชนไทยในการยืนยันตัวตน มีสภาพคล่องน้อยกว่า แต่ถ้าเกิดปัญหาใดๆ ขึ้น การติดต่อหน่วยงานผู้ดูแลก็จะทำได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ Binance TH สามารถใช้เงินบาทซื้อสกุลเงินดิจิทัลได้แค่ 3 สกุล ได้แก่ BTC/THB, ETH/THB, USDT/THB (ตามใบอนุญาตในฐานะกระดานเทรด) แต่มีคู่เทรดอื่นๆ อีกกว่า 115 สกุลในฐานะโบรกเกอร์ที่ได้รับการจดทะเบียน และ Binance TH จะไม่มีเทรดฟิวเจอร์สและ staking เนื่องจากไม่ถูกกฎหมายไทย

วิธีใช้ Binance สำหรับมือใหม่: คำแนะนำทีละขั้นตอน

เราจะมาดูวิธีใช้ Binance TH ไปพร้อมๆ กัน โดยจะเจาะลึกวิธีเปิดบัญชี Binance TH, วิธีฝากเงิน, วิธีแปลงค่าเงิน, วิธีการถอนคริปโต รวมถึงวิธีปิดบัญชีกัน

วิธีเปิดบัญชี Binance TH

วิธีเปิดบัญชี Binance TH สามารถทำได้ในไม่กี่ขั้นตอน โดยการลงทะเบียนด้วยอีเมลและเลือกรหัสผ่านที่คาดเดายาก จากนั้นกดยอมรับเงื่อนไขและกด “สร้างบัญชี” ระบบจะส่งตัวเลข 6 หลักเข้าไปในอีเมลที่คุณกรอกลงไปสำหรับ 2FA (ยืนยัน 2 ขั้นตอน) ให้นำเลขนั้นมาใส่ในแอป ก็จะเป็นการเปิดบัญชีเรียบร้อย ทั้งนี้คุณจะต้องทำการยืนยันตัวตนเพิ่มเติมเล็กน้อยผ่านแอป Binance TH โดยกดที่ “ยืนยันตัวตน” เอกสารที่จะต้องใช้คือบัตรประชาชนทั้งด้านหน้า-หลัง ให้ถ่ายรูปบัตรประชาชน จากนั้นระบบจะสแกนบัตรแล้วให้เราตรวจสอบอีกครั้งว่าข้อมูลถูกต้องไหม ถ้าทุกอย่างถูกต้อง ให้กด “ยืนยัน” จากนั้นทำการเซลฟี่ โดยระบบจะบอกเองว่าให้คุณขยับหน้าไปทางไหน อ่านข้อกำหนดและเงื่อนไขบริการ NDID (National Digital ID) แล้วกด “ยอมรับ” ยืนยันตัวตนอีกครั้ง โดยสามารถเลือกได้ว่าจะยืนยันผ่าน “แอปพลิเคชันธนาคารบนมือถือ” หรือ “การยืนยันตัวตนด้วยระบบ Dip Chip” (ต้องไปที่ AIS หรือร้านเทเลวิซ) เราแนะนำให้เลือกยืนยันตัวตนผ่านแอปธนาคาร ซึ่งคุณสามารถเลือกธนาคารอะไรก็ได้ที่ใช้อยู่ และดำเนินการให้เสร็จภายใน 1 ชั่วโมง ไม่ว่าคุณจะเลือกธนาคารอะไร เมื่อเข้าแอปไปแล้วให้มองหาปุ่ม “บริการอื่นๆ” แล้วเลือก “NDID Service” จากนั้นในรายการของ NDID ให้เลือก “รายการที่รอยืนยันตัวตน” แล้วคุณจะเห็น “จาก บริษัท กัลฟ์ ไบแนนซ์ จำกัด” อ่านความยินยอมเปิดเผยข้อมูลแล้วกด “ยอมรับ” ทำแบบสอบถาม ซึ่งจะต้องระบุอาชีพและรายได้ เพื่อเป็นการประเมินความเสี่ยง จากนั้นกด “ดำเนินการต่อ” แล้วรอประมวลผล ซึ่งอาจใช้เวลาสักพัก เมื่อเสร็จสิ้นแล้ว ระบบจะส่งอีเมลเข้ามาและแจ้งว่าให้ยืนยันตัวตนผ่านแอปต่ออีกเล็กน้อย โดยคุณสามารถคลิกลิงก์ที่ถูกส่งมาทางอีเมลได้เลย กรอกที่อยู่ที่ทำงาน และที่อยู่ปัจจุบัน รวมถึงสร้างรหัส 6 หลักไว้สำหรับเข้าแอป Binance TH ทำแบบประเมินความเหมาะสมในการลงทุนและแบบทดสอบความรู้ 10 ข้อสั้นๆ (ไม่ต้องกังวลหากตอบผิด) จากนั้นการตรวจสอบก็จะเสร็จสมบูรณ์

การฝากเงินใน Binance TH: ขั้นตอนง่ายๆ

วิธีฝากเงินบาทผ่านเว็บไซต์ Binance TH

ขั้นที่ 1: เข้าสู่ระบบแล้วกด “กระเป๋าเงิน” ที่มุมบนขวาของหน้าจอ จากนั้นเลือก “ฝาก” → “ฝากเงินบาท” ขั้นที่ 2: ใส่จำนวนเงินที่ต้องการฝาก เลือกวิธีชำระเงินด้วย “โมบาย แบงค์กิ้ง” แล้วคลิก “ยืนยัน”
  • ฝากได้ 100 – 2 ล้านบาท/ครั้ง; วงเงินสูงสุด 2 ล้านบาทใน 24 ชั่วโมง แต่สามารถขอเพิ่มวงเงินได้โดยการติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า ซึ่งอาจจะต้องทำการยืนยันตัวตนเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3: ลงทะเบียนบัญชีธนาคาร โดยเลือกธนาคารที่ต้องการจากรายการดรอปดาวน์ แล้วกรอกหมายเลขบัญชีในกล่องด้านล่าง ตรวจดูความถูกต้องแล้วคลิก “ยืนยัน”
  • ชื่อใน Binance TH และในบัญชีธนาคารต้องตรงกัน
  • เงินจะเข้าใน 1 นาที – 24 ชั่วโมง
ขั้นที่ 4: ตรวจสอบจำนวนเงินที่จะฝากและรายละเอียดบัญชีธนาคารอีกครั้ง แล้วคลิก “สร้าง QR” ขั้นที่ 5: ระบบจะสร้าง QR Code ขึ้นมา ให้สแกน QR Code นี้ผ่านแอปพลิเคชันธนาคารที่คุณเลือกไว้ แล้วดำเนินการฝากเงิน จากนั้นคลิก “ยืนยัน”
  • จำเป็นต้องบันทึกรูป QR Code เพื่อนำไปทำรายการต่อบนแอปธนาคารของคุณ

วิธีฝากเงินบาทผ่านแอป Binance TH

ขั้นที่ 1: เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว ให้มองหาปุ่ม “ฝาก” แล้วเลือก “เงินบาท” และ “THB” ขั้นที่ 2: ใส่จำนวนเงินที่ต้องการฝาก เลือกวิธีชำระเงินด้วย “โมบาย แบงค์กิ้ง” แล้วคลิก “ยืนยัน”
  • ฝากได้ 100 – 2 ล้านบาท/ครั้ง; วงเงินสูงสุด 2 ล้านบาทใน 24 ชั่วโมง แต่สามารถขอเพิ่มวงเงินได้โดยการติดต่อฝ่ายบริการลูกค้า ซึ่งอาจจะต้องทำการยืนยันตัวตนเพิ่มเติม
ขั้นที่ 3: ลงทะเบียนบัญชีธนาคาร โดยเลือกธนาคารที่ต้องการจากรายการดรอปดาวน์ แล้วกรอกหมายเลขบัญชีในกล่องด้านล่าง ตรวจดูความถูกต้องแล้วคลิก “ยืนยัน”
  • ชื่อใน Binance TH และในบัญชีธนาคารต้องตรงกัน
  • เงินจะเข้าใน 1 นาที – 24 ชั่วโมง
ขั้นที่ 4: ตรวจสอบจำนวนเงินที่จะฝากและรายละเอียดบัญชีธนาคารอีกครั้ง แล้วคลิก “สร้าง QR” ขั้นที่ 5: ระบบจะสร้าง QR Code ขึ้นมา ให้สแกน QR Code นี้ผ่านแอปพลิเคชันธนาคารที่คุณเลือกไว้ แล้วดำเนินการฝากเงิน จากนั้นคลิก “ยืนยัน” Binance TH
  • จำเป็นต้องบันทึกรูป QR Code เพื่อนำไปทำรายการต่อบนแอปธนาคารของคุณ
  • หลีกเลี่ยงการทำรายการระหว่าง 23:30 น. ถึง 00:10 น. เนื่องจากเป็นช่วงบำรุงรักษาระบบ อาจเกิดความล่าช้าในการดำเนินการได้

วิธีแปลงเงิน

Binance TH by Gulf Binance ทำให้การแปลงเงินเป็นเรื่องง่าย ผ่าน Easy Buy/Sell โดยทำตามขั้นตอนดังนี้
ขั้นที่ 1: เข้าสู่ระบบ Binance TH ผ่านเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันมือถือ แล้วมองหาปุ่ม “Easy Buy/Sell” โดยปุ่มจะอยู่ด้านบนหากใช้งานผ่านเว็บไซต์ ดังรูป: สำหรับการใช้งานผ่านแอป ปุ่มจะอยู่ในหน้าหลัก กลางหน้า ดังรูป: หรืออีกทางเลือกหนึ่งที่ง่ายและสะดวก คือกดปุ่ม “Buy/Sell” ข้างล่างสุดตรงกลางได้เลย ดังรูป: ขั้นที่ 2: ใส่รายละเอียดการแปลงค่าเงิน โดยเลือกสกุลเงินต้นที่ต้องการแปลงในช่อง “แลก” (ยกตัวอย่างเงิน THB) จากนั้นก็เลือกสกุลเงินปลายทางที่ต้องการรับในช่อง “ได้รับ” (ยกตัวอย่างเงิน USDT) สำหรับเว็บไซต์จะมีหน้าตาแบบนี้: สำหรับแอปจะมีหน้าตาแบบนี้: ขั้นที่ 3: เมื่อเลือกสกุลเงินแล้ว จากนั้นให้กรอกจำนวนเงินที่ต้องการ หรือถ้าคุณต้องการแปลงทั้งหมดของยอดคงเหลือ ให้กด “สูงสุด” ขั้นที่ 4: ตรวจสอบรายละเอียดที่กรอกให้ถูกต้อง รวมถึงอัตราแลกเปลี่ยน ณ ขณะนั้น และจำนวนเงินที่คุณจะได้รับ ถ้าถูกต้องและพอใจแล้วให้กดยืนยัน เป็นอันเสร็จสิ้น

วิธีถอนคริปโตจาก Binance TH

วิธีถอนคริปโตแบ่งเป็น 2 วิธี ได้แก่การถอนผ่านเว็บไซต์ และการถอนผ่านแอปพลิเคชัน ดังนี้:

ถอนคริปโตจาก Binance TH บนเว็บไซต์

ขั้นที่ 1: อันดับแรกให้เข้าสู่บัญชี Binance TH ก่อน แล้วมองหาปุ่ม “กระเป๋าเงินของฉัน” ที่มุมบนขวา จากนั้นคลิก “ถอน” ขั้นที่ 2: เลือกสกุลเงินคริปโตที่ต้องการถอน เช่น BTC ขั้นที่ 3: ด้านล่างช่อง “เลือกคริปโต” จะมีให้ระบุที่อยู่ของผู้รับ โดยคุณสามารถเลือก Address ที่บันทึกไว้ หรือจะเลือก Address ใหม่ก็ได้ ขั้นที่ 4: จากนั้นที่ด้านล่าง Address จะมีให้เลือก Network หรือเครือข่ายที่ต้องการใช้ถอนคริปโต โดยระบบจะแสดงเครือข่ายที่รองรับ รวมถึงค่าธรรมเนียมในการถอน
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครือข่ายที่เลือกตรงกับเครือข่ายของแพลตฟอร์มที่ต้องการฝาก เพราะถ้าเลือกเครือข่ายผิด สินทรัพย์ของผู้ใช้งานอาจจะสูญหายและไม่สามารถกู้คืนได้
ขั้นที่ 5: หลังจากระบุสกุลคริปโต ที่อยู่ และเครือข่ายแล้ว ต่อมาก็ระบุจำนวนเหรียญที่ต้องการถอนได้เลย หรือจะเลือกทั้งหมดที่มีอยู่ใน spot wallet ก็ได้ โดยกดที่ “สูงสุด” ระบบจะแสดงค่าธรรมเนียมของธุรกรรม รวมถึงจำนวนเหรียญสุทธิที่คุณจะได้รับ
  • เมื่อตรวจสอบว่ากรอกจำนวนถูกต้องแล้ว ให้คลิก “ถอน” (ปุ่มสีเหลือง)
ขั้นที่ 6: จะมีข้อความแจ้งให้ยืนยันเครือข่ายที่เลือกอีกครั้ง ถ้าตรวจสอบแล้วว่าแพลตฟอร์มที่ต้องการจะฝากรองรับเครือข่ายนั้น ให้คลิก “ต่อไป” (ปุ่มสีเหลือง) ขั้นที่ 7: เมื่อตรวจสอบรายละเอียดธุรกรรมในการถอนอย่างละเอียดแล้ว ให้คลิก “ยืนยัน” จากนั้นยืนยันรหัส 2FA บนอุปกรณ์ของคุณ ขั้นที่ 8: คำสั่งถอนเหรียญจาก Binance TH จะมีผลทันทีหลังจากยืนยันการทำธุรกรรม และจะใช้เวลาสักครู่ในการยืนยันธุรกรรมบนบล็อกเชน ซึ่งเวลาที่ใช้ในการยืนยันอาจจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับบล็อกเชนและการรับส่งข้อมูลของเครือข่าย

ถอนคริปโตจาก Binance TH บนแอปพลิเคชัน

ขั้นที่ 1: การถอนคริปโตบนแอปจะคล้ายกับบนเว็บไซต์ ก่อนอื่นต้องเข้าสู่บัญชี Binance TH ก่อน จากนั้นไปที่หน้าหลัก แล้วมองหาปุ่ม “ถอน” ขั้นที่ 2: เลือกสกุลคริปโตที่ต้องการถอน เช่น BTC ขั้นที่ 3: ระบุ Address ของผู้รับ หรือจะเลือกจาก Address ที่บันทึกไว้ก็ได้ ขั้นที่ 4: จากนั้นเลือก Network หรือเครือข่ายที่ต้องการ โดยระบบจะแสดงเครือข่ายที่รองรับ รวมถึงค่าธรรมเนียมในการถอน
  • ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเครือข่ายที่เลือกตรงกับเครือข่ายของแพลตฟอร์มที่ต้องการฝาก เพราะถ้าเลือกเครือข่ายผิด สินทรัพย์ของผู้ใช้งานอาจจะสูญหายและไม่สามารถกู้คืนได้
ขั้นที่ 5: หลังจากระบุสกุลคริปโต ที่อยู่ และเครือข่ายแล้ว ต่อมาก็ระบุจำนวนเหรียญที่ต้องการถอนได้เลย หรือจะเลือกทั้งหมดที่มีอยู่ใน spot wallet ก็ได้ โดยกดที่ “สูงสุด” ระบบจะแสดงค่าธรรมเนียมของธุรกรรม รวมถึงจำนวนเหรียญสุทธิที่คุณจะได้รับ เมื่อตรวจสอบว่ากรอกจำนวนถูกต้องแล้ว ให้คลิก “ถอน” ขั้นที่ 6: จะมีข้อความแจ้งให้ยืนยันเครือข่ายที่เลือกอีกครั้ง ถ้าตรวจสอบแล้วว่าแพลตฟอร์มที่ต้องการจะฝากรองรับเครือข่ายนั้น ให้คลิก “ยืนยัน” (ปุ่มสีเหลือง) ขั้นที่ 7: เมื่อตรวจสอบรายละเอียดธุรกรรมในการถอนอย่างละเอียดแล้ว ให้คลิก “ยืนยัน” จากนั้นยืนยันรหัส 2FA บนอุปกรณ์ของคุณ ขั้นที่ 8: คำสั่งถอนเหรียญจาก Binance TH จะมีผลทันทีหลังจากยืนยันการทำธุรกรรม และจะใช้เวลาสักครู่ในการยืนยันธุรกรรมบนบล็อกเชน ซึ่งเวลาที่ใช้ในการยืนยันอาจจะแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับบล็อกเชนและการรับส่งข้อมูลของเครือข่าย

วิธีปิดบัญชี Binance TH

วิธีปิด Binance TH บนเว็บไซต์

ขั้นที่ 1: หลังเข้าสู่ระบบแล้ว ให้ไปที่ “โปรไฟล์” แล้วเลือกหัวข้อ “ความปลอดภัย” ขั้นที่ 2: เลื่อนลงมาจะเจอ “ประวัติการเข้าใช้/กิจกรรมการเข้าสู่ระบบ” ให้คลิกปุ่ม “เพิ่มเติม” ที่เมนูดังกล่าว ขั้นที่ 3: ที่มุมบนขวาจะเจอปุ่ม “ระงับการใช้งานบัญชี” ขั้นที่ 4: เมื่ออ่านและยอมรับเงื่อนไขแล้ว กด “ปิดการใช้งานบัญชี” ได้เลย ขั้นที่ 5: ระบบจะถามอีกครั้งว่าคุณแน่ใจหรือไม่ จากนั้นกด “ปิดการใช้งาน” เป็นอันเสร็จสิ้น

วิธีปิด Binance TH บนแอปพลิเคชัน

ขั้นที่ 1: วิธีปิด Binance TH ผ่านแอปก็ทำคล้ายๆ กับบนเว็บไซต์ คือหลังเข้าสู่ระบบแล้ว ให้ไปที่ “โปรไฟล์” แล้วเลือกหัวข้อ “ความปลอดภัย” ขั้นที่ 2: ไปที่ “การจัดการบัญชี” แล้วกด “ระงับการใช้งานบัญชี” ขั้นที่ 3: หลังตรวจสอบเงื่อนไขแล้ว คลิก “ระงับการใช้งานบัญชี” ขั้นที่ 4: กด “ตกลง”

Binance ปลอดภัยไหม? มาตรการป้องกันที่คุณควรรู้

Binance เป็นบริษัทเทรด Cryptocurrency ที่ให้บริการกว่า 180 ประเทศทั่วโลก โดยมีข้อจำกัดเฉพาะประเทศที่อยู่ในรายการข้อจำกัดทางเศรษฐกิจหรือในรายชื่อ “Denied Persons List” ของกระทรวงพาณิชย์สหรัฐอเมริกาเท่านั้น ผู้ถือสัญชาติอเมริกาและผู้อยู่อาศัยในสหรัฐอเมริกาสามารถใช้งานกระดานเทรด Binance US ได้ ส่วนประเทศอื่นๆ ก็มีแพลตฟอร์ม Binance ของประเทศนั้นๆ อยู่เช่นกัน อย่าง Binance Singapore, Binance Uganda และ Binance Jersey ขั้นตอนการยืนยันตัวตนจะแตกต่างกันไปตามกฏหมายของประเทศนั้นๆ สำหรับการวิธีการสมัคร Binance ครั้งแรก ผู้ใช้งานจะต้องยืนยันตัวตนแบบ KYC โดยมีสิ่งที่ต้องเตรียมพร้อม ดังนี้:
  • เอกสารยืนยันตัวตน (เช่น หนังสือเดินทาง, บัตรประจำตัวประชาชน หรือใบขับขี่)
  • เอกสารยืนยันที่อยู่อาศัย (เช่น บิลค่าสาธารณูปโภค)
การยืนยันตัวตน เป็นขั้นตอนที่ชัดเจนและรวดเร็ว โดยทาง Binance จะตรวจสอบข้อมูลทันทีหลังจากยืนยันตัวตนเรียบร้อยแล้ว โดยมีขั้นตอนให้คุณเซลฟี่กับเอกสารยืนยันตัวตนและกระดาษที่เขียนว่า “Binance” พร้อมระบุวันที่ ณ ปัจจุบันลงไป ซึ่งบางคนอาจจะมองว่ายุ่งยากอยู่พอสมควร ถ้าคุณยังไม่ได้ยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย คุณจะติดลิมิตการถอน 2 BTC ต่อวัน แต่หลังจากยืนยันตัวตนเสร็จแล้ว คุณสามารถถอนได้ 100 BTC ต่อวันเลยทีเดียว แม้ว่าจะไม่มีการตรวจสอบโปรไฟล์ ระบบความปลอดภัยของแพลฟอร์มอาจจะต้องมีการยืนยันข้อมูลเมื่อทำการถอนเงินจาก Binance ซึ่งเคยเกิดขึ้นกับผู้ใช้งานที่ไม่ได้ยืนยันมาก่อนหลายคน ดังนั้น กระดานเทรด Binance อาจจะไม่ได้ขึ้นชื่อเรื่องความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวในโลกออนไลน์เท่าไหร่นัก

ค่าธรรมเนียมการเทรดคริปโตบน Binance

แพลตฟอร์ม Binance สามารถฝากเงินได้ฟรี แต่การเทรดและถอนเงินจะมีข้อแตกต่างกันเล็กน้อย แต่ก็ยังถือเป็นหนึ่งในช่องทางที่ถูกที่สุดในการเทรดคริปโตอยู่ดีBinance หัก 0.1% จากทุกๆ การซื้อขายที่เกิดขึ้นบนแพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นเรทที่ถูกสำหรับเว็บเทรดคริปโตแล้ว โดยค่าธรรมเนียม 0.1% นี้ จะหักทั้งจากการเทรดแบบ Spot และ Margin เลย ตัวอย่างเช่น Coinbase Pro คิดค่าธรรมเนียม 0.5%, Bittrex คิดค่าธรรมเนียม 0.2% จากทุกๆ การซื้อขาย ส่วนเว็บเทรดคริปโตยอดนิยมอย่าง KuCoin และ HitBTC คิดเรทเดียวกับ Binance คือ 0.1% แต่ HitBTC หัก 0.1% สำหรับ Market Maker และหัก 0.2% ต่อการรับคำสั่งซื้อ ส่วนกระดานเทรดอย่าง Poloniex หรือ Kraken มีค่าธรรมเนียมสูงประมาณ 0.15%-0.16% สำหรับ Maker และหักค่าธรรมเนียม 0.25%-0.26% สำหรับ Takerคุณสามารถรับส่วนลดค่าธรรมเนียมการเทรดคริปโตได้เมื่อใช้ Binance Coin (BNB) (ลดได้สูงถึง 25%), การแนะนำเพื่อน (ลดได้มากถึง 25%) ทำให้ Binance เป็นหนึ่งในการกระดานเทรดที่มีค่าธรรมเนียมถูกที่สุดนั่นเอง ค่าธรรมเนียมต่ำนี้ ยังสามารถใช้กับการเทรด Futures ได้อีกด้วย สำหรับระดับพื้นฐาน (VIP 0) คุณจะต้องจ่าย 0.02% สำหรับ Maker (การซื้อขายแบบตั้งออเดอร์ล่วงหน้า) และ 0.04% สำหรับ Taker (การซื้อขายทันทีในราคาปัจจุบัน) อีกหนึ่งปัจจัยที่ควรให้ความสำคัญเมื่อพิจารณาถึงค่าธรรมเนียมของ Binance คือ ค่า Funding Rate บนกระดานเทรด Futures และอัตราดอกเบี้ยสำหรับการเปิดโพสิชัน Margin ซึ่งค่าธรรมเนียมเหล่านี้ จะเปลี่ยนไปตามเงื่อนไขของตลาดและไม่มีอัตราคงที่ (Fixed Rate) ที่แน่นอน เพราะฉะนั้น คุณควรตรวจสอบค่าธรรมเนียมเหล่านี้อยู่เสมอบนหน้าเว็บไซต์ Binance สุดท้ายแต่ไม่ท้ายสุด ยังมีค่าธรรมเนียนการฝากและถอนอีกหนึ่งด่าน ซึ่งคุณสามารถฝาก Cryptocurrency ฟรีกว่า 180+ เหรียญที่สนับสนุนโดย Binance ส่วนการถอน ทาง Binance มีข้อเสนอที่คุ้มค่า โดยค่าธรรมเนียมอาจแตกต่างไปตามสกุลเงินดิจิทัลที่คุณถอน และนี่คือตัวอย่างค่าธรรมเนียมของเหรียญคริปโตยอดนิยม:
เหรียญ ถอนขั้นต่ำ ค่าธรรมเนียม
Bitcoin (BTC) 0.001 BTC 0.0004 BTC
Bitcoin (BTC) – BEP2 0.0000044 BTC 0.0000022 BTC
Ethereum (ETH) 0.02 ETH 0.003 ETH
Ethereum (ETH) – BEP2 0.00018 ETH 0.000092 ETH
Litecoin (LTC) 0.002 LTC 0.001 LTC
Litecoin (LTC) – BEP2 0.00074 LTC 0.00037 LTC
Monero (XMR) 0.0002 XMR 0.0001 XMR
Ripple (XRP) 0.5 XRP 0.25 XRP
Ripple (XRP)- BEP2 0.17 XRP 0.083 XRP
ในตัวอย่างจะเห็นว่า Binance มี 2 ตัวเลือกในการถอน 2 แบบ คือ เวอร์ชันปกติและ BEP2 ซึ่งการถอนเหรียญตระกูล BEP2 นั่น จะดำเนินการบน Binance Chain และไม่สามารถใช้ได้เหมือนกับสินทรัพย์ดิจิทัลตัวจริง เพราะเป็นเวอร์ชันตัวแทน BEP2 ที่ทาง Binance กำหนดไว้ เพื่อทำความเข้าใจค่าธรรมเนียมเหล่านี้ให้มาขึ้น มาดูค่าธรรมเนียมจากกระดานเทรดอื่นๆ อย่าง Kraken และ Bittrex คิดค่าธรรมเนียมการถอน 0.0005 BTC ในขณะที่ Bitfinex และ HitBTC คิดค่าธรรมเนียมการถอน 0.0004 BTC และ 0.001 BTC ตามลำดับ ถึงแม้ว่า Binance จะไม่มีการเทรดคู่เงิน Fiat กับ crypto แต่มีการซื้อขาย Fiat-to-crypto ผ่านระบบคนกลาง ซึ่งการใช้ Binance Fiat Gateway จะช่วยให้คุณสามารถซื้อขายเหรียญคริปโตได้ด้วยเงิน Fiat กว่า 40 สกุลเงิน ค่าธรรมเนียมก็จะแตกต่างกันไปตามขึ้นตอนการชำระเงินและอัตราการแลกเปลี่ยนแบบลอยตัวที่กำหนดโดย Simplex, Koinal, TrustToken, BANXA, iDEAL, SEPA, Paxos, และการชำระเงินรูปแบบอื่นๆ โดยปกติแล้ว Fiat Gateway มีอัตราค่าธรรมเนียมต่างกันออกไปตามวิธีการชำระเงินที่เลือก และตัวประมวลผลตั้งแต่ 1% ถึง 7% ซึ่งการทำธุรกรรมด้วยบัตรธนาคารจะมีค่าใช้จ่ายสูงกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับการชำระเงินรูปแบบอื่น สรุปแล้ว Binance เป็นกระดานเทรดที่มีค่าธรรมเนียมต่ำที่สุด ซึ่งเป็นข้อดีที่สำคัญมากเลยทีเดียว มีการให้บริการหลายรูปแบบพร้อมกับราคาที่สมเหตุสมผล ทำให้ Binance เป็นหนึ่งในตัวเลือกเว็บเทรดคริปโตที่เข้าถึงได้ง่าย มาพร้อมกับสิ่งใหม่ๆ และให้ความสะดวกสบายได้มากที่สุด

กระดานเทรดอื่นๆ ที่ควรรู้จักนอกจาก Binance

นอกจาก Binance แล้ว จริงๆ แล้วยังมีกระดานซื้อขายคริปโตอื่นๆ อีกมากมายในตลาด ซึ่งแต่ละแพลตฟอร์มมีลักษณะเด่นแตกต่างกันไป เรายกตัวอย่างกระดานเทรดยอดนิยมมาให้บางส่วนดังนี้:
กระดานเทรดคริปโต ปีที่ก่อตั้ง จำนวนสกุลคริปโตที่รองรับ ฟีเจอร์เด่น ปริมาณการเทรดต่อวันโดยเฉลี่ย
MEXC 2018 1,700+ Copy Trading, Leveraged ETFs, Futures Trading, Staking $2.4 billion
eToro 2007 90+ Social trading (CopyTrader™), Smart Portfolio, รองรับกระเป๋าคริปโต N/A
Bybit 2018 1,000+ Derivatives trading (futures, perpetual contracts/สัญญาอนุพันธ์), spot trading, copy trading $1.07 แสนล้าน
OKX 2017 300+ เครื่องมือแผนภูมิทันสมัย, บอทเทรด, staking $6.3 พันล้าน
Exodus 2015 260+ กระเป๋าเงินหลายสกุล ใช้งานง่าย เทรดได้ในแอป, ทำงานกับ Trezor เพื่อความปลอดภัยของกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์, ตัวเลือกการ staking N/A (โฟกัสที่การเป็นกระเป๋าคริปโตมากกว่า)
Gate io 2013 1,400+ มี altcoins ให้เลือกมากมาย, การเทรดมาร์จิ้น, สัญญาฟิวเจอร์ส, และบริการให้ยืมคริปโตเพื่อเพิ่มทุน $7.7 พันล้าน

บทสรุป

บทความรีวิว Binance นี้ เราได้เรียนรู้ถึงตัวตนของ Binance ที่พร้อมจะพัฒนาและผลักดันการให้บริการที่เป็นประโยชน์ต่อตลาดคริปโตให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น แพลตฟอร์ม Binance มีจุดเด่นเรื่องค่าธรรมเนียมต่ำและมีตลาดสำหรับคู่เหรียญ Fiat กับ Crypto ให้ผู้ใช้งานเข้าถึงได้ง่ายๆ พร้อมกับการซื้อขาย Bitcoin และ 180 Altcoins ที่สามารถขายเป็นเงิน Fiat ได้ นอกจากนี้ยังมีการเทรดแบบ Futures, Options และ Margin สำหรับนักเทรดที่รับความเสี่ยงสูงได้ ในขณะเดียวกันก็มีระบบ Savings และ Staking สำหรับนักลงทุนที่ไม่ชอบความเสี่ยงด้วย โดยรวมแล้ว Binance เป็นกระดานเทรดที่มีข้อเสนอยอดเยี่ยมสำหรับผู้ใช้ Cryptocurrency ทุกระดับ ทั้งนี้ ต้องยอมรับว่าสำหรับ Binance TH ที่มีผู้บริหารคนละคนกันกับ Binance ระดับสากล ยังมีข้อจำกัดอยู่มาก รวมถึงมีสภาพคล่องต่ำกว่า แม้ว่าจะจดทะเบียนเป็นกระดานแลกเปลี่ยนและโบรกเกอร์อย่างถูกกฎหมายก็ตาม ทำให้หลายๆ คนยังคงเลือกใช้ Binance หลักอยู่

คำถามที่พบบ่อย

1. เปรียบเทียบ Binance vs Binance TH

Binance เป็นแพลตฟอร์มระดับโลก มีสภาพคล่องสูงกว่ามาก ในขณะที่ Binance TH อยู่ภายใต้ข้อบังคับของประเทศไทย มีสภาพคล่องน้อยกว่า แต่ถ้าเกิดปัญหาใดๆ ขึ้น การติดต่อหน่วยงานผู้ดูแลก็จะทำได้ง่ายกว่า อย่างไรก็ตาม Binance TH จะไม่มีเทรดฟิวเจอร์สและ staking เนื่องจากไม่ถูกกฎหมายไทย

2. Binance กับ Binance TH มีฟีเจอร์อะไรเหมือนกันบ้าง

ทั้งคู่มีฟีเจอร์ที่เป็นประโยชน์อย่าง Price Alert (แจ้งเตือนราคา), Portfolio Tracking, Whitelist Function (เผื่อโอนคริปโตไป Address อื่น เราก็สามารถปักหมุดที่อยู่นี้ไว้ได้ ป้องกันการลืม

อ้างอิง:

Phakphum
อ่านเพิ่มเติม
OKX คืออะไร ดีไหม รีวิวครบ ฉบับปี 2024
  • Fiat เป็นคริปโตแบบ
  • On-ramp การซื้อขายแบบมาร์จิ้น
  • ตัวเลือกความปลอดภัยมากขึ้น