กระเป๋าเงินคริปโต คืออะไร? วิธีเลือกและใช้งานอย่างปลอดภัย
ทำความรู้จักกระเป๋าเงินคริปโตและความสำคัญ
กระเป๋าเงินคริปโต คืออะไร?
กระเป๋าเงินคริปโต (Crypto Wallet) เป็นเทคโนโลยีดิจิทัลที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถบริหารจัดการสกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin หรือ Ethereum ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้กระเป๋าเงินคริปโตจะไม่ได้จัดเก็บเหรียญดิจิทัลโดยตรง แต่จะเก็บ “กุญแจ” ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงและทำธุรกรรมบนบล็อกเชน (Blockchain) ได้
กระเป๋าเงินคริปโต มีอะไรบ้าง
1. กระเป๋าเงินร้อน (Hot Wallet):
Hot Wallet หรือ Software Wallet เป็นกระเป๋าเงินที่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น การโอนหรือรับสกุลเงินดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ถ้าถามว่ากระเป๋าเงินคริปโต ปลอดภัยไหม คงต้องยอมรับว่ากระเป๋าเงินประเภทนี้มีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากภัยคุกคามทางไซเบอร์มากกว่าแบบเย็น
2. กระเป๋าเงินเย็น (Cold Wallet):
Cold Wallet เป็นกระเป๋าเงินที่ไม่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต แต่มาในรูปแบบอื่นๆ อย่างอุปกรณ์ USB drive หรือกระดาษที่จดรหัสไว้แทน ทั้งนี้ในตลาดส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ซึ่งมีราคาสูงกว่ากระเป๋าเงินแบบร้อน แต่ก็มีความปลอดภัยสูงกว่าสำหรับการจัดเก็บสกุลเงินดิจิทัลในระยะยาว เพียงแต่อาจจะไม่สะดวกเท่า hot wallet ในกรณีที่คุณทำธุรกรรมเป็นประจำ
ทำไมควรใช้กระเป๋าคริปโต?
การรักษาความปลอดภัยของกระเป๋าเงินคริปโตถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในหลายๆ แง่ เช่น:
- การโจรกรรมทางไซเบอร์: ความนิยมและมูลค่าที่สูงของสกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin ทำให้อาชญากรไซเบอร์มุ่งเป้าโจมตีผู้ใช้งาน
- การสูญเสียข้อมูลสำคัญ: หากผู้ใช้งานลืมรหัสผ่านหรือทำกุญแจส่วนตัวหาย อาจทำให้ไม่สามารถเข้าถึงทรัพย์สินดิจิทัลของตนได้อีกเลย
- การป้องกันข้อมูลส่วนตัว: การเก็บรักษากุญแจส่วนตัวอย่างปลอดภัยเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นเข้าถึงหรือขโมยทรัพย์สินดิจิทัลของเรา
เคล็ดลับในการป้องกันความเสี่ยง
- จัดเก็บกุญแจส่วนตัวในที่ปลอดภัย: ควรเลือกใช้วิธีเก็บรักษาที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ เช่น การใช้กระเป๋าเงินเย็น
- สำรองข้อมูล: การสำรองข้อมูลสำคัญ เช่น กุญแจส่วนตัวหรือ seed phrase ช่วยลดความเสี่ยงหากเกิดการสูญหายของข้อมูล
- เพิ่มมาตรการความปลอดภัย: เช่น การเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (Two-Factor Authentication) เพื่อเพิ่มชั้นความปลอดภัยให้กับบัญชี
การเข้าใจและให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของกระเป๋าเงินคริปโตเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลอย่างมั่นใจ การป้องกันที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญเสียทรัพย์สินดิจิทัลและทำให้การใช้เทคโนโลยีนี้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
เปรียบเทียบกระเป๋าเงินคริปโตยอดนิยม อันไหนดีที่สุด
ในตลาดมีกระเป๋า crypto ให้เลือกมากมาย ทั้ง Hot Wallet (software wallet) และ Cold Wallet (hardware wallet) การตัดสินใจเลือกกระเป๋าเงินคริปโตที่เหมาะสมที่สุดนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนตัวและรูปแบบการใช้งานของแต่ละบุคคล ซึ่งตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน ดังนั้นเราจะมาพูดถึงไปทีละประเภท
ประเภท Hot Wallet
ชื่อ Hot Wallet | ประเภท | รองรับ Cryptocurrencies (จำนวนสกุล) | ระบบปฏิบัติการ | ฟีเจอร์เด่น | ความปลอดภัย | เหมาะสำหรับ |
Best Wallet | Mobile / Desktop App | รองรับมากกว่า 60 สกุล (60+) เช่น BTC, ETH, LTC, BCH, DOGE, XRP, Stellar, ERC-20 tokens และอื่นๆ | Windows, macOS, Linux, Android, iOS | รองรับหลายเหรียญ, ใช้งานง่าย, รองรับการส่งเหรียญหลายชนิดและการเชื่อมต่อกับ DApp | Private Keys ถูกเก็บในอุปกรณ์ของผู้ใช้, การเข้ารหัส AES | ผู้ใช้ที่ต้องการกระเป๋าหลายเหรียญและใช้งานง่าย |
MetaMask | Web Extension / Mobile App | รองรับมากกว่า 5,000 สกุล (5,000+) เช่น ETH, ERC-20 tokens, BSC, Polygon, Avalanche, Fantom และอื่นๆ | Windows, macOS, Linux, Android, iOS | เชื่อมต่อกับ dApps, DeFi, NFT, Browser Extension, Mobile Support | Private Key ถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์ของผู้ใช้, มีการรองรับการเข้ารหัส | ผู้ใช้ DeFi, NFT, ธุรกรรม ETH/ERC-20 |
Trust Wallet (Binance ถือหุ้น) | Mobile App | รองรับมากกว่า 1,000 สกุล (1,000+) เช่น ETH, BNB, BTC, LTC, XRP, DOGE, TRX, ERC-20 tokens, BEP-2 tokens และอื่นๆ | Android, iOS | รองรับหลากหลายเหรียญ, ง่ายต่อการใช้งาน, รองรับ DApp Browser, NFT | การเข้ารหัส AES, private keys อยู่ในอุปกรณ์ของผู้ใช้ | มือใหม่, ผู้ใช้ที่ต้องการความสะดวกสบาย |
Exodus | Desktop / Mobile App | รองรับมากกว่า 100 สกุล (100+) เช่น BTC, ETH, LTC, BCH, XRP, DOGE, USDT, ERC-20 tokens และอื่นๆ | Windows, macOS, Linux, Android, iOS | รองรับหลายเหรียญ, เชื่อมต่อกับ Trezor hardware wallet, UI ที่ใช้งานง่าย | มีการเข้ารหัสข้อมูลส่วนบุคคล, มีการตรวจสอบผ่าน Trezor | มือใหม่, นักลงทุนที่ชื่นชอบการใช้งานที่ง่าย |
Zengo | Mobile App | รองรับมากกว่า 40 สกุล (40+) เช่น BTC, ETH, USDT, USDC, DAI, ERC-20 tokens และอื่นๆ | Android, iOS | ใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบใบหน้า (Face Recognition), ระบบ Multi-party Computation (MPC) | ไม่เก็บ Private Keys, ความปลอดภัยด้วยการตรวจสอบใบหน้า | ผู้ที่เน้นความสะดวกสบายและความปลอดภัยสูง |
Electrum | Desktop / Mobile App | รองรับ 1 สกุล (BTC) | Windows, macOS, Linux, Android | รองรับ Bitcoin เท่านั้น, การตั้งค่าความปลอดภัยขั้นสูง, การทำงานเร็วและมีประสิทธิภาพ | Private Key บนเครื่องผู้ใช้, รองรับการทำงานแบบ Multi-sig | ผู้ใช้ Bitcoin ที่ต้องการความปลอดภัยสูง |
Phantom Wallet | Browser Extension / Mobile App | รองรับมากกว่า 200 สกุล (200+) เช่น Solana (SOL), SPL tokens (USDC, USDT, Serum, และอื่นๆ) | Windows, macOS, Linux, Android, iOS | รองรับ Solana Blockchain, เชื่อมต่อกับ dApps, NFT, DeFi ใน Solana Ecosystem | การเก็บ Private Key ในอุปกรณ์, รองรับการเข้ารหัส | ผู้ใช้ที่เน้น Solana, NFT, DeFi บน Solana |
สรุปภาพรวม Hot Wallet:
สำหรับมือใหม่:
หากคุณเพิ่งเริ่มต้นในโลกของคริปโต กระเป๋าเงินที่เหมาะสำหรับคุณคือ Best Wallet, Trust Wallet และ Exodus เนื่องจากใช้งานง่ายและรองรับคริปโตเคอร์เรนซีหลักๆ ครบ
สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย:
หากความปลอดภัยเป็นสิ่งที่คุณให้ความสำคัญมากที่สุด Electrum ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ใช้งาน Bitcoin โดยเฉพาะ ขณะที่ Zengo มาพร้อมกับระบบตรวจสอบใบหน้าและฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ล้ำสมัย ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นใจในเรื่องการปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นพิเศษ
สำหรับผู้สนใจ DeFi และ NFT:
ในกรณีที่คุณต้องการใช้งาน DeFi หรือสะสม NFT กระเป๋าเงินที่เหมาะสมที่สุดคือ MetaMask ซึ่งรองรับ Ethereum และ Binance Smart Chain ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือหากคุณเป็นผู้ใช้งาน Solana ตัวเลือกอย่าง Phantom Wallet จะตอบโจทย์ได้อย่างดีเยี่ยม
สำหรับผู้ใช้งาน Solana โดยเฉพาะ:
ผู้ที่เน้นการใช้งานบนเครือข่าย Solana ควรเลือก Phantom Wallet ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งาน Solana โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเหรียญหรือการใช้งานแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApps)
สำหรับผู้ที่ต้องการความหลากหลายและใช้งานง่าย:
หากคุณมองหากระเป๋าเงินที่รองรับหลายเหรียญและมีการใช้งานที่ไม่ซับซ้อน Best Wallet ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและการรองรับเหรียญหลายประเภท ทำให้เหมาะกับผู้ใช้งานทุกระดับ
ประเภท Cold Wallet
ชื่อ Cold Wallet | ประเภท | รองรับ Cryptocurrencies (จำนวนสกุล) | ระบบปฏิบัติการ | ฟีเจอร์เด่น | ความปลอดภัย | เหมาะสำหรับ | ราคา (ประมาณ) |
Ledger Nano S | Hardware Wallet | รองรับมากกว่า 1,100 สกุล (1,100+) เช่น BTC, ETH, LTC, BCH, XRP, DOGE, ERC-20 tokens, BEP-2 tokens และอื่นๆ | Windows, macOS, Linux, Android | ขนาดเล็ก, ราคาถูก, รองรับหลายเหรียญ, เชื่อมต่อกับ Ledger Live | ใช้ Secure Element (SE), PIN, Recovery Phrase | ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการกระเป๋าฮาร์ดแวร์ที่ปลอดภัยและราคาไม่สูง | ประมาณ 1,500 – 2,000 บาท |
Ledger Nano X | Hardware Wallet | รองรับมากกว่า 1,100 สกุล (1,100+) เช่น BTC, ETH, LTC, BCH, XRP, DOGE, ERC-20 tokens, BEP-2 tokens และอื่นๆ | Windows, macOS, Linux, Android, iOS | รองรับ Bluetooth, พกพาง่าย, รองรับหลายเหรียญ, เชื่อมต่อกับ Ledger Live | ใช้ Secure Element (SE), PIN, Recovery Phrase, Bluetooth security | ผู้ใช้ที่ต้องการความสะดวกในการใช้งานขณะเดินทางและรองรับหลายเหรียญ | ประมาณ 3,500 – 4,000 บาท |
Trezor Model One | Hardware Wallet | รองรับมากกว่า 1,000 สกุล (1,000+) เช่น BTC, ETH, LTC, BCH, XRP, DOGE, ERC-20 tokens, BEP-2 tokens และอื่นๆ | Windows, macOS, Linux | ราคาถูก, รองรับหลายเหรียญ, เชื่อมต่อกับ Trezor Suite | ใช้การเข้ารหัสแบบ AES, PIN, Recovery Phrase | ผู้เริ่มต้นที่ต้องการกระเป๋าฮาร์ดแวร์ราคาประหยัด | ประมาณ 2,000 – 2,500 บาท |
Trezor Model T | Hardware Wallet | รองรับมากกว่า 1,000 สกุล (1,000+) เช่น BTC, ETH, LTC, BCH, XRP, DOGE, ERC-20 tokens, BEP-2 tokens และอื่นๆ | Windows, macOS, Linux, Android, iOS | หน้าจอทัชสกรีน, รองรับหลายเหรียญ, เชื่อมต่อกับ Trezor Suite, รองรับการใช้งานแบบหลายลายเซ็นต์ (multisig) | ใช้การเข้ารหัสแบบ AES, PIN, Recovery Phrase, ทัชสกรีน | ผู้ใช้ที่ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูงและการใช้งานสะดวก | ประมาณ 6,500 – 7,000 บาท |
Trezor Safe 3 | Hardware Wallet | รองรับมากกว่า 1,000 สกุล (1,000+) เช่น BTC, ETH, LTC, BCH, XRP, DOGE, ERC-20 tokens, BEP-2 tokens และอื่นๆ | Windows, macOS, Linux, Android, iOS | รองรับการใช้งานแบบหลายลายเซ็นต์ (multisig), รองรับการเชื่อมต่อกับ Trezor Suite, จอทัชสกรีน | ใช้การเข้ารหัสแบบ AES, PIN, Recovery Phrase, ทัชสกรีน | ผู้ใช้ที่ต้องการฟีเจอร์หลายลายเซ็นต์และความปลอดภัยสูง | ประมาณ 8,000 – 10,000 บาท |
Ellipal Titan | Hardware Wallet (Air-gapped) | รองรับมากกว่า 2,000 สกุล (2,000+) เช่น BTC, ETH, LTC, BCH, XRP, DOGE, ERC-20 tokens และอื่นๆ | Windows, macOS, Linux, Android, iOS | ใช้เทคโนโลยี Air-gapped (ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต), จอทัชสกรีน, รองรับหลายเหรียญ | ใช้ Secure Element (SE), PIN, Recovery Phrase, Air-gap | ผู้ใช้ที่ต้องการความปลอดภัยสูงและไม่ต้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต | ประมาณ 10,000 – 12,000 บาท |
BitBox02 | Hardware Wallet | รองรับมากกว่า 1,500 สกุล (1,500+) เช่น BTC, ETH, LTC, BCH, ERC-20 tokens และอื่นๆ | Windows, macOS, Linux, Android | ขนาดเล็ก, รองรับหลายเหรียญ, เชื่อมต่อกับ BitBoxApp, รองรับการทำงานแบบ Multi-sig | ใช้ Secure Element (SE), PIN, Recovery Phrase | ผู้ใช้ที่ต้องการกระเป๋าฮาร์ดแวร์ขนาดเล็กและรองรับหลายเหรียญ | ประมาณ 4,000 – 5,000 บาท |




สรุปภาพรวม Cold Wallet:
สำหรับผู้เริ่มต้นใช้งาน:
หากคุณเพิ่งเริ่มต้นในโลกของกระเป๋าฮาร์ดแวร์ Ledger Nano S และ Trezor Model One เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากทั้งสองรุ่นนี้มีการใช้งานที่ง่ายดายและมาพร้อมกับราคาที่สบายกระเป๋า
สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานร่วมกับมือถือบ่อย:
สำหรับผู้ที่มองหาความสะดวกในการใช้งานบนสมาร์ทโฟน Ledger Nano X เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ด้วยการรองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นและสะดวกบนมือถือ
สำหรับผู้ที่ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง:
ถ้าคุณมองหาฟีเจอร์ที่ล้ำสมัย Trezor Model T และ Trezor Safe 3 คือตัวเลือกที่น่าสนใจ ทั้งสองรุ่นมีหน้าจอแบบทัชสกรีนและรองรับการใช้งานฟีเจอร์ multisig ซึ่งเหมาะสำหรับการจัดการคริปโตที่มีมูลค่าสูง
สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยสูงสุด:
Ellipal Titan เป็นกระเป๋าฮาร์ดแวร์ที่โดดเด่นในเรื่องความปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยี Airgapped ที่ออกแบบมาเพื่อไม่ให้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต พร้อมทั้งระบบป้องกันข้อมูลที่พัฒนามาอย่างดี
สำหรับผู้ที่มองหากระเป๋าขนาดเล็กและรองรับเหรียญหลากหลาย:
BitBox02 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระเป๋าที่มีขนาดกะทัดรัด แต่ยังคงมีความสามารถในการรองรับเหรียญหลากหลาย ทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ครบครัน
วิธีสร้างและใช้งานกระเป๋าเงินคริปโตอย่างปลอดภัย
การสร้างกระเป๋าเงินคริปโตและการใช้งานอย่างปลอดภัยเป็นกระบวนการที่มีรายละเอียดสำคัญหลายขั้นตอน เพื่อช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการและปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจ
กระเป๋าเงินคริปโตในไทยและตัวเลือกอื่นที่น่าสนใจ
ก่อนหน้านี้เรารู้แล้วว่ากระเป๋าเงินคริปโต มีอะไรบ้าง และได้พูดถึงแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมทั่วโลกไปแล้ว ทีนี้เรามาดูกันว่ากระเป๋าเงินคริปโต ไทย หรือที่ได้รับความนิยมในไทยและรองรับภาษาไทยมีอะไรบ้าง
1. Bitkub
Bitkub ยังคงครองตำแหน่งแพลตฟอร์มคริปโตอันดับหนึ่งในประเทศไทย ด้วยบริการกระเป๋าคริปโตที่รองรับการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งการฝากและการถอนเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ใช้งานสามารถซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีหลากหลายประเภท เช่น Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH) รวมถึงเหรียญอื่นๆ อีกมากมาย ระบบความปลอดภัยของ Bitkub ได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนชาวไทยอย่างกว้างขวาง
ค่าธรรมเนียม
- ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: 0.25% ต่อรายการ
- ค่าธรรมเนียมการฝากเงิน: ฟรี เมื่อฝากผ่านธนาคารในประเทศ
- ค่าธรรมเนียมการถอน: มีค่าธรรมเนียมตามเหรียญที่ถอน
การรับรองจาก ก.ล.ต.
Bitkub ได้รับใบอนุญาตและการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทำให้แพลตฟอร์มนี้ดำเนินธุรกิจในไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย
2. Orbix (ชื่อเก่า Satang Pro)
Orbix หรือ Satang Pro เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มคริปโตชั้นนำในไทยที่ให้บริการกระเป๋าคริปโตและตลาดซื้อขายที่ครอบคลุมหลากหลายเหรียญดิจิทัล ระบบฝากถอนเงินของแพลตฟอร์มนี้ถูกพัฒนามาให้มีความปลอดภัยและรวดเร็วเพื่อความสะดวกของผู้ใช้งาน นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตฟีเจอร์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น
ค่าธรรมเนียม
- ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: 0.25% ต่อรายการ
- ค่าธรรมเนียมการฝากเงิน: ฟรี เมื่อฝากผ่านธนาคารในไทย
- ค่าธรรมเนียมการถอน: ขึ้นอยู่กับเหรียญที่ถอน
การรับรองจาก ก.ล.ต.
Satang Pro ได้รับอนุญาตและใบรับรองจาก ก.ล.ต. ทำให้มั่นใจได้ว่าแพลตฟอร์มนี้ดำเนินการตามกฎระเบียบของประเทศไทย
3. Binance
Binance ถือเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและเป็นที่นิยมอย่างมากในระดับสากล รวมถึงในประเทศไทยเองด้วย ความโดดเด่นของ Binance มาจากการเป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการด้านคริปโตแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายเหรียญดิจิทัล การใช้งานกระเป๋าเงินคริปโต การเทรดฟิวเจอร์ส การลงทุนใน DeFi และการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ นอกจากนี้ Binance ยังรองรับบริการที่หลากหลาย เช่น NFT, Staking, Earn, Launchpad รวมถึงการให้ยืมเหรียญดิจิทัลผ่านกระเป๋าเงินคริปโตอย่าง Binance Wallet และ Trust Wallet ซึ่ง Trust Wallet เป็นกระเป๋าเงินที่ Binance มีการถือหุ้นอยู่ด้วย
ค่าธรรมเนียม
- ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: 0.10% แต่หากใช้ Binance Coin (BNB) เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียม จะได้รับส่วนลด 25% ขึ้นอยู่กับ ประเภทของเหรียญ และ เครือข่ายบล็อกเชน ที่ใช้ในการถอน
- ค่าธรรมเนียมการฝากเงิน: ฟรี (สำหรับการโอนเงิน) แต่จะมี ค่าธรรมเนียมในการฝากเงินผ่านบัตรเครดิต/เดบิต (ประมาณ 3% ขึ้นอยู่กับประเภทของบัตร)
- ค่าธรรมเนียมการถอน: ขึ้นอยู่กับ ประเภทของเหรียญ และ เครือข่ายบล็อกเชน ที่ใช้ในการถอน
การรับรองจาก ก.ล.ต.
แม้ Binance จะได้รับความนิยมและมีชื่อเสียง แต่ยังไม่ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต.
4. Krungthai Digital Asset
Krungthai Digital Asset เป็นบริการกระเป๋าคริปโตที่เสนอโดยธนาคารกรุงไทย ซึ่งได้รับการรับรองอย่างถูกต้องจากสำนักงาน ก.ล.ต. แพลตฟอร์มนี้สนับสนุนการจัดเก็บเหรียญดิจิทัลที่ได้รับการอนุมัติทางกฎหมายในประเทศไทย เช่น Bitcoin, Ethereum รวมถึงเหรียญอื่นๆ ที่มีความนิยม
ค่าธรรมเนียม
- ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: ประมาณ 0.2% – 0.3% ต่อรายการ
- ค่าธรรมเนียมการฝากเงิน: ฟรี
- ค่าธรรมเนียมการถอน: ขึ้นอยู่กับเหรียญที่ทำการถอน
การรับรองจาก ก.ล.ต.
Krungthai Digital Asset ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. และดำเนินการในฐานะบริการที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล จึงมั่นใจได้ในเรื่องความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย
5. Best Wallet
อีกคำตอบของคำถามที่ว่า กระเป๋าเงินดิจิตอล อันไหนดี ได้แก่ Best Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินคริปโตที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายดาย และไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการ KYC (การยืนยันตัวตน) ให้ยุ่งยาก หมายความว่าคุณสามารถใช้งานได้แบบนิรนาม จุดเด่นของแพลตฟอร์มนี้คือการผสมผสานฟีเจอร์ที่ล้ำสมัยเข้ากับเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง ทั้งยังได้รับการตรวจสอบด้านความปลอดภัยอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกด้วย นอกจากนี้ Best Wallet ยังถูกพัฒนาให้เป็น Web3 Wallet ที่ใช้เทคโนโลยี Fireblocks MPC-CMP ซึ่งเป็นมาตรฐานขั้นสูงในวงการ โดย Best Wallet จะทำการเก็บ Private Key ของผู้ใช้งานในลักษณะกระจาย (Distributed) เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกแฮ็ก
กระเป๋าเงินคริปโตใบนี้จึงสามารถดึงดูดฐานผู้ใช้จำนวนมากจนมีผู้ใช้งานถึงหลักล้านคนทั่วโลก แม้จะเพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน
ค่าธรรมเนียม
- ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: โดยทั่วไปอยู่ในช่วง 0.1% ถึง 0.5% ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มและประเภทของการซื้อขายที่ทำ
- ค่าธรรมเนียมการฝากเงิน: ฟรี
- ค่าธรรมเนียมการถอน: ประมาณ 50-200 บาทต่อการถอน
การรับรองจาก ก.ล.ต.
ไม่มีข้อมูลยืนยันว่า Best Wallet ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. ในขณะนี้
ทดลองสมัครกระเป๋าคริปโตด้วยขั้นตอนง่ายๆ แต่ปลอดภัยบน Best Wallet
การสมัครกระเป๋าคริปโตทำได้ไม่ยากอย่างที่คิด โดยเราจะมาสาธิตวิธีสร้างกระเป๋าเงินคริปโต Best Wallet กัน เนื่องจากเป็นหนึ่งในกระเป๋าคริปโตที่มีความปลอดภัยสูง ใช้งานง่าย มีความทันสมัย มีแอปมือถือที่สะดวกสบาย รองรับ Multi-chain และสมัครได้ฟรี โดยขั้นตอนมีดังนี้:
ขั้นที่ 1: ดาวน์โหลดและลงทะเบียนแอปพลิเคชัน
เข้าไปที่เว็บไซต์ทางการของ Best Wallet หรือจะดาวน์โหลดจาก Play Store/App Store ก็ได้ โดยค้นหาคำว่า “Best Wallet”
จากนั้นให้ทำการลงทะเบียน โดยการกรอกอีเมลของคุณลงไป แล้ว Best Wallet จะส่งรหัสผ่าน 6 หลักไปยังอีเมลนี้
ขั้นที่ 2: ยืนยันอีเมลและตั้งค่าความปลอดภัย
กรอกรหัส 6 หลักดังกล่าว จากนั้นระบบจะพาคุณไปหน้าถัดไปเพื่อตั้งค่าความปลอดภัย โดยคุณสามารถเลือกได้ว่าจะตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบ 2FA เลย หรือว่าจะข้ามไปก่อน
ขั้นที่ 3: สร้างรหัสผ่าน
ถัดมาให้คุณสร้างรหัสผ่าน 4 หลักไว้สำหรับการเข้าใช้งานบนแอป รวมถึงระบบสแกนใบหน้า/นิ้วมือ
ขั้นที่ 4: พร้อมใช้งาน
เพียงเท่านี้แอป Best Wallet ก็พร้อมใช้งานแล้ว คุณสามารถสำรวจหน้าต่างๆ เพื่อทำความคุ้นเคยกับอินเทอร์เฟสของแอปได้เลย
สรุป
เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ผู้อ่านจะรู้แล้วว่ากระเป๋าเงินคริปโต คืออะไร กระเป๋าเงินดิจิทัลมีอะไรบ้าง ทั้งแบบร้อนและแบบเย็น แต่ถ้าถามว่ากระเป๋าเงินคริปโต อันไหนดี จริงๆ แล้วไม่มีผิดไม่มีถูก เพราะกระเป๋าแต่ละใบออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่ต่างกัน จึงควรเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการของตัวเอง
การเลือก “กระเป๋าคริปโต” ที่เหมาะสมและการจัดเก็บเหรียญคริปโตอย่างถูกต้องเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงจากภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการถูกโจมตีทางไซเบอร์ ความผิดพลาดจากการลืมรหัสผ่าน หรือการสูญเสียข้อมูลส่วนบุคคล
การเก็บเหรียญที่ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อขายบ่อยครั้ง เช่น เหรียญที่ถือเพื่อการลงทุนระยะยาว ควรถูกจัดเก็บไว้ใน Hardware Wallet ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องสินทรัพย์จากการโจมตีทางไซเบอร์โดยเฉพาะ แต่หากคุณต้องการใช้เหรียญสำหรับการซื้อขายในระยะสั้น เช่น การเทรดหรือการลงทุนใน DeFi การเลือกใช้กระเป๋าคริปโตที่มีระบบความปลอดภัยสูงและสามารถควบคุม Private Key ได้ด้วยตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ กระเป๋าที่ดีควรมีการป้องกันข้อมูลส่วนตัวและมีฟีเจอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ
คำถามที่พบบ่อย