คาดการณ์แนวโน้มราคา
การเปิดเผยโฆษณา
เรามุ่งมั่นในการสร้างความโปร่งใสอย่างเต็มที่กับผู้อ่านของเรา บางเนื้อหาในเว็บไซต์อาจมีลิงก์พันธมิตร ซึ่งเราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นจากความร่วมมือเหล่านี้แนวโน้มราคาเหรียญคริปโตคือการคาดการณ์ราคาในอนาคตของคริปโตเคอเรนซี่ ซึ่งอาจเป็น Timeframe ใดก็ได้ที่คุณอยากรู้ อาจจะเป็นปี เดือน วัน หรือเป็นชั่วโมงก็ได้ ผู้เชี่ยวชาญได้คาดการณ์ราคาเหรียญคริปโตโดยคำนึงถึงหลายๆ ปัจจัยหด้วยกัน
ในบทความนี้ เราจะมาเจาะลึกเหรียญคริปโตที่เราพบว่ามีโอกาสทำกำไรสูงสุดในอนาคต โดยจะคาดการณ์ตลาดคริปโตโดยรวมในระยะสั้น (ปี 2024) และระยะยาว (ปี 2025-2035) พร้อมบอกรายละเอียดวิธีคาดการณ์ราคาด้วยตนเองและเครื่องมือที่คุณสามารถใช้เพื่อคาดการณ์ราคา
แนวโน้มราคาเหรียญคริปโต
เมื่อค้นหาเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนมากที่สุด เราก็ได้คำนึงถึงปัจจัยหลายข้อด้วยกัน รวมถึงสถานะปัจจุบันและอนาคตของตลาดคริปโต ยูทิลิตี้ของโทเค็น โอกาสที่ราคาจะเพิ่มขึ้น และกระแสในปัจจุบันทั้งในโลกของคริปโตและการเงินแบบดั้งเดิม
เหรียญ | ราคาปัจจุบัน (เปลี่ยนแปลงตลอด 24 ชม.) | All Time High | การคาดการณ์ปี 2025 | การคาดการณ์ปี 2026 |
Bitcoin | $64,171.88 (-3.17%) | $73,628.40 | $136,255.22 (+112.33%) | $140,573.05 (+119.06%) |
Ethereum | $3,135.61 (-2.29%) | $4,867.17 | $7,141.31 (+127.75%) | $7,007.99 (+123.50%) |
Binance Coin | $609.99 (+0.35%) | $689.33 | $1,549.32 (+153.99%) | $1,522.42 (+149.58%) |
Solana | $149.13 (-4.59%) | $259.52 | $300.90 (+101.77%) | $295.18 (+97.94%) |
XRP | $0.532 (-3.54%) | $3.92 | $1.94 (+264.73%) | $2.09 (+291.87%) |
Cardano | $0.478 (-5.21%) | $3.10 | $2.96 (+519.59%) | $3.55 (+643.17%) |
Dogecoin | $0.152 (-4.78%) | $0.738 | $0.946 (+519.59%) | $1.14 (+643.17%) |
Shiba Inu | $0.0000259 (-4.18%) | $0.0000881 | $0.000124 (+378.32%) | $0.00014 (+440.04%) |
Polkadot | $7.00 (-4.56%) | $54.98 | $15.95 (+127.75%) | $15.65 (+123.50%) |
Smog | $0.0832 (-6.25%) | $0.377 | $1.99 (+2,291.64%) | $3.24 (+3,791.28%) |
Litecoin | $84.08 (-1.49%) | $410.76 | $105.24 (+25.16%) | $104.19 (+23.92%) |
Lucky Block | $0.0000325 (+1.40%) | $0.00969 | $0.000201 (+517.94%) | $0.000241 (+640.91%) |
Bonk | $0.0000250 (+7.98%) | $0.0000451 | $0.0002 (+697.18%) | $0.000256 (+920.39%) |
Quant | $108.94 (+0.18%) | $424.43 | $248.11 (+127.75%) | $243.48 (+123.50%) |
Pepe 2.0 | $0.0000000503 (+4.58%) | $0.00000028 | $0.000001 (+1,884.99%) | $0.000002 (+3,869.99%) |
Evil Pepe | $0.0000200 (0.00%) | $0.000383 | $0.000124 (+518.66%) | $0.000149 (+643.39%) |
Pi Network | $42.95 (-2.74%) | $299.20 | $109.10 (+153.99%) | $107.21 (+149.58%) |
Wall Street Memes | $0.00706 (-5.45%) | $0.0771 | $0.0437 (+519.59%) | $0.0525 (+643.17%) |
Meme Kombat | $0.106 (+12.24%) | $0.853 | $0.851 (+698.78%) | $1.09 (+922.35%) |
BTC20 | $0.129 (-6.21%) | $2.55 | $0.801 (+519.59%) | $0.961 (+643.18%) |
XRP20 | $0.0000229 (0.00%) | $0.000100 | $0.000142 (+517.86%) | $0.000171 (+644.04%) |
SpongeBob | $0.000738 (-0.19%) | $0.00135 | $0.00457 (+519.60%) | $0.00549 (+643.16%) |
Tamadoge | $0.00516 (+0.33%) | $0.192 | $0.0319 (+519.59%) | $0.0383 (+643.16%) |
Dash 2 Trade | $0.00349 (-6.70%) | $0.0529 | $0.0216 (+519.60%) | $0.0259 (+643.18%) |
Love Hate Inu | $0.0000103 (-4.47%) | $0.000273 | $0.000064 (+518.26%) | $0.000077 (+643.85%) |
Calvaria | $0.00186 (-12.56%) | $0.0179 | $0.0115 (+519.63%) | $0.0138 (+643.18%) |
Battle Infinity | $0.000319 (+8.76%) | $0.00554 | $0.00255 (+698.83%) | $0.00327 (+922.37%) |
Fight Out | $0.00117 (-0.08%) | $0.159 | $0.00731 (+519.60%) | $0.00876 (+643.18%) |
Big Eyes | $0.000000831 (-16.32%) | $0.0000179 | $0.000005 (+501.35%) | $0.000006 (+621.63%) |
Metropoly | $0.0167 (0.00%) | $0.243 | $0.103 (+519.59%) | $0.124 (+643.18%) |
รีวิวเหรียญคริปโตที่คาดการณ์ว่าจะมีแนวโน้มเป็นขาขึ้นมากที่สุด
ในส่วนต่อไป เราก็ได้ทำการรีวิวแต่ละเหรียญที่เราคาดการณ์ราคาไว้ในตารางด้านบน โดยแบ่งออกเป็นสองส่วนด้วยกัน ส่วนแรกมุ่งเน้นไปที่เหรียญคริปโตใหม่ที่มีแนวโน้มมากที่สุด และอีกส่วนจะสรุปเหรียญคริปโตหลักบางสกุลที่เราได้คาดการณ์แนวโน้มราคาแบบละเอียด ซึ่งด้านล่างคือรายการเหรียญคริปโตอันดับต้นๆ ที่มีแนวโน้มเป็นเชิงบวกมากที่สุด
คาดการณ์เหรียญคริปโตมาใหม่ที่มีโอกาสทำกำไรมากที่สุด
กำลังสงสัยว่าเหรียญคริปโตสกุลใดที่จะโตขึ้น 100 เท่าอยู่หรือไม่? ในส่วนนี้ เราจะมาคาดการณ์ราคาเหรียญคริปโตที่มีโอกาสทำกำไรมากที่สุดแบบเจาะลึก ซึ่งนักลงทุนคริปโตกำลังให้ความนิยมในปี 2024
Dogeverse – เหรียญมาใหม่ที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าจะให้ผลกำไรกว่า 600,000% ต่อปี
เป็นเหรียญมีมมาใหม่ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนมหาศาล หลังเปิดพรีเซลล์ไปเพียงไม่กี่นาที โปรเจกต์ก็ระดมทุนได้ไป 250,000 ดอลลาร์ทันที ซึ่งความสนใจในระดับนี้ก็มาจากการที่เหรียญทำงานแบบ Multi-chain ซึ่งเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงเหรียญได้ผ่าน Ethereum, Binance, Polygon, Avalance, Base, และ Solana
นักลงทุนในช่วงพรีเซลล์จะมีโอกาสรับผลตอบแทนต่อปีได้ถึง 600,000% จากการ Staking ซึ่งจะแจกรางวัลให้เป็นระยะเวลาสองปี โดยเปอร์เซ็นต์รางวัลจะลดลงเมื่อเหรียญถูกซื้อและถูก Stake มากขึ้น หมายความว่านักลงทุนในช่วงพรีเซลล์จะมีโอกาสทำกำไรได้มากกว่าเมื่อเหรียญเข้ากระดานเทรดนั่นเอง ซึ่งมีคาดการณ์ว่าเหรียญอาจถูกนำเข้า Binance ในเร็วๆ นี้ด้วยเช่นกัน
อุปทานทั้งหมดของเหรียญคือ 2 แสนล้านโทเค็นและจัดสรร 15% ของอุปทานทั้งหมดไว้ขายในช่วงพรีเซลล์ พร้อมสำรองเหรียญเพื่อทำให้คอมมิวนิตี้สามารถเติบโตได้อีกในระยะยาวที่ 25%
ประเด็นสำคัญ:
- เป็นเหรียญมีม Multi-chain สกุลแรกที่รองรับได้มากถึงหกเครือข่าย
- นักลงทุนสามารถเลือกเครือข่ายที่ตนต้องการได้อย่างง่ายดาย
- โปรเจกต์ระดมทุนได้ 250,000 ดอลลาร์หลังเปิดตัวได้ไม่กี่นาที
Slothana – เห619;ียญมีมบน Solana Blockchain สกุลล่าสุดที่นักลงทุนกำลังจับตามอง
($SLOTH) เป็นเหรียญมีมที่เปิดขายพรีเซลล์บน Solana Blockchain ซึ่งต่อยอดมาหลังจากที่ Slerf ประสบความสำเร็จและกลายเป็นเหรียญที่ได้รับความนิยมมากที่สุดบนเครือข่าย ซึ่งมีมูลค่าการซื้อขายรวม 2.7 แสนล้านภายในไม่กี่วันหลังเปิดตัว โดยทาง Slothana ก็มุ่งมั่นที่จะประสบความสำเร็จให้ได้ในระดับเดียวกัน หลังเปิดพรีเซลล์ โปรเจกต์ก็ระดมทุนไปได้ 500,000 ดอลลาร์ทันที แสดงให้เห็นว่าเหรียญได้รับความสนใจอย่างมาก นอกจากนี้ ทางทีมงานยังเน้นนำเหรียญเข้า Binance อย่างจริงจังอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังมีข่าวลือว่าทีมพัฒนา Smog คือทีมเดียวกับที่ทำ Slothana ซึ่งเหรียญดังกล่าวก็มีมูลค่าพุ่งสูงกว่า 12,000% หลังเปิดตัวบน Solana ไปได้ไม่นาน โดยตอนนี้มีมูลค่าตลาดเกือบ 300 ล้านเลยทีเดียว
สำหรับนักลงทุนที่อยากซื้อเหรียญในช่วงพรีเซลล์ก็สามารถโอน SOL เข้าที่อยู่ EnSawje2vQSQKtGbPYdXEuYKm2sHgeLKJTqCmrDErKEA ได้เลยทันที โดยหลังจากพรีเซลล์สิ้นสุด คุณก็จะได้รับ $SLOTH ในรูปแบบ Airdrop เข้ากระเป๋าเงินโดยตรง โดยตอนนี้ 1 SOL จะได้ 10,000 $SLOTH ซึ่งคุณจะสามารถใส่จำนวนเหรียญเท่าไหร่ก็ได้ในขั้นตอนการซื้อ
ประเด็นสำคัญ:
- ไม่มีรอบพรีเซลล์หรือการนับถอยหลังขึ้นราคา เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงเหรียญได้อย่างยุติธรรม
- คาดว่าจะประสบความสำเร็จได้มากกว่าเหรียญมีมบน Solana อื่นๆ
- ระดมทุนได้ทันที 500,000 ดอลลาร์หลังขายพรีเซลล์ไม่นาน
Mega Dice Token – คาสิโนบนเครือข่าย Solana ที่ผู้ถือจะได้รับรางวัลเพิ่มเติม
($DICE) เป็นคาสิโนคริปโตที่มีปริมาณการเดิมพันมูลค่ากว่า 50 ล้านดอลลาร์และมีผู้ใช้มากกว่า 10,000 คนต่อเดือน ซึ่งผู้ที่ถือเหรียญในช่วงพรีเซลล์ก็จะได้รับรางวัลและผลกำไรเพิ่มเติมจากตัวคาสิโนอีกด้วย
ทีมงานอธิบายเอาไว้ว่า $DIC จะใช้เป็นรางวัลให้กับผู้ถือเหรียญที่ Stake เพื่อรับส่วนแบ่งรายได้ของคาสิโน และที่สำคัญ ผู้ถือเหรียญทุกคนจะมีโอกาสเข้าถึง NFT สุดพิเศษที่จะให้สิทธิและรางวัลเพิ่มเติมมากมาย พร้อมรองรับโปรแกรมแนะนำเพื่อนให้เข้ามาลงทุนในช่วงพรีเซลล์ ซึ่งจะมีโอกาสได้รับค่าคอมมิชชั่นเพิ่มเติมอีก 10% โดยไม่มีการจำกัดการให้รางวัล
ส่วนใครที่เลือกเล่นเกม เดิมพัน หรือแทงกีฬาบนคาสิโนก็มีโอกาสได้รับ Airdrop มูลค่า 2.2 ล้านดอลลาร์ไปแบบฟรีๆ อีกด้วย เมื่อพิจารณ์ว่าคาสิโนคริปโตอย่าง TG.Casino ที่เปิดตัวเมื่อปี 2023 ได้ประสบความสำเร็จไปก่อนหน้า โดยโปรเจกต์โตขึ้นกว่า 4 เท่าหลังเปิดตัว $DICE เองก็อาจสามารถทำได้แบบเดียวกันหรืออาจจะโตมากกว่าก็เป็นไปได้
ประเด็นสำคัญ:
- คุณสามารถ Stake $DICE เพื่อรับรางวัลเป็นส่วนแบ่งรายได้จากคาสิโน
- ระบบรางวัลสุดพิเศษที่แจก Airdrop มูลค่ากว่า 2.2 ล้านดอลลาร์
- สามารถเล่นเกมได้อย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีค่าธรรมเนียมที่ไม่แพง
99Bitcoins – แพลตฟอร์ม Learn to Earn ที่เพิ่งเปิดตัวเหรียญดั้งเดิมเพื่อรับรางวัล Staking
($99BTC) คือแพลตฟอร์ม Learn to Earn มาใหม่ที่กำลังเป็นที่สนใจด้วยความที่เหรียญอาจถูกนำเข้า Binance เมื่อพิจารณาจากยูทิลิตี้ของเหรียญ โดยทางโปรเจกต์จะมุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนแปลงกระบวนการศึกษาเกี่ยวกับเหรียญคริปโตและรับรางวัลเป็นผลตอบแทนให้กับผู้เข้าร่วมทุกคนที่สมัครใช้งาน
โปรเจกต์กำลังเปิดขายเหรียญ $99BTC ในช่วงพรีเซลล์ โดยนักลงทุนจะสามารถซื้อด้วย ETH, BNB, USDT, หรือบัตรเครดิตและต้องใช้ Ethereum Wallet ที่เข้ากันได้เพื่อซื้อเหรียญ
เมื่อคุณซื้อ $99BTC เรียบร้อยแล้ว คุณจะสามารถเลือก Stake เหรียญเพื่อรับผลตอบแทนต่อปีเพิ่มอีก 50,000% ในพรีเซลล์รอบแรกๆ ซึ่งแน่นอนว่ารางวัลจะลดลงเมื่อเหรียญถูก Stake มากขึ้น ทำให้นักลงทุนในช่วงแรกมีโอกาสทำกำไรได้มากขึ้นนั่นเอง และข้อควรรู้คือหากซื้อด้วย BNB จะไม่สามารถรับรางวัล Staking ได้
ทางทีมพัฒนายังแจกเหรียญ Airdrop มูลค่ากว่า 99,999 ดอลลาร์เป็น $99BTC ให้กับนักลงทุนที่โชคดี 99 รายอีกด้วย ซึ่งเหรียญอาจมีโอกาสเติบโตขึ้นได้หลังเข้ากระดานเทรด หลังจากที่ BTC กำลังซื้อขายในระดับ All Time High ในตอนนี้
ประเด็นสำคัญ:
- แจกเหรียญมูลค่า 99,999 ดอลลาร์ให้กับนักลงทุนช่วงแรก
- สามารถเข้าถึงคอนเทนต์ พร้อมส่วนลดสินค้าและบริการได้
- ให้รางวัล Staking ในระดับสูง
5thScape – เหรียญใหม่ชั้นยอดที่กำลังเปิดตัวในตลาด VR ที่กำลังมาแรง
โปรเจกต์ 5thScape มุ่งเน้นไปที่โลก AR และ VR แบบใหม่ที่น่าสนใจ และมีเป้าหมายที่จะสร้างแพลตฟอร์มดิจิทัลไปพร้อมกับแว่นและเก้าอี้ VR ที่ใช้ในการเข้าเล่น
การระดมทุน ICO ของ 5thScape จะมุ่งเน้นไปที่เกม VR มากมาย ซึ่งรวมถึงเกใมวยสากล เกมฟุตบอล เกมยิงธนู และอีกมากมาย นอกจากนี้ 5thScape ยังมีเป้าหมายที่จะพัฒนาแว่น VR และเก้าอี้เพื่อการเล่นเกมของตัวเองด้วยเช่นกัน
ตลาดเกม VR มีอัตราโตต่อปีถึง 36% ในช่วงปี 2023 ถึง 2030 ส่วนอุตสาหกรรมอื่นๆ เช่น การดูแลสุขภาพและการฝึกอบรมก็จะได้รับผลดีจากการเติบโตของเทคโนโลยี VR ไปอีกนานถึงสิบปีด้วยเช่นกัน 5thScape ยังวางแผนที่จะมุ่งเน้นไปที่ตลาดเหล่านี้ เพื่อเพิ่มความง่ายในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และโทเค็นของตน โทเค็น 5thScape ซึ่งตอนนี้อยู่ในช่วงพรีเซลล์จะเป็นส่วนสำคัญของโลก 5thScape โดยจะเป็นลดผลิตภัณฑ์ สิทธิ์เข้าถึงฟีเจอร์พิเศษและตัวอย่างการเล่นเกม พร้อมคอนเทนต์ VR สถดพิเศษ
ประเด็นสำคัญ:
- ตลาด VR มีคาดการณ์ว่าจะเติบโตอีกมากในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
- 5thScape เริ่มต้นจากเกม VR และจะมุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมาย
- กำลังพัฒนาอุปกรณ์ที่ใช้เข้าถึง VR
- เหรียญ 5thScape จะเป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศ 5thScape VR
Sponge V2 – โปรเจกต์ที่เปิดตัวเหรียญอีกรอบพร้อมเกม P2E
Sponge V2 เป็นการออกใหม่ของเหรียญมีม Sponge V1 เดิม ซึ่งเติบโตได้ถึง 100 เท่าหลังเข้าตลาดครั้งแรกเมื่อตอนต้นปี 2023 และการลังจะย้ายไปฝใช้สัญญาอัจฉริยะใหม่โดยสมบูรณ์ทีมงานพัฒนา Sponge V1 กำลังย้ายโทเค็นไปยังสัญญาอัจฉริยะใหม่ Sponge V2 เพื่อเพิ่มยูทิลิตี้ให้กับเหรียญในฐานะหนึ่งในเหรียญมีมที่ดีที่สุด
นอกจากการย้ายสัญญาอัจฉริยะและการเปิดตัวเหรียญใหม่ โปรเจกต์ยังเปิดขายเหรียญใหม่ในช่วงพรีเซลล์บนเว็บไซต์ Sponge อีกด้วย
เพื่อทำให้การพรีเซลล์มีความยุติธรรม ราคาของโทเค็น Sponge V2 เหล่านี้จะยึดกับราคาตลาดของ Sponge V1 หลังจากที่ผู้ใช้เปลี่ยนโทเค็น Sponge V1 ที่มีอยู่เป็นโทเค็น Sponge V2 หรือซื้อผ่านสัญญาอัจฉริยะ โทเค็นของพวกเขาจะถูกนำไป Stake โดยอัตโนมัติเพื่อรับรางวัล
ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 179% ต่อปี พร้อมเพิ่มยูทิลิตี้เข้ามาในรูปแบบของเกม Sponge P2E Racer ที่ผู้ใช้สามารถรับโทเค็น Sponge ได้มากขึ้นจาก “เกม Play to Earn มาใหม่สุดนอกกรอบ!”
ประเด็นสำคัญ:
- เปิดตัวเหรียญมีมที่ได้รับความนิยมอยู่แล้วอีกครั้ง
- การย้ายไปยังสัญญาอัจฉริยะใหม่เพื่อเพิ่มยูทิลิตี้
- ผลตอบแทน Staking ที่สามารถรับได้จนกว่าเหรียญจะเข้ากระดานเทรดอีกครั้ง
- เกม Play to Earn ใหม่ที่จะทำให้เหรียญมียูทิลิตี้มากขึ้น
Smog – เหรียญมีมมาใหม่ที่มีการกำหนดอุปทานเอาไว้ที่ 490 ล้านดอลลาร์
เป็นเหรียญมีมมาใหม่ล่าสุดบน Solana และก็อาจจะประสบความสำเร็จได้มากกว่า Bonk, Myro, และ Dogwifhat ไม่ยาก แต่เหรียญก็โดดเด่นยิ่งกว่าเหรียญมีมเหล่านี้จากการที่ $SMOG เป็นเหรียญบน Solana ที่สามารถเข้าถึงผ่านเชนอื่นอีกมากมาย
ที่สำคัญ ทีมงานได้จัดสรร 35% ของอุปทานทั้งหมดไว้เป็นรางวัล Airdrop ซึ่งคุณจะต้องซื้อ $SMOG และทำภารกิจบนแพลตฟอร์ม Zealy ให้สำเร็จ โดยการแจกเหรียญในซีซันแรกก็มีผู้ใช้ทำภารกิจสำเร็จไปแล้วรวม 9 ล้านภารกิจและมีผู้เข้าร่วมรวม 50,000 คนแล้วเรียบร้อย โดยซีซันที่สองกำลังเปิดให้เข้าร่วมแล้วในตอนนี้
แม้ว่า Smog จะไม่ได้เปิดพรีเซลล์โดยตรง แต่เปิดขายบน Jupiter ซึ่งโปรเจกต์ก็ได้รับความสนใจอย่างล้นหลามทันที ทำให้ราคาเหรียญพุ่งขึ้นกว่า 920% หลังเข้ากระดานเทรด
ทีมงานจำกัด 50% ของอุปทานทั้งหมดไว้สำหรับการตลาดและเหรียญก็กลายเป็นเหรียญมีมที่ดีที่สุดไปแล้วทั้งบน Solana และเครือข่ายคริปโตทั่วโลกเลยทีเดียว ทำให้มีโอกาสอีกมากที่เหรียญจะถูกนำเข้ากระดานเทรดหลักๆ ได้นั่นเอง
ประเด็นสำคัญ:
- พร้อมเปิดตัวเกม P2E เพื่อรับผลตอบแทนเพิ่มเติม
- โอกาสเปลี่ยนแปลงแนวทางการขุดส่งด้วยรถตุ๊กตุ๊กอย่างสิ้นเชิง
- สถานีชาร์จ EV ที่สามารถชำระเงินด้วย $TUK
eTukTuk – เหรียญที่จะมาเปลี่ยนแปลงแนวทางการโดยสารด้วยรถตุ๊กตุ๊ก
$TUK เป็นเหรียญคริปโตหลักจาก eTukTuk บน Cardano Blockchain โดยมีเป้าหมายในการเปลี่ยนแปลงวงการการโดยสารด้วยรถตุ๊กตุ๊ก พร้อมใช้งานเทคโนโลยี Blockchain เพื่อสร้างการขนส่งที่เข้าถึงได้และมีราคาถูกมากที่สุด
ทีมงานตั้งเป้าที่จะพัฒนาสถานีชาร์จรถ EV ที่คนขับสามารถชำระเงินได้ผ่านแอพขนขับด้วย $TUK และส่วนแบ่งจากการทำธุรกรรมจะถูกแบ่งให้กับพันธมิตรภายในพื้นที่ ซึ่งเป็นผู้ที่มีส่วนร่วมในการสร้างสถานีชาร์จตามสถานที่ต่างๆ
และส่วนหนึ่งของธุรกรรมจะถูกแจกจ่ายให้กับผู้ที่ Stake เหรียญทุกคนทีมพัฒนา eTukTuk เคลมมาว่าคนขับรถตุ๊กตุ๊กจะประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากถึง 400% พร้อมโอกาสสร้างรายได้แบบพาสซีฟเพิ่มเติม
นอกจากนี้จะมีการเปิดตัวเกม P2E บน Android และ iOS เพื่อให้ผู้เล่นสามารถรับ $TUK ได้เพิ่มเติมอีกด้วยในตอนนี้ โปรเจกต์ระดมทุนได้แล้วกว่า 3 ล้านดอลลาร์และมีโอกาสอย่างสูงที่เหรียญจะเข้า Binance หลังพรีเซลล์สิ้นสุด ราคาเหรียญอยู่ที่ 0.0305 ดอลลาร์ในปัจจุบันและให้ผลตอบแทนต่อปีถึง 87%
ประเด็นสำคัญ:
- พร้อมเปิดตัวเกม P2E เพื่อรับผลตอบแทนเพิ่มเติม
- โอกาสเปลี่ยนแปลงแนวทางการขุดส่งด้วยรถตุ๊กตุ๊กอย่างสิ้นเชิง
- สถานีชาร์จ EV ที่สามารถชำระเงินด้วย $TUK
Bitcoin Minetrix – โปรเจกต์ Stake to Mine สำหรับขุดเหรียญ BTC บนคลาวด์
เปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถขุด BTC บนคลาวด์บนเครือข่าย Ethereum ด้วยแนวทาง Stake to Mine อันเป็นเอกลักษณ์ของโปรเจกต์และยังเป็นไอเดียที่อาจได้รับความสนใจอย่างมาก
พรีเซลล์ระดมทุนไปแล้วกว่า 13.2 ล้านดอลลาร์และได้รับการตรวจสอบสัญญาอัจฉริยะจาก Coinsult เป็นที่เรียบร้อย หมายความว่าเหรียญจะมีโอกาสอย่างมากที่จะถูกนำเข้ากระดานเทรด Binance ที่เน้นไปที่เหรียญที่มียูทิลิตี้ที่ใช้ได้จริง
ผู้ใช้จะสามารถ Stake $BTCMTX เพื่อรับเครดิตการขุดบนคลาวด์ได้ผ่าน Bitcoin Minetrix ซึ่งจะถูกเผาเพื่อรับ BTC เป็นรางวัลตอบแทน ซึ่งจะสามารถทำได้ผ่านหน้าอินเทอร์เฟซที่ผู้ใช้สามารถจัดการกระบวนการขุดเหรียญของตนได้โดยอิสระ
แม้ว่าตลาดคริปโตจะมีแพลตฟอร์มขุด BTC มากมายอยู่แล้วก็ตาม แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าตลาดดังกล่าวเต็มไปด้วยโปรเจกต์ปลอมและถูกสร้างมาเพื่อหลอกกินเงินนักลงทุนไปฟรีๆ แม้แต่แพลตฟอร์มที่ขุดเหรียญได้จริงก็มาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่สูงลิ่วทั้งยังไม่สามารถควบคุมได้เท่ากับ Bitcoin Minetrix แสดงให้เห็นว่าทีมพัฒนาเน้นไปที่ความโปร่งใสและเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้จริงจากยูทิลิตี้ของโปรเจกต์
ประเด็นสำคัญ:
- มียูทิลิตี้สุดพิเศษสำหรับนักลงทุนคริปโตทุกคนให้เข้ามาขุดเหรียญได้อย่างง่ายดาย
- ระบบ Stake to Mine รูปแบบใหม่ที่น่าสนใจ
- เปิดโอกาสให้สร้างรายได้แบบพาสซีฟผ่านการขุดโดยไม่ต้องใช้เครื่องขุดเหรียญ
คาดการณ์เหรียญคริปโตหลัก
Bitcoin – เหรียญคริปโตอันดับ 1 ของโลก
เป็นเหรียญคริปโตสกุลแรกและเป็นที่รู้จักมากที่สุดในโลกจึงไม่ต้องแนะนำอะไรให้มากมาย ถือเป็นเหรียญที่นักลงทุนคริปโตส่วนใหญ่ซื้อเป็นสกุลแรกและก็มีคนคาดการณ์แนวโน้มราคาเหรียญไปแล้วนับไม่ถ้วน
แม้ว่าในตอนแรกเหรียญให้นิยมตัวเองว่าเป็น “ระบบเงินสดอิเล็กทรอนิกส์แบบเพียร์ทูเพียร์” ใน Bitcoin Whitepaper ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา เหรียญก็ถูกเปรียบเสมือนเป็นทองคำดิจิทัล เพราะว่ากันว่ามีคุณสมบัติที่เหมือนกันหลายอย่าง โดยหลักๆ ก็คืออุปทานที่มีอยู่จำกัด ถือเป็น “ตัวเก็บมูลค่าที่ยอดเยี่ยม” ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนก็กำลังทดสอบ Stress Test ของเหรียญอยู่
ในฐานะที่เป็นเหรียญคริปโตแบบกระจายอำนาจเต็มรูปแบบ ซึ่งถูกสร้างขึ้นโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลภายใต้นามแฝง Satoshi Nakamoto บิทคอยน์มีการแจกจ่ายในรูปแบบที่ยุติธรรมที่สุด โดยให้เป็นรางวัลแก่ผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์ในการประมวลผล ในกลไกฉันทามติที่เรียกว่า Proof of Work เพื่อรักษาความปลอดภัยของเครือข่าย
ในฐานะเหรียญสกุลแรกและเป็นทองคำดิจิทัล พร้อมกับความจริงที่ว่าปัจจุบันมีส่วนแบ่งในตลาดคริปโตมากกว่า 50% ที่มีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ และความจริงที่ว่าตลาดเองก็ติดตามการเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin อย่างใกล้ชิด ทั้งหมดนี้หมายความว่าบิทคอยน์จะเป็นเหรียญอันดับที่หนึ่งไปอีกนาน
ประเด็นสำคัญ:
- เหรียญคริปโตแรกและเป็นสกุลเดียวที่ถือว่ากระจายอำนาจอย่างสมบูรณ์
- บิทคอยน์ถูกเปลี่ยนว่าเป็นทองคำดิจิทัลมาอย่างยาวนาน
- มักจะเป็นเหรียญแรกที่นักลงทุนคริปโตหน้าใหม่ซื้อ
- ตอนนี้กำลังได้รับความสนใจจากตลาดการเงินแบบดั้งเดิมหลังจากได้รับอนุมัติเป็น ETF ในเดือนมกราคม
- บิทคอยน์มีอิทธิพลอย่างไม่น่าเชื่อในตลาดโดยรวม โดยมีอิทธิพลมากกว่า 50% ต่อเหรียญคริปโตอื่นๆ ที่เคลื่อนไหวตามราคาบิทคอยน์
Ethereum – แพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
เปิดตัวในปี 2558 หลังโปรแกรมเมอร์คอมหนุ่ม Vitalik Buterin เสนอว่าเทคโนโลยี Blockchain ที่เป็นรากฐานของโปรโตคอล Bitcoin สามารถใช้เพื่อรองรับสัญญาที่เขียนด้วยตนเองอย่าง “สัญญาอัจฉริยะ” โดยคนกลุ่มหนึ่งซึ่งปัจจุบันรู้จักกันในนามผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ได้รวมตัวกันเพื่อต่อยอดไอเดียที่ว่าและโปรโตคอลอีเธอเรียมก็เกิดขึ้นมาจากไอเดียดังกล่าว
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาอีเธอเรียมซึ่งทำการตลาดในฐานะคอมพิวเตอร์ของโลกได้เกิด Hardfork ที่เป็นที่ถกเถียงกันช่วงหนึ่ง โดยเปลี่ยนไปใช้กลไกฉันทามติ Proof of Stake ที่ประหยัดพลังงานมากขึ้นและตอนนี้ก็กำลังมุ่งเน้นไปที่การขยายเครือข่ายไปยังผู้ใช้หลายล้านคน
ในฐานะแพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก Ethereum เป็นรากฐานที่รองรับ dApps กว่าหลายพันแอพซึ่งรวมถึงเกม, บริการ DeFi, แพลตฟอร์ม NFT, บริการแก้ปัญหาสภาพคล่อง, และอีกมากมาย โดยเครือข่ายอีเธอเรียมสามารถรักษาความปลอดภัยมากกว่า 55% ของมูลค่าที่ถูกล็อคไว้ในโปรโตคอล DeFi รวมมูลค่ากว่า 47 พันล้านดอลลาร์
ในฐานะแพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะที่ได้รับความนิยมสูงสุด ยังรองรับแพลตฟอร์ม Layer 2 และ dApp อีกมากมายด้วยเช่น ถือเป็นเหรียญหลัก แม้ว่าตลาดคริปโตจะยังเติบโตอย่างต่อเนื่องก็ตาม
ประเด็นสำคัญ:
- Ethereum เป็นแพลตฟอร์มกระจายอำนาจระดับโลกแห่งแรกที่เสนอสัญญาอัจฉริยะที่เขียนด้วยตนเอง
- เป็นเหรียญคริปโตอันดับ 2 ของโลก พร้อมรองรับ dApp มากกว่า 4,00 แอพและรักษาความปลอดภัยโปโตคอล DeFi ที่มีมูลค่ากว่า 47 พันล้านดอลลาร์
- โปรโตคอลกำลังได้รับการขยายเครือข่ายเพื่อรองรับผู้ใช้หลายล้านคน
- โปรเจกต์ถูกพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อใช้งานในโลกจริง และนอกเหนือจากบิทคอยน์แล้ว อีเธอเรียมยังถือเป็นเหรียญที่นักลงทุนซื้อมากที่สุดอีกด้วย
Shiba Inu – เหรียญมีมยอดนิยมที่ระบบนิเวศกำลังโต
เริ่มต้นมาจากเหรียญมีมและการทดลองสร้างคอมมิวนิตี้แบบกระจายอำนาจ ตั้งแต่นั้นมา ตัวคอมมิวนิตี้ก็เริ่มมีชื่อเสียงมากขึ้นโดยมีผู้ถือโทเค็นมากกว่า 1.3 ล้านรายและมีการพัฒนาอีกมากที่ได้แยกเหรียญออกจากตลาดเหรียญมีมและนำเหรียญมาวางไว้ฐานะเหรียญยูทิลิตี้แทน
ระบบนิเวศของ Shiba มาพร้อมกับนวัตกรรมมากมาย ซึ่งบางอย่างยังอยู่ระหว่างการพัฒนา ส่วนด้านล่างนี้เราได้สรุประบบนิเวศที่ Shiba Inu นำเสนอเอาไว้แบบสั้นๆ:
- Shibaswap: กระดานเทรด DEX
- Shibarium: Ethereum Layer 2
- SHIB: โลก Metaverse
- Shiba Eternity: เกม Play to Earn
- คอลเล็กชัน NFT: คอลเล็กชัน 2 PFP และ Shiba Land Metaverse
ยังมีโทเค็นที่สามารถแลกเปลี่ยนอื่นๆ ภายในระบบนิเวศของ Shiba Inu เช่น $BONE, $LEASH และ $TREAT ที่ยังไม่ได้เปิดตัว แต่ $SHIBA ก็เป็นโทเค็นหลักของระบบนิเวศประเด็นสำคัญ:
- Shiba Inu เริ่มต้นมาจากเหรียญมีม แต่ก็ได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นระบบนิเวศยูทิลิตี้แบบกระจายอำนาจ
- $SHIBA เป็นโทเค็นหลักของระบบนิเวศนี้ ซึ่งมีโทเค็นที่แลกเปลี่ยนได้อีก 3 สกุล
- ระบบนิเวศของ Shiba ประกอบด้วย DEX, Ethereum Layer 2, เกม Blockchain, และคอลเล็กชัน NFT มากมาย
- Shiba เป็นเหรียญมีมที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองรองจาก Dogecoin
XRP – เหรียญคริปโตที่ถูกออกแบบมาเพื่อการโอนเงิน โดยร่วมมือกับธนาคารยักษ์ใหญ่ระดับโลก
เป็นเหรียญหลักของ XRP Ledger ซึ่งเป็น Blockchain ที่สร้างขึ้นโดยผู้ก่อตั้ง Ripple Labs โดยมุ่งเน้นไปที่การเพิ่มความเร็วของการโอนเงินระหว่างประเทศ โดยการลดให้เหลือเพียงไม่กี่วินาทีจากที่อาจใช้เวลาหลายวัน
โดยการใช้ XRP เป็นเหรียญตัวกลางระหว่างการแลกเปลี่ยนสองสกุลเงิน ซึ่งจะทำในบัญชีแยกประเภทที่ออกแบบมาเพื่อขยายการประมวลผลธุรกรรม 1,500 รายการต่อวินาที
แม้ว่า XRP Ledger และ Ripple Labs จะเป็นองค์กรที่แยกกัน แต่ก็มีความเกี่ยวพันกันอย่างแยกไม่ได้ Ripple Labs ได้รับการแบ่งเหรียญ 80% ของ XRP ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มสร้างบัญชีแยกประเภท ส่วนผู้สร้าง XRP Ledger และทีมพัฒนาหลักก็ได้รับโทเค็นอีก 20%
Ripple เป็นบริษัทที่จะช่วยเพิ่มความง่ายในการใช้ อำนวยความสะดวก เพื่อโอนเงิน และเพื่อบรรลุเป้าหมายนี้บริษัทก็ได้ร่วมมือกับสถาบันการเงินระดับโลกหลายสิบแห่ง รวมถึง Western, Union, Bank of America Merrill Lynch, HSBC, Banco Santander และ JP Morgan
ประเด็นสำคัญ:
- XRP Ledger เป็น Blockchain ที่ออกแบบมาเพื่อลดเวลาในการโอนเงินทั่วโลกจากการใช้เวลาเป็นวันเหลือเพียงไม่กี่วินาที
- ได้รับการออกแบบมาเพื่อปรับขยายการประมวลผลธุรกรรม 1,500 รายการต่อวินาที
- ถูกสร้างขึ้นโดยผู้ก่อตั้ง Ripple Labs แม้ว่า XRP Ledger และ Ripple Labs จะไม่ใช้องค์กรเดียวกัน แต่ก็มีความสัมพันธ์กันอย่างใกล้ชิด
- XRP ทั้งหมดถูกจัดสรรไว้ล่วงหน้า 80% จัดสรรให้กับ Ripple Labs และ 20% ให้กับผู้สร้าง Ledger และทีมพัฒนาหลัก
- เป้าหมายของ Ripple Labs คือการอำนวยความสะดวกให้กับการโอนเงินทั่วโลกบนเครือข่ายและได้ร่วมมือกับสถาบันการเงินทั่วโลกหลายสิบแห่งเพื่อบรรลุเป้าหมายดังกล่าว
Solana – แพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะที่ได้รับความนิยมอย่างมหาศาล
เป็น Layer 1 Blockchain ที่ได้รับการออกแบบเพื่อให้เข้าถึงผู้ใช้จำนวนมาก โดยใช้งานได้รวดเร็วและมีราคาไม่แพง ทั้งยังสามารถประหยัดได้พลังงานอีกด้วย โปรเจกต์ใช้ฉันทามติ Proof of Stake ซึ่งได้รับการสนับสนุนด้วยโมเดล Proof of History เพื่อให้ผู้ใช้สามารถทำธุรกรรมขั้นสุดท้ายภายในเสี้ยววินาที
Solana Blockchain ยังสามารถขยายธุรกรรมได้มากกว่า 700,000 รายการต่อวินาที อย่างไรก็ตาม โมเดลความเร็วสูงที่มีราคาไม่แพงก็ได้รับผลกระทบมาจากการกระจายอำนาจและความเสถียรของตัวเครือข่าย เพราะการเรียกใช้ผู้ตรวจสอบบน Solana นั้นมีราคาที่แพงมาก และตัวเครือข่ายเองก็มีชื่อเสียมาจากการปิดระบบกะทันหัน
เครือข่าย Solana นำเสนอยูทิลิตี้บน Blockchain ต่างๆ ให้กับผู้ใช้ รวมถึง dApps บนสัญญาอัจฉริยะ, โทเค็นที่แลกเปลี่ยนได้, NFT, เหรียญมีม, โปรโตคอล Staking, และระบบนิเวศ DeFi ที่กำลังเติบโต
หลังจากที่ดูเหมือนโปรเจกต์จะเงียบไปหลังเกิดเรื่องอื้อฉาวเกี่ยวกับ FTX ในช่วงปลายปี 2022 และ Solana ก็กลับมาอีกครั้งและขึ้นชาร์ตอันดับต้นๆ ในช่วงปลายปี 2023 ในฐานะเหรียญคริปโตชั้นนำที่มีมูลค่าตลาดสูงสุด 10 อันดับแรก
ประเด็นสำคัญ:
- Solana นำเสนอ Blockchain ที่รวดเร็ว ราคาถึง ซึ่งในทางทฤษฎีแล้วยังสามารถขยายขนาดธุรกรรมเป็นแสนรายการต่อวินาทีได้อีกด้วย
- แต่ก็มีราคาแพงขึ้นมาจากการกระจายอำนาจและความเสถียรของโปรโตคอล
- Solana นำเสนอ dApp, NFT, เหรียญมีม, และระบบนิเวศ DeFi ที่กำลังโต
- Solana “เงียบไป” ในช่วงปลายปี 2022 เนื่องจากเรื่องฉ้อโกง FTX ที่ได้ทำลายโปรเจกต์ทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกัน
- อย่างไรก็ตามSolana ก็กลับมาอีกครั้งในปี 2023 และกลับมาครองตำแหน่งในเหรียญ 10 อันดับแรก
Litecoin – เหรียญคริปโตชั้นนำเพื่อการชำระเงิน
เปิดตัวในปี 2011 และเป็นหนึ่งในเหรียญ Altcoin ที่เก่าแก่ที่สุดที่ยังเป็นที่นิยมในหมู่ผู้ใช้ ถูกออกแบบมาเพื่อสนับสนุน Bitcoin และใช้เป็นวิธีชำระเงินแบบทันทีในราคาที่ถูกลงสำหรับบุคคลและการซื้อสินค้า ซึ่งเป็นที่ยอมรับจากร้านค้าหลายร้อยแห่งทั่วโลก
ผู้สร้าง Litecoin ซึ่งเป็นอดีตวิศวกรจาก Google อย่าง Charlie Lee (ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการ Litecoin Foundation) ได้สร้างเหรียญขั้นมาด้วยการ Fork ออกมาจาก Bitcoin แม้ว่าหลายๆ ส่วนของโปรโตคอลจะยังเหมือนเดิม แต่เจ้าตัวก็ได้เปลี่ยนองค์ประกอบสำคัญบางข้อไป:
- เพิ่มเป้าระดมทุนสูงสุดเป็น 84 ล้านดอลลาร์ (4 เท่าของบิทคอยน์)
- ลดเวลาบล็อกลงเหลือ 2.5 นาที (1/4 ของบิทคอยน์)
- เปลี่ยนอัลกอริธึมการขุดเหรียญเพื่อให้ขุดจากคอมพิวเตอร์ได้ง่ายขึ้น
เครือข่าย Litecoin ยังมีการ Halving ทุกๆ 4 ปี เหมือนกับ Bitcoin แต่จะเกิดขึ้นก่อนประมาณ 8 เดือน
นอกจากจะใช้เพื่อชำระเงินแล้ว Litecoin ยังเสนอการทำธุรกรรมแบบส่วนตัวให้กับผู้ใช้, โปรโตคอล Ordinals, Layer 2 สำหรับสัญญาอัจฉริยะ, NFT, โทเค็น, และเครือข่าย Lightning
ประเด็นสำคัญ:
- Litecoin เป็น Fork ที่แยกมาจาก Bitcoin ซึ่งออกแบบมาเพื่อทำธุรกรรมให้รวดเร็วขึ้น มีค่าธรรมเนียมต่ำ และใช้เป็นวิธีการชำระเงิน
- สร้างขึ้นโดย Charlie Lee อดีตวิศวกรจาก Google ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งในฐานะผู้อำนวยการ Litecoin Foundation
- เครือข่าย Litecoin จะเกิดHalving ทุกๆ สี่ปี เหมือนกับ Bitcoin
- Litecoin เสนอทางเลือกความเป็นส่วนตัวในการทำธุรกรรมให้กับผู้ใช้และการเข้าถึง Lightening Network
- Litecoin ยังมีโปรโตคอล Ordinals และโซลูชัน Layer 2 พร้อมสัญญาอัจฉริยะ NFT และโทเค็นที่แลกเปลี่ยนได้
Dogecoin – เหรียญมีมอันดับ 1 ที่กำลังใช้เป็นวิธีชำระเงิน
เปิดตัวในปี 2013 ในฐานะเหรียญมีมสกุลแรก โดยมีวิศวกรซอฟต์แวร์ IBM สองคนได้สร้างโทเค็นขึ้นมาเป็นให้ “เรื่องตลก” ภายในเวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงและเพื่อล้อถึงการเก็งกำไรอย่างบ้าคลั่งในตลาดคริปโต ณ ตอนนั้น
Dogecoin อยู่มาแล้วกว่าเจ็ดปีด้วยกัน ในช่วงตลาดขาขึ้นในปี 2021 เหรียญก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทำให้เหรียญมีมและความยิ่งใหญ่ของเหรียญคริปโตกลายเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
Dogecoin ยังครองฐานะเหรียญมีมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลกต่อไปและความสำเร็จของเหรียญได้กระตุ้นให้เกิดระบบนิเวศของเหรียญมีมและเหรียญในธีมสุนัขแยกออกมา นับตั้งแต่เหรียญถูกสร้าง เหรียญก็ยังได้รับความสนใจจากคนดัง เช่น Elon Musk ซึ่งการทวีตเกี่ยวกับเหรียญของเจ้าตัวก็ส่งผลกระทบตลาดคริปโตมาก่อน
ตอนนี้ทีมพัฒนา Dogecoin ก็มีแนวทางที่จริงจังมากขึ้นและกำลังพัฒนาเครื่องมือเพื่อทำให้ Dogecoin ใช้เป็นวิธีชำระเงินที่เป็นที่ยอมรับได้ง่ายยิ่งขึ้น
ประเด็นสำคัญ:
- Dogecoin สร้างขึ้นครั้งแรกในปี 2013 เป็นเหรียญมีมเหรียญสกุลแรกที่ทำให้เกิดเหรียญในระบบนิเวศอื่นๆ มากมาย
- Dogecoin โด่งดังในช่วงตลาดขาขึ้นปี 2021 และยังคงเป็นเหรียญมีมที่โดดเด่นในปัจจุบัน
- Elon Musk เป็นแฟนตัวยงของเหรียญ โดยทวีตและการกระทำของเขาก็เคยส่งผลต่อราคาเหรียญมาก่อน
- ตอนนี้นักพัฒนา Dogecoin มุ่งเน้นไปที่การเปลี่ยนเหรียญให้เป็นรูปแบบการชำระเงิน และพัฒนาเครื่องมือเพื่อให้ร้านค้าสามารถใช้งานเหรียญได้อย่างง่ายดาย
Cardano – Blockchain 3.0 ที่ได้รับการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ
“Cardano เป็นแพลตฟอร์มที่จะเข้ามาสร้างไอเดียการตัดสินใจตามการเงินและตัวตนให้กับหลายพันล้านคนที่ยังไม่เข้าใจอย่างแท้จริง ด้วยการให้บริการ dApp เพื่อสร้างอัตลักษณ์ คุณค่า และการกำกับดูแล” — Charles Hoskinson
เปิดตัวในปี 2017 หลังจากพัฒนามาหลายปีและเป็นผลงานของ Charles Hoskinson ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum เหรียญสร้างขึ้นด้วยโมเดล UTxO โดยการใช้โมเดลของบิทคอยน์และพัฒนาต่อยอดเพื่อทำให้มี dApp, NFT, โทเค็นที่แลกเปลี่ยนได้, การกำกับดูแล On-chain, และระบบนิเวศ DeFi เป็นของตนเอง
Cardano เป็น Blockchain ชั้นนำเพียงแห่งเดียวที่นำเสนอโซลูชัน Liquid Staking โดยโมเดลฉันทามติ Proof of Stake ของแพลตฟอร์มจะประกอบด้วย Stake Pool ที่ขับเคลื่อนโดยชุมชนมากกว่า 3,000 แห่งในการรักษาความปลอดภัยเครือข่าย
Cardano ถูกพัฒนาเป็นขั้นบันไดและมีการเพิ่มฟังก์ชันอยู่ตลอด เป็น Blockchain เดียวที่อิงตามการตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญและได้รับการสนับสนุนจากบทความทางวิทยาศาสตร์มากกว่า 200 ฉบับ อย่างไรก็ตาม การที่ไม่มีฟังก์ชันเพื่อการทำงานในช่วงแรกนั้นก็ทำให้โปรเจกต์ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าเป็น “Ghost Chain” โดยคอมมิวนิตี้ Blockchain ซึ่งได้กลายมาเป็นชื่อที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบัน
ประเด็นสำคัญ:
- Cardano มีเป้าหมายในการยกระดับความเป็นอยู่ของผู้ที่ไร้โอกาสด้านการลงทุนผ่านแพลตฟอร์มแบบกระจายอำนาจและโอเพ่นซอร์ส
- Cardano ได้รับการพัฒนาอย่างมีระบบและเป็น Blockchain ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดซึ่งได้รับการสนับสนุนโดยงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่ถูกตรวจสอบโดยผู้เชี่ยวชาญ
- Cardano เป็น Blockchain ชั้นนำเพียงแห่งเดียวที่มีกลไก Liquid Staking เป็นของตัวเอง
- มีคอมมิวนิตี้มากกว่า 3,000 แห่งที่รักษาความปลอดภัยให้กับ Staking Pool ของ Cardano Blockchain
- Cardano มี dApps, NFT, โทเค็นที่แลกเปลี่ยนได้, การกำกับดูแล On-chain, และระบบนิเวศ DeFi
Quant – โซลูชัน Blockchain เพื่อการทำงานร่วมกันที่ดีที่สุดสำหรับองค์กร
เปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2018 ในฐานะแพลตฟอร์ม Blockchain ที่มุ่งเน้นมาเพื่อสนับสนุนการทำงานร่วมกันของ Blockchain ที่สำคัญโปรเจกต์ยังได้รับการออกแบบให้เป็นโซลูชันที่จะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจและผู้ให้บริการทางการเงินที่ต้องการใช้งานเทคโนโลยี Blockchain กับระบบการทำงาน
ทำให้ให้องค์กรเหล่านี้สามารถเข้าถึง Blockchain แบบกระจายอำนาจได้ง่ายยิ่งขึ้น พร้อมทำให้สามารถเชื่อมต่อโครงสร้างพื้นฐานของตนกับบัญชีแยกประเภทสาธารณะเหล่านี้ได้
แพลตฟอร์ม Overledger ของ Quant จะเชื่อมต่อเข้ากับเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์ (DLT) ทุกรูปแบบ ซึ่งไม่ใช่แค่ Blockchain เท่านั้น โดยรองรับ dApp และโทเค็น DLT จำนวนมากที่สามารถดำเนินการและใช้งานข้ามเครือข่ายต่างๆ Overledger ยังเป็นเทคโนโลยีที่ใช้สร้างสกุลดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศอังกฤษสำหรับนักลงทุนรายย่อยอีกด้วย
Quant เป็น Utility Token ของระบบนิเวศ Quant และถูกล็อคโดยธุรกิจต่างๆ เพื่อรักษาออกใบอนุญาตบนแพลตฟอร์ม Quant นอกจากนี้ยังจำเป็นต้องใช้เพื่อเข้าถึง dApp ที่เปิดตัวบนเครือข่าย Quant อีกด้วย
ประเด็นสำคัญ:
- Quant เป็นแพลตฟอร์ม Blockchain เพื่อการทำงานร่วมกันซึ่งช่วยให้ธุรกิจและผู้ให้บริการทางการเงินสามารถเชื่อมต่อกับ Blockchain ได้
- แพลตฟอร์มมีฟังก์ชันที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถทำงานร่วมกับ Blockchain แบบกระจายอำนาจภายใต้โครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่ได้อย่างง่ายดาย
- เทคโนโลยีที่สร้างโดย Quant เชื่อมต่อกับ DLT ทั้งหมด ไม่ใช่แค่ Blockchain เท่านั้น
- เทคโนโลยี Overledger ของ Quant เปิดโอกาสให้สามารถใช้ dApp และโทเค็น Multi-chain ได้
- Quant เป็น Utility Token ของเครือข่ายและจำเป็นต้องใช้ในการออกใบอนุญาตเพื่อใช้แพลตฟอร์ม
- เทคโนโลยี Overledger ของ Quant ถูกใช้ในโครงการสร้างสกุลเงินที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศอังกฤษ
คาดการณ์ตลาดคริปโตในปี 2024
ตลาดคริปโตเริ่มปี 2024 ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้น 47% และไต่กลับมาอยู่ที่มากกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์หรือคิดเป็น 2.47 ล้านล้านดอลลาร์ในขณะที่เขียนบทความ ซึ่งเป็นผลมาจากการอนุมัติ Bitcoin ETF ซึ่งช่วยนำเงินลงทุนมหาศาลเข้าสู่ตลาด
เมื่อมองไปในอนาคต Bitcoin Halving ที่เป็นถูกคาดหวังมากที่สุดในประวัติศาสตร์จะเกิดขึ้นในช่วงกลางเดือนเมษายน ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่บางคนมองว่าอาจกระตุ้นราคาให้เติบโตมากขึ้น แต่ก็มีบางคนที่มองว่า Halving จะทำให้ราคาบิทคอยน์ลดลงในอนาคต ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับบิทคอยน์ เหรียญสกุลอื่นในตลาดคริปโตก็จะมีการเคลื่อนไหวของราคาในแบบเดียวกัน
นอกเหนือ Bitcoin Halving แล้วธนาคารกลางแห่งสหรัฐฯ ได้ประกาศในช่วงกลางเดือนมีนาคมว่าจะลดอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีนี้ แม้ว่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงนับตั้งแต่ต้นช่วงปีที่หลายคนคาดหวังให้ลดลงมากกว่านี้ แต่ก็ยังคงเป็นสัญญาณเชิงบวกสำหรับเหรียญคริปโตและตลาดโดยร่วมอยู่ อย่างไรก็ตาม เหรียญคริปโตเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนและหากสถานการณ์เศรษฐกิจมหภาคแย่ลงตลอดทั้งปี และไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยลง การลงทุนในตลาดคริปโตก็อาจจะลดน้อยลงไปจนถึงปลายปีได้เลย
สุดท้ายนี้ (เป็นเพียงปัจจัยรองเท่านั้น) ข้อกำหนดด้านเหรียญคริปโตยังคงมีการปรับปรุงทั่วโลก โดยเฉพาะในปี 2024 ที่กฎระเบียบ MiCA (ตลาดในสินทรัพย์คริปโต) ของยุโรปมีคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในช่วงปลายปีนี้ แม้ว่าปัจจัยดังกล่าวจะทำให้เหรียญเป็นที่ยอมรับและเพิ่มประโยชน์ให้กับเหรียญมากขึ้น แต่ผลกระทบที่แท้จริง (หากมี) ของการบังคับใช้กฎระเบียบดังกล่าวก็ไม่คาดว่าจะเกิดขึ้นจนกว่าจะถึงปีหน้าเป็นอย่างต่ำ
คาดการณ์ตลาดคริปโตในปี 2025 – 2035
หากมองไปให้ไกลกว่าเดิม ปี 2025 จะมาพร้อมกับผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจาก Bitcoin Halving ซึ่งเคยสร้าง All Time High ในช่วง 12–18 เดือนหลัง Halving หากธนาคารกลางไม่ปรับลดดอกเบี้ยในปีก่อน ปี 2025 ก็จะเป็นปีทุกอย่างเป็นไปตามแผน เพราะคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะลดลง เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจมหภาคทั่วโลกเริ่มดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
เมื่อมองไปไกลขึ้นอีกและเมื่อเทียบกับช่วงสิบปีที่ผ่านมา อัตราการนำเหรียญคริปโตมาใช้จริงก็คาดว่านั้นคาดว่าเพิ่มมากขึ้น โดย Statista คาดการณ์ไว้ว่าจะมีผู้ใช้เหรียญคริปโตเกือบ 1 พันล้านคนภายในปี 2028 และอีกรายงานก็คาดว่ามูลค่าตลาดจะมีอัตราเติบโตที่ 30.80% ในช่วงปี 2022 ถึง 2030 ซึ่งนับว่าดูดีมากๆ สำหรับตลาดและหลายคนก็คาดหวังว่าอัตราการเติบโตระดับนี้อยู่ไปจนถึงปี 2035 และปีถัดๆ ไป
เมื่อเรามองยาวไปอีกสิบปีถัดไป การเปลี่ยนแปลงของกฎระเบียบเกี่ยวกับเหรียญคริปโตในประเทศต่างๆ ทั่วโลกจะมีผลกระทบโดยตรงต่อมูลค่าและการเปลี่ยนแปลงตลาด การปรับใช้กฎระเบียบเกี่ยวกับเหรียญคริปโตคาดว่าจะเกิดขึ้นเร็วกว่าในช่วงนี้ เพราะประเทศต่างๆ อาจต้องการปกป้องประชากรของตนจาก “แดนเถื่อน” ของโลกคริปโตและเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบทางเศรษฐกิจที่ธุรกิจเริ่มแพร่หลายมากขึ้นในประเทศต่างๆ ซึ่งหมายความว่าเราคาดหวังว่าจะมีการปรับกฎระเบียบที่ช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับเหรียญคริปโต แต่จะต้องไม่ไปขัดขวางนวัตกรรมของเหรียญ ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวก
สุดท้ายนี้โลกของ Blockchain และเทคโนโลยีจัดเก็บข้อมูลแบบกระจายศูนย์จะเกิดการพัฒนาอย่างรวดเร็ว และในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาเราก็ได้เห็นการใช้พลังงานกลไก PoS กับ PoW, การมาถึงของ RWA, การเติบโตของเกม Blockchain และการเติบโตอย่างต่อเนื่องของ Layer 2 และเทคโนโลยี ZK
ในช่วงสิบปีที่ผ่านมามีเพียงสามในสิบของเหรียญคริปโตชั้นนำเท่านั้นที่อยู่มาจนถึงปัจจุบัน ได้แก่ Bitcoin, XRP, และ Dogecoin ส่วนเหรียญมีมนั้นก็เพิ่งเข้ามาในแพลตฟอร์มสัญญาอัจฉริยะได้ไม่นาน ใครบ้างจะรู้ว่าอีกสิบปีข้างหน้า โลกของเหรียญคริปโตจะเป็นอย่างไร?
คุณสามารถเชื่อถือแนวโน้มราคาคริปโตได้หรือไม่?
ทั้งอินเทอร์เน็ต, X และ YouTube ล้วนเต็มไปด้วยผู้คนและแพลตฟอร์มที่วิเคราะห์แนวโน้มราคาเหรียญคริปโต บ้างก็น่าเชื่อถือ บ้างก็จัดอยู่ในประเภท “ไม่น่าเชื่อถือสุดๆ” โดยต่อไปนี้ก็เป็นปัจจัยและคำถามสามข้อที่คุณสามารถใช้เพื่อพิจารณาว่าการคาดการณ์ราคาเหรียญนั้นๆ ควรจัดอยู่ในประเภทใดบ้าง:
- อคติ: ผู้วิเคราะห์แนวโน้มราคาหรือแพลตฟอร์มที่ทำการวิเคราะห์อยู่ มีความสัมพันธ์เฉพาะหรือต่อต้านตัวโปรเจกต์ที่จะส่งผลต่อการคาดการณ์ราคาของพวกเขาให้หรือไม่ อคติอาจเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเพื่อผลกำไรของตน
- ระดับความรู้: บุคคลหรือแพลตฟอร์มที่วิเคราะห์แนวโน้มราคาแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในเหรียญคริปโตและพื้นฐานของตลาดในระดับที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าการคาดการณ์ของตนน่าเชื่อถือหรือไม่สำหรับคุณ?
- หลักฐาน: บุคคลหรือแพลตฟอร์มคาดการณ์ราคาสนับสนุนข้อมูลเชิงคุณภาพหรือเชิงปริมาณหรือไม่สำหรับการวิเคราะห์ระดับพื้นฐานเพิ่มเติม หรือได้จัดทำกราฟเพื่อวิเคราะห์ทางเทคนิคหรือไม่
การอาศัยแนวโน้มราคาจากผู้อื่นเพื่อช่วยในการเทรดจะทำให้ชีวิตของคุณง่ายขึ้นมาก เพราะคุณจะไม่ต้องเสียเวลาวิเคราะห์ด้วยตัวเอง ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างยิ่งหากคุณได้ข้อมูลมาจากผู้เชี่ยวชาญ แม้ว่าตัวคุณจะไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญก็ตาม ถึงอย่างนั้นนี่หมายความว่าการตัดสินใจด้านการเงินของคุณก็จะขึ้นอยู่กับคำพูดของคนที่คุณไม่รู้จักเสียส่วนใหญ่
สิ่งสำคัญที่ต้องจำไว้เสมอก็คือข้อมูลที่ได้มาคือการคาดการณ์ หมายความว่าข้อมูลดังกล่าวจะไม่ได้ถูกต้องเสมอไป ทั้งหมดทั้งหมดก็หมายความว่าผู้อ่านยังคงต้องตัดสินในระดับหนึ่งว่าตนควรเชื่อการคาดการณ์นั้นๆ หรือไม่
วิธีคาดการณ์ราคาเหรียญคริปโต
เนื่องจากเหรียญมีความผันผวนสูง ตลาดคริปโตจึงได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสามารถสร้างผลกำไรมหาศาลให้กับผู้คนได้จำนวนมาก แต่ก็เช่นกันที่มีผู้คนจำนวนมากได้สูญเสียเงินไปมหาศาล การลงทุนในเหรียญคริปโตได้รับความสนใจมาจากโอกาสที่จะเป็นเศรษฐีอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็ได้ทำให้มีนักลงทุนเข้าสู่ตลาดคริปโตมากขึ้น แทนที่จะเข้ามาเพราะการปฏิวัติทางเทคโนโลยีที่ช่วยสนับสนุนโปรโตคอลของโทเค็นเหล่านี้
หากต้องการมีโอกาสทำกำไรจากเหรียญที่ To the Moon หรือได้รถลัมโบร์ในฝันมาครอง นักลงทุนคริปโตจะต้องพยายามคิดว่าสินทรัพย์เหล่านี้จะเคลื่อนไหวไปในทิศทางใด ซึ่งล้วนแล้วเกี่ยวกับการคาดการณ์ราคาเหรียญคริปโตทั้งนั้น
แนวโน้มราคาเหรียญคริปโตสามารถแบ่งออกเป็นสององค์ประกอบด้วยกัน ได้แก่ การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน โดยด้านล่างนี้ เราจะมาเจาะลึกว่าแต่ละองค์ประกอบนั้นส่งผลต่อแนวโน้มราคาเหรียญคริปโตอย่างไรบ้างและคุณสามารถใช้องค์ประกอบเหล่านี้เพื่อวิเคราะห์ราคาเหรียญด้วยข้อมูลมีได้อย่างไร
การวิเคราะห์ทางเทคนิคและการคาดการณ์ราคาเหรียญคริปโต
การเริ่มวิเคราะห์เหรียญคริปโตทางเทคนิคจะรวมการวิเคราะห์กราฟที่แสดงราคาในอดีตและการเคลื่อนไหวราคาของโทเค็นเพื่อสร้างการคาดการณ์ด้วยข้อมูลที่มีในด้านราคาและราคาในอนาคตของโทเค็นนั้นๆ กราฟเหล่านี้อาจดูคุ้นเคยสำหรับคนที่เคยศึกษาเรื่องแนวโน้มราคาเหรียญคริปโตมาก่อน โดยกราฟแท่งเทียนจะแสดงเป็นตัวอย่างด้านล่าง
โลกของการวิเคราะห์เหรียญทางเทคนิคนั้นเต็มไปด้วยตัวชี้วัดและเทคนิคที่สามารถใช้เพื่อค้นหาแนวโน้มและคาดการณ์ราคาในอนาคตของเหรียญได้ เมื่อเวลาผ่านไปนักวิเคราะห์จะเริ่มสร้างตัวชี้วัดที่ตนเชื่อเพื่อให้สามารถคาดการณ์ราคาในอนาคตของเหรียญได้ถูกต้องมากที่สุด
เนื่องจากตลาดคริปโตยังอยู่ในช่วงแรกเริ่ม ด้วยความผันผวนและมีการหวังหากำไรในระดับสูง ประกอบกับข้อเท็จจริงที่ว่าโทเค็นมักจะขาดข้อมูลที่จำเป็นต่อการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน การวิเคราะห์ทางเทคนิคจึงได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดคริปโตและยังเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการคาดการณ์การเคลื่อนไหวของราคาในระยะสั้น ซึ่งทั้งหมดนี้เมื่อรวมเข้าด้วยกันก็จะสามารถทำให้การวิเคราะห์ทางเทคนิคเป็นเครื่องมือหลักในการคาดการณ์ราคานั่นเอง
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานและการคาดการณ์ราคาเหรียญคริปโต
การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานเป็นเทคนิคที่นักวิเคราะห์หุ้นใช้กัน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการใช้ปัจจัยทางเศรษฐกิจและการเงินในการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ การประเมินค่านี้เรียกว่ามันมูลค่ายุติธรรมและเปรียบเทียบกับมูลค่าตลาดจริงเพื่อดูว่าสินทรัพย์มีราคาต่ำหรือสูงกว่าหรือไม่
แม้ว่าจะสามารถนำไปใช้กับเหรียญคริปโตได้ แต่การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานแบบดั้งเดิมนั้นก็นำไปใช้กับเหรียญคริปโตได้ยาก เนื่องมาจากปัจจัยหลายข้อ ได้แก่ ลักษณะการหวังหากำไรในตลาด โมเดลของบริษัทคริปโตที่เปลี่ยนไปจากบริษัทแบบเดิมๆ และธุรกิจคริปโตมากมายที่ยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น
ผลจากการที่ตลาดยังอยู่ในช่วงแรกและการมุ่งเน้นไปที่การหวังทำกำไรจากราคาเหรียญ การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานสำหรับเหรียญคริปโตจึงมีแนวโน้มที่จะมุ่งเน้นไปที่ราคาใน Timeframe ที่นานกว่าสินทรัพย์ดั้งเดิมมาก ซึ่งโดยทั่วไปจะเป็นระยะเวลาหลายปี ทั้งยังต้องตรวจสอบปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อทั้งโทเค็นและตลาดโดยรวมและอาจรวมถึงข้อมูล On-chain, ยูทิลิตี้ของโทเค็นและโปรโตคอล, สถานการณ์ของเศรษฐกิจมหภาค, ความคืบหน้าของการพัฒนา, ระดับการยอมรับของโทเค็น และที่สำคัญที่สุดก็คือโอกาสของการนำไปใช้จริงในอนาคตเมื่อตลาดเติบโตแล้ว
ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาเหรียญคริปโตคืออะไร?
ราคาของสินทรัพย์ถูกขับเคลื่อนด้วยอุปสงค์และอุปทาน ดังนั้นปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาเหรียญคริปโตจะขึ้นและลงตามอุปสงค์และอุปทาน ด้านล่างนี้เราได้อธิบายถึงปัจจัยหลักๆ ที่ส่งผลต่อราคาเหรียญคริปโตและแนวโน้มราคาเอาไว้เรียบร้อย
- แนวโน้มตลาด: ตามที่อธิบายเอาไว้ ตลาดคริปโตมีทำกำไรจากราคาเหรียญในระดับสูงและแนวโน้มตลาดโดยรวมเองก็ผลักดันให้เกิดแรงกดดันในการซื้อและขายได้ ซึ่งจะทำให้โทเค็นมีแนวโน้มไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง ขึ้น ลง หรือไปไซด์เวย์ แนวโน้มตลาดสามารถนำไปใช้ได้หลายระดับ อาจใช้กับตลาดโดยรวมทั้งหมด หรือภาคส่วนเฉพาะภายในตลาด เช่น เหรียญมีม, เหรียญ AI, หรือเหรียญที่เฉพาะเจาะจงขึ้นมาอีก
- การนำไปใช้จริง: การยอมรับเหรียญคริปโตที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลให้เหรียญเป็นที่ต้องการมากยิ่งขึ้น การนำเหรียญไปใช้จริงสามารถถูกขับเคลื่อนโดยแนวโน้มตลาดได้ แต่ก็สามารถขับเคลื่อนด้วยความต้องการในการใช้เหรียญนั้นๆ ได้เช่นกัน เช่น เหรียญเกมที่ใช้ในการซื้อสินค้าภายในเกม
- แผนการพัฒนา: การทำตามแผนการพัฒนาได้สำเร็จอาจหมายความได้มากมาย ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นข่าวดีต่อราคาเหรียญ เพราะโดยทั่วไปแล้วก็หมายถึงการที่โปรเจกต์มีความคืบหน้าและมีการเปิดตัวยูทิลิตี้ใหม่ หรือเข้าใกล้ความสมบูรณ์ไปอีกขั้น สิ่งนี้สามารถกระตุ้นให้เกิดความต้องการที่แท้จริงในเหรียญหรือเกิดการเก็งกำไรโดยนักลงทุนในตลาด
- การลดจำนวนรางวัล: วิธีนี้จะช่วยลดจำนวนเหรียญลงครึ่งหนึ่งสำหรับเหรียญ Proof of Work ที่ใหญ่ที่สุดบางส่วนและลดจำนวนเหรียญที่จะเข้าสู่ตลาดได้อย่างมหาศาล ส่งผลให้อุปทานลดลงในขณะที่ความต้องการยังคงที่
- การเผาโทเค็นทิ้ง: หลายๆ โปรเจกต์ โดยเฉพาะเหรียญมีมจะเผาเหรียญทิ้งด้วยเหตุผลต่างๆ การเผาเหรียญทิ้งจำนวนมากจะลดอุปทานโทเค็นและจะส่งผลต่ออุปสงค์และอุปทานได้ แต่ก็ทำคำนึงเอาไว้ว่าการเผาเหรียญทิ้งนั้นจะไม่สามารถคาดการณ์ราคาได้จากตลาด หมายความว่าส่วนใหญ่จะมีการคาดการณ์ที่ส่งผลต่อราคาเหรียญมากกว่าการที่เผาเหรียญทิ้ง
- ระยะเวลาการให้เหรียญ: หลายๆ โปรเจกต์จัดสรรเปอร์เซ็นต์ของอุปทานโทเค็นให้กับสมาชิกในทีมและนักลงทุนในช่วงแรก ซึ่งมักจะถูกกำหนดไว้ในตารางการให้เหรียญที่จะปลดล็อคหลังระยะเวลาหนึ่ง โดยทั่วไปคือ 1–3 ปี เมื่อปลดล็อคการให้เหรียญแล้วก็อาจจะมีการแจกจ่าย 10%+ ของอุปทานโทเค็นหนึ่งครั้ง ซึ่งอายส่งผลกระทบต่อราคาหากนักลงทุนที่ได้โทเค็นตัดสินใจขายทิ้ง
- การโหวตเพื่อกำกับดูแล: เหรียญบางสกุลเปิดโอกาสให้ผู้ใช้โหวตกระบวนการ ขั้นตอนการพัฒนาต่อไป และองค์ประกอบอื่นๆ ของโปรโตคอล ซึ่งบางองค์ประกอบอาจทำให้เกิดเสียงแตกแยกและบ้างก็อาจจะมีคนเห็นได้ ด้วยความหลากหลายแบบนี้ การทำตามขั้นตอนเพื่อการกำกับดูแลจึงอาจมีผลกระทบมากมายต่อราคาโทเค็น
- การหากำไรตามเหตุการณ์สำคัญ: จากแผนการพัฒนาบางส่วนที่กล่าวไปข้างต้นและแผนที่เกี่ยวข้องกับอุปทานโทเค็น เป็นเหตุการณ์ที่สามารถคาดการณ์ได้ล่วงหน้า ซึ่งรวมข่าวที่อาจทำให้เกิดผลลัพธ์หนึ่งหรือสองอย่าง เช่น การเปิดตัว ETF หรือผลกระทบของคดีระหว่าง ก.ล.ต. และหน่วยงานคริปโต หรือการประกาศด้านกฎระเบียบเหรียญคริปโตในเศรษฐกิจโลก
นักลงทุนจำนวนมากจะพยายามก้าวนำเกมการลงทุนโดยคาดหวังถึงเหตุการณ์เหล่านี้และโอกาสทำกำไรจากราคาเหรียญ ซึ่งอาจนำไปสู่เหตุการณ์ “ขายเหรียญจากข่าวลือ” มากมาย การอนุมัติ Bitcoin ETF ก็เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดจากเรื่องนี้ เพราะราคาเหรียญที่เพิ่มขึ้นมากกว่า 70% ในช่วงหลายเดือนก่อนที่จะมีการประกาศ แต่ก็ลดลง 14% ภายในสองสัปดาห์หลังจากการอนุมัติ
ข่าวที่ไม่คาดฝันและราคาเหรียญคริปโต
ใช่ว่าทุกข่าวจะสามารถคาดหวังและคาดเดาได้ก่อน เช่น การอนุมัติ Bitcoin ETF หรือการที่ ก.ล.ต. ฟ้อง Binance และ Coinbase ติดกันในเดือนมิถุนายน 2023 ซึ่งทำให้มูลค่าตลาดคริปโตลดลงเกือบ 10% หรือ 100 พันล้านดอลลาร์กว่า 10 วันด้วยกัน
ข่าวแบบนี้เป็นเพราะตลาดคริปโตยังอยู่ในช่วงแรก ไร้การควบคุม และมีความผันผวน และถึงแม้ว่าจะส่งผลกระทบต่อราคาเหรียญ เราก็ไม่สามารถคาดเดาได้ก่อนแต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม นี่คือเหตุผลว่าทำไมกระดานแลกเปลี่ยนคริปโตที่ดีที่สุดหลายแห่งจึงรองรับแอพมือถือและเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถการตั้งค่าการแจ้งเตือนราคาพร้อมกับระดับ Take Profit และ Stop Loss เพื่อป้องกันไม่ให้ถูกผลกระทบจากข่าวแบบนี้นั่นเอง
แหล่งข้อมูลสำหรับแนวโน้มราคาเหรียญที่ดีที่สุด
ในรายการด้านล่าง เราได้สรุปแพลตฟอร์มที่ที่ดีที่สุดในการค้นหาแนวโน้มราคาคริปโต พร้อมรวบรวมเครื่องมือที่คุณสามารถใช้เพื่อยืนยันแนวโน้มราคาที่คุณพบหรือสร้างขึ้นมาเองว่าแม่นยำเอาไว้
- Cryptonews: ผู้เชี่ยวชาญของเราค่อยจับตาดูตลาดและข่าวสารเกี่ยวกับเหรียญคริปโตอย่างเอาจริงเอาจังเพื่อการคาดการณ์ราคาเหรียญคริปโตที่แม่นยำมากที่สุด
- X (Twitter): นี่คือแพลตฟอร์มที่เหรียญคริปโตส่วนใหญ่เกิดขึ้นและเต็มไปด้วยผู้ใช้ที่โพสต์แนวโน้มราคาเหรียญคริปโตที่ตนวิเคราะห์
- Telegram: นี่คือแอพแชทที่รองรับกลุ่มสัญญาณคริปโตที่ดีที่สุดเอาไว้มากมาย โดยมีทั้งแบบฟรีและเสียเงิน
- YouTube: นี่คือแพลตฟอร์มที่คุณสามารถค้นหาวิดีโอของนักเทรด นักลงทุนมืออาชีพ และมือสมัครเล่นที่อัพโหลดวิดีโอเกี่ยวกับการวิเคราะห์โทเค็นทางเทคนิคของ
- แพลตฟอร์มเทรด: บางแพลตฟอร์มเทรดได้นำฟีเจอร์การเทรดทางสังคมมาใช้งานซึ่งเปิดโอกาสให้นักเทรดสามารถพูดคุยเกี่ยวกับโทเค็นและสิ่งที่ตนคาดหวังได้
- CoinMarketCap: นี่คือเว็บไซต์ติดตามราคาที่มีคอมมิวนิตี้ที่กำลังเติบโตที่ผู้ใช้สามารถโต้ตอบและแบ่งปันการคาดการณ์ของตนได้ ทั้งยังเหมาะสำหรับการหาข้อมูลเหรียญอีกด้วย
- TradingView: นี่คือแพลตฟอร์มนี้ที่เปิดโอกาสให้คุณเข้าถึงกราฟและเครื่องมือสร้างกราฟที่จำเป็นในการวิเคราะห์ทางเทคนิค ทั้งยังมีส่วนคอมมิวนิตี้ที่ผู้ใช้สามารถแชร์กราฟของตนได้อีกด้วย
- เว็บไซต์ On-Chain Explorer: เว็บเหล่านี้จะเปิดโอกาสให้คุณสามารถรวบรวมและดูข้อมูลเกี่ยวกับโทเค็นได้จากแหล่งที่มาโดยตรง ซึ่งเว็บยอดนิยม ได้แก่ Dune, Glassnode และ IntoTheBlock
- เว็บไซต์ติดตาม dApp: เว็บเหล่านี้จะบอกคุณว่า dApp นั้นๆ ได้รับความนิยมแค่ไหนพร้อมรวบรวมสถิติอื่นๆ เอาไว้ โดยเว็บที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ DappRadar