กระเป๋าเงินคริปโต คืออะไร? วิธีเลือกและใช้งานอย่างปลอดภัย

Pakphum Kerdprap
| 25 min read

ทำความรู้จักกระเป๋าเงินคริปโตและความสำคัญ


ทำความรู้จักกระเป๋าเงินคริปโตและความสำคัญ

กระเป๋าเงินคริปโต คืออะไร?

กระเป๋าเงินคริปโต (Crypto Wallet) เป็นเทคโนโลยีดิจิทัลที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถบริหารจัดการสกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin หรือ Ethereum ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้กระเป๋าเงินคริปโตจะไม่ได้จัดเก็บเหรียญดิจิทัลโดยตรง แต่จะเก็บ “กุญแจ” ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถเข้าถึงและทำธุรกรรมบนบล็อกเชน (Blockchain) ได้

กระเป๋าเงินคริปโต มีอะไรบ้าง

1. กระเป๋าเงินร้อน (Hot Wallet):

Hot Wallet หรือ Software Wallet เป็นกระเป๋าเงินที่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตอยู่ตลอดเวลา ทำให้เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวัน เช่น การโอนหรือรับสกุลเงินดิจิทัลได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม ถ้าถามว่ากระเป๋าเงินคริปโต ปลอดภัยไหม คงต้องยอมรับว่ากระเป๋าเงินประเภทนี้มีความเสี่ยงต่อการถูกโจมตีจากภัยคุกคามทางไซเบอร์มากกว่าแบบเย็น

2. กระเป๋าเงินเย็น (Cold Wallet):

Cold Wallet เป็นกระเป๋าเงินที่ไม่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต แต่มาในรูปแบบอื่นๆ อย่างอุปกรณ์ USB drive หรือกระดาษที่จดรหัสไว้แทน ทั้งนี้ในตลาดส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ซึ่งมีราคาสูงกว่ากระเป๋าเงินแบบร้อน แต่ก็มีความปลอดภัยสูงกว่าสำหรับการจัดเก็บสกุลเงินดิจิทัลในระยะยาว เพียงแต่อาจจะไม่สะดวกเท่า hot wallet ในกรณีที่คุณทำธุรกรรมเป็นประจำ

ทำไมควรใช้กระเป๋าคริปโต?

การรักษาความปลอดภัยของกระเป๋าเงินคริปโตถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งในหลายๆ แง่ เช่น:

  • การโจรกรรมทางไซเบอร์: ความนิยมและมูลค่าที่สูงของสกุลเงินดิจิทัล เช่น Bitcoin ทำให้อาชญากรไซเบอร์มุ่งเป้าโจมตีผู้ใช้งาน
  • การสูญเสียข้อมูลสำคัญ: หากผู้ใช้งานลืมรหัสผ่านหรือทำกุญแจส่วนตัวหาย อาจทำให้ไม่สามารถเข้าถึงทรัพย์สินดิจิทัลของตนได้อีกเลย
  • การป้องกันข้อมูลส่วนตัว: การเก็บรักษากุญแจส่วนตัวอย่างปลอดภัยเป็นสิ่งที่จำเป็น เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลอื่นเข้าถึงหรือขโมยทรัพย์สินดิจิทัลของเรา

เคล็ดลับในการป้องกันความเสี่ยง

  • จัดเก็บกุญแจส่วนตัวในที่ปลอดภัย: ควรเลือกใช้วิธีเก็บรักษาที่ไม่เปิดเผยต่อสาธารณะ เช่น การใช้กระเป๋าเงินเย็น
  • สำรองข้อมูล: การสำรองข้อมูลสำคัญ เช่น กุญแจส่วนตัวหรือ seed phrase ช่วยลดความเสี่ยงหากเกิดการสูญหายของข้อมูล
  • เพิ่มมาตรการความปลอดภัย: เช่น การเปิดใช้งานการยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (Two-Factor Authentication) เพื่อเพิ่มชั้นความปลอดภัยให้กับบัญชี

การเข้าใจและให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัยของกระเป๋าเงินคริปโตเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานสกุลเงินดิจิทัลอย่างมั่นใจ การป้องกันที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญเสียทรัพย์สินดิจิทัลและทำให้การใช้เทคโนโลยีนี้ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

เปรียบเทียบกระเป๋าเงินคริปโตยอดนิยม อันไหนดีที่สุด


ในตลาดมีกระเป๋า crypto ให้เลือกมากมาย ทั้ง Hot Wallet (software wallet) และ Cold Wallet (hardware wallet) การตัดสินใจเลือกกระเป๋าเงินคริปโตที่เหมาะสมที่สุดนั้น ขึ้นอยู่กับความต้องการส่วนตัวและรูปแบบการใช้งานของแต่ละบุคคล ซึ่งตอบโจทย์ผู้ใช้งานที่มีไลฟ์สไตล์แตกต่างกัน ดังนั้นเราจะมาพูดถึงไปทีละประเภท

ประเภท Hot Wallet

ชื่อ Hot Wallet ประเภท รองรับ Cryptocurrencies (จำนวนสกุล) ระบบปฏิบัติการ ฟีเจอร์เด่น ความปลอดภัย เหมาะสำหรับ
Best Wallet Mobile / Desktop App รองรับมากกว่า 60 สกุล (60+) เช่น BTC, ETH, LTC, BCH, DOGE, XRP, Stellar, ERC-20 tokens และอื่นๆ Windows, macOS, Linux, Android, iOS รองรับหลายเหรียญ, ใช้งานง่าย, รองรับการส่งเหรียญหลายชนิดและการเชื่อมต่อกับ DApp Private Keys ถูกเก็บในอุปกรณ์ของผู้ใช้, การเข้ารหัส AES ผู้ใช้ที่ต้องการกระเป๋าหลายเหรียญและใช้งานง่าย
MetaMask Web Extension / Mobile App รองรับมากกว่า 5,000 สกุล (5,000+) เช่น ETH, ERC-20 tokens, BSC, Polygon, Avalanche, Fantom และอื่นๆ Windows, macOS, Linux, Android, iOS เชื่อมต่อกับ dApps, DeFi, NFT, Browser Extension, Mobile Support Private Key ถูกเก็บไว้ในอุปกรณ์ของผู้ใช้, มีการรองรับการเข้ารหัส ผู้ใช้ DeFi, NFT, ธุรกรรม ETH/ERC-20
Trust Wallet (Binance ถือหุ้น) Mobile App รองรับมากกว่า 1,000 สกุล (1,000+) เช่น ETH, BNB, BTC, LTC, XRP, DOGE, TRX, ERC-20 tokens, BEP-2 tokens และอื่นๆ Android, iOS รองรับหลากหลายเหรียญ, ง่ายต่อการใช้งาน, รองรับ DApp Browser, NFT การเข้ารหัส AES, private keys อยู่ในอุปกรณ์ของผู้ใช้ มือใหม่, ผู้ใช้ที่ต้องการความสะดวกสบาย
Exodus Desktop / Mobile App รองรับมากกว่า 100 สกุล (100+) เช่น BTC, ETH, LTC, BCH, XRP, DOGE, USDT, ERC-20 tokens และอื่นๆ Windows, macOS, Linux, Android, iOS รองรับหลายเหรียญ, เชื่อมต่อกับ Trezor hardware wallet, UI ที่ใช้งานง่าย มีการเข้ารหัสข้อมูลส่วนบุคคล, มีการตรวจสอบผ่าน Trezor มือใหม่, นักลงทุนที่ชื่นชอบการใช้งานที่ง่าย
Zengo Mobile App รองรับมากกว่า 40 สกุล (40+) เช่น BTC, ETH, USDT, USDC, DAI, ERC-20 tokens และอื่นๆ Android, iOS ใช้เทคโนโลยีการตรวจสอบใบหน้า (Face Recognition), ระบบ Multi-party Computation (MPC) ไม่เก็บ Private Keys, ความปลอดภัยด้วยการตรวจสอบใบหน้า ผู้ที่เน้นความสะดวกสบายและความปลอดภัยสูง
Electrum Desktop / Mobile App รองรับ 1 สกุล (BTC) Windows, macOS, Linux, Android รองรับ Bitcoin เท่านั้น, การตั้งค่าความปลอดภัยขั้นสูง, การทำงานเร็วและมีประสิทธิภาพ Private Key บนเครื่องผู้ใช้, รองรับการทำงานแบบ Multi-sig ผู้ใช้ Bitcoin ที่ต้องการความปลอดภัยสูง
Phantom Wallet Browser Extension / Mobile App รองรับมากกว่า 200 สกุล (200+) เช่น Solana (SOL), SPL tokens (USDC, USDT, Serum, และอื่นๆ) Windows, macOS, Linux, Android, iOS รองรับ Solana Blockchain, เชื่อมต่อกับ dApps, NFT, DeFi ใน Solana Ecosystem การเก็บ Private Key ในอุปกรณ์, รองรับการเข้ารหัส ผู้ใช้ที่เน้น Solana, NFT, DeFi บน Solana

สรุปภาพรวม Hot Wallet:

สำหรับมือใหม่:สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย:สำหรับผู้สนใจ DeFi และ NFT:สำหรับผู้ใช้งาน Solana โดยเฉพาะ:สำหรับผู้ที่ต้องการความหลากหลายและใช้งานง่าย:

สำหรับมือใหม่:

หากคุณเพิ่งเริ่มต้นในโลกของคริปโต กระเป๋าเงินที่เหมาะสำหรับคุณคือ Best Wallet, Trust Wallet และ Exodus เนื่องจากใช้งานง่ายและรองรับคริปโตเคอร์เรนซีหลักๆ ครบ

สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัย:

หากความปลอดภัยเป็นสิ่งที่คุณให้ความสำคัญมากที่สุด Electrum ถือเป็นตัวเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับผู้ที่ใช้งาน Bitcoin โดยเฉพาะ ขณะที่ Zengo มาพร้อมกับระบบตรวจสอบใบหน้าและฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ล้ำสมัย ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการความมั่นใจในเรื่องการปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นพิเศษ

สำหรับผู้สนใจ DeFi และ NFT:

ในกรณีที่คุณต้องการใช้งาน DeFi หรือสะสม NFT กระเป๋าเงินที่เหมาะสมที่สุดคือ MetaMask ซึ่งรองรับ Ethereum และ Binance Smart Chain ได้อย่างมีประสิทธิภาพ หรือหากคุณเป็นผู้ใช้งาน Solana ตัวเลือกอย่าง Phantom Wallet จะตอบโจทย์ได้อย่างดีเยี่ยม

สำหรับผู้ใช้งาน Solana โดยเฉพาะ:

ผู้ที่เน้นการใช้งานบนเครือข่าย Solana ควรเลือก Phantom Wallet ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อตอบสนองการใช้งาน Solana โดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการจัดการเหรียญหรือการใช้งานแอปพลิเคชันแบบกระจายศูนย์ (DApps)

สำหรับผู้ที่ต้องการความหลากหลายและใช้งานง่าย:

หากคุณมองหากระเป๋าเงินที่รองรับหลายเหรียญและมีการใช้งานที่ไม่ซับซ้อน Best Wallet ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ ด้วยอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่ายและการรองรับเหรียญหลายประเภท ทำให้เหมาะกับผู้ใช้งานทุกระดับ

ประเภท Cold Wallet

ชื่อ Cold Wallet ประเภท รองรับ Cryptocurrencies (จำนวนสกุล) ระบบปฏิบัติการ ฟีเจอร์เด่น ความปลอดภัย เหมาะสำหรับ ราคา (ประมาณ)
Ledger Nano S Hardware Wallet รองรับมากกว่า 1,100 สกุล (1,100+) เช่น BTC, ETH, LTC, BCH, XRP, DOGE, ERC-20 tokens, BEP-2 tokens และอื่นๆ Windows, macOS, Linux, Android ขนาดเล็ก, ราคาถูก, รองรับหลายเหรียญ, เชื่อมต่อกับ Ledger Live ใช้ Secure Element (SE), PIN, Recovery Phrase ผู้ใช้ทั่วไปที่ต้องการกระเป๋าฮาร์ดแวร์ที่ปลอดภัยและราคาไม่สูง ประมาณ 1,500 – 2,000 บาท
Ledger Nano X Hardware Wallet รองรับมากกว่า 1,100 สกุล (1,100+) เช่น BTC, ETH, LTC, BCH, XRP, DOGE, ERC-20 tokens, BEP-2 tokens และอื่นๆ Windows, macOS, Linux, Android, iOS รองรับ Bluetooth, พกพาง่าย, รองรับหลายเหรียญ, เชื่อมต่อกับ Ledger Live ใช้ Secure Element (SE), PIN, Recovery Phrase, Bluetooth security ผู้ใช้ที่ต้องการความสะดวกในการใช้งานขณะเดินทางและรองรับหลายเหรียญ ประมาณ 3,500 – 4,000 บาท
Trezor Model One Hardware Wallet รองรับมากกว่า 1,000 สกุล (1,000+) เช่น BTC, ETH, LTC, BCH, XRP, DOGE, ERC-20 tokens, BEP-2 tokens และอื่นๆ Windows, macOS, Linux ราคาถูก, รองรับหลายเหรียญ, เชื่อมต่อกับ Trezor Suite ใช้การเข้ารหัสแบบ AES, PIN, Recovery Phrase ผู้เริ่มต้นที่ต้องการกระเป๋าฮาร์ดแวร์ราคาประหยัด ประมาณ 2,000 – 2,500 บาท
Trezor Model T Hardware Wallet รองรับมากกว่า 1,000 สกุล (1,000+) เช่น BTC, ETH, LTC, BCH, XRP, DOGE, ERC-20 tokens, BEP-2 tokens และอื่นๆ Windows, macOS, Linux, Android, iOS หน้าจอทัชสกรีน, รองรับหลายเหรียญ, เชื่อมต่อกับ Trezor Suite, รองรับการใช้งานแบบหลายลายเซ็นต์ (multisig) ใช้การเข้ารหัสแบบ AES, PIN, Recovery Phrase, ทัชสกรีน ผู้ใช้ที่ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูงและการใช้งานสะดวก ประมาณ 6,500 – 7,000 บาท
Trezor Safe 3 Hardware Wallet รองรับมากกว่า 1,000 สกุล (1,000+) เช่น BTC, ETH, LTC, BCH, XRP, DOGE, ERC-20 tokens, BEP-2 tokens และอื่นๆ Windows, macOS, Linux, Android, iOS รองรับการใช้งานแบบหลายลายเซ็นต์ (multisig), รองรับการเชื่อมต่อกับ Trezor Suite, จอทัชสกรีน ใช้การเข้ารหัสแบบ AES, PIN, Recovery Phrase, ทัชสกรีน ผู้ใช้ที่ต้องการฟีเจอร์หลายลายเซ็นต์และความปลอดภัยสูง ประมาณ 8,000 – 10,000 บาท
Ellipal Titan Hardware Wallet (Air-gapped) รองรับมากกว่า 2,000 สกุล (2,000+) เช่น BTC, ETH, LTC, BCH, XRP, DOGE, ERC-20 tokens และอื่นๆ Windows, macOS, Linux, Android, iOS ใช้เทคโนโลยี Air-gapped (ไม่มีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต), จอทัชสกรีน, รองรับหลายเหรียญ ใช้ Secure Element (SE), PIN, Recovery Phrase, Air-gap ผู้ใช้ที่ต้องการความปลอดภัยสูงและไม่ต้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ประมาณ 10,000 – 12,000 บาท
BitBox02 Hardware Wallet รองรับมากกว่า 1,500 สกุล (1,500+) เช่น BTC, ETH, LTC, BCH, ERC-20 tokens และอื่นๆ Windows, macOS, Linux, Android ขนาดเล็ก, รองรับหลายเหรียญ, เชื่อมต่อกับ BitBoxApp, รองรับการทำงานแบบ Multi-sig ใช้ Secure Element (SE), PIN, Recovery Phrase ผู้ใช้ที่ต้องการกระเป๋าฮาร์ดแวร์ขนาดเล็กและรองรับหลายเหรียญ ประมาณ 4,000 – 5,000 บาท
Ledger
รูปภาพจาก Ledger
Trezor
รูปภาพจาก Trezor
Ellipal
รูปภาพจาก Ellipal
BitBox
รูปภาพจาก BitBox

สรุปภาพรวม Cold Wallet:

สำหรับผู้เริ่มต้นใช้งาน:สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานร่วมกับมือถือบ่อย:สำหรับผู้ที่ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง:สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยสูงสุด:สำหรับผู้ที่มองหากระเป๋าขนาดเล็กและรองรับเหรียญหลากหลาย:

สำหรับผู้เริ่มต้นใช้งาน:

หากคุณเพิ่งเริ่มต้นในโลกของกระเป๋าฮาร์ดแวร์ Ledger Nano S และ Trezor Model One เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมที่สุด เนื่องจากทั้งสองรุ่นนี้มีการใช้งานที่ง่ายดายและมาพร้อมกับราคาที่สบายกระเป๋า

สำหรับผู้ที่ต้องการใช้งานร่วมกับมือถือบ่อย:

สำหรับผู้ที่มองหาความสะดวกในการใช้งานบนสมาร์ทโฟน Ledger Nano X เป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ ด้วยการรองรับการเชื่อมต่อผ่าน Bluetooth ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นและสะดวกบนมือถือ

สำหรับผู้ที่ต้องการฟีเจอร์ขั้นสูง:

ถ้าคุณมองหาฟีเจอร์ที่ล้ำสมัย Trezor Model T และ Trezor Safe 3 คือตัวเลือกที่น่าสนใจ ทั้งสองรุ่นมีหน้าจอแบบทัชสกรีนและรองรับการใช้งานฟีเจอร์ multisig ซึ่งเหมาะสำหรับการจัดการคริปโตที่มีมูลค่าสูง

สำหรับผู้ที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยสูงสุด:

Ellipal Titan เป็นกระเป๋าฮาร์ดแวร์ที่โดดเด่นในเรื่องความปลอดภัย ด้วยเทคโนโลยี Airgapped ที่ออกแบบมาเพื่อไม่ให้เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต พร้อมทั้งระบบป้องกันข้อมูลที่พัฒนามาอย่างดี

สำหรับผู้ที่มองหากระเป๋าขนาดเล็กและรองรับเหรียญหลากหลาย:

BitBox02 เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการกระเป๋าที่มีขนาดกะทัดรัด แต่ยังคงมีความสามารถในการรองรับเหรียญหลากหลาย ทั้งยังมาพร้อมฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่ครบครัน

วิธีสร้างและใช้งานกระเป๋าเงินคริปโตอย่างปลอดภัย


การสร้างกระเป๋าเงินคริปโตและการใช้งานอย่างปลอดภัยเป็นกระบวนการที่มีรายละเอียดสำคัญหลายขั้นตอน เพื่อช่วยให้คุณสามารถบริหารจัดการและปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพและมั่นใจ

1. เลือกกระเป๋าเงินที่เหมาะสม

1. เลือกกระเป๋าเงินที่เหมาะสม

การเลือกกระเป๋าเงินคริปโตควรพิจารณาตามความต้องการและรูปแบบการใช้งานของคุณเอง โดยตัวเลือกที่น่าสนใจมีดังนี้:

  • Exodus: กระเป๋าแบบซอฟต์แวร์ที่ใช้งานง่าย สามารถรองรับเหรียญคริปโตหลากหลายชนิด เหมาะสำหรับมือใหม่
  • Trezor และ Ledger: กระเป๋าประเภทฮาร์ดแวร์ที่มีความปลอดภัยสูง เหมาะสำหรับการเก็บเหรียญในระยะยาวและการป้องกันการโจมตีจากผู้ไม่หวังดี
2. วิธีสร้างกระเป๋าเงินคริปโตและการตั้งค่า

2. วิธีสร้างกระเป๋าเงินคริปโตและการตั้งค่า

ดาวน์โหลดและติดตั้ง: หากเลือกใช้ซอฟต์แวร์วอลเล็ต ควรดาวน์โหลดจากเว็บไซต์อย่างเป็นทางการหรือแหล่งที่เชื่อถือได้เท่านั้น

สร้างบัญชี: ระบุข้อมูลส่วนตัวพร้อมตั้งรหัสผ่านที่แข็งแรง และควรเปิดใช้งานระบบยืนยันตัวตนสองขั้นตอน (2FA) เพื่อเพิ่มระดับความปลอดภัยให้กับบัญชีของคุณ

3. การรักษาความปลอดภัยของกระเป๋าเงิน

3. การรักษาความปลอดภัยของกระเป๋าเงิน

การรักษาความปลอดภัยของกระเป๋าเงินคริปโตเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม โดยมีแนวทางดังนี้:

  • ตั้งรหัสผ่านที่ยากต่อการคาดเดา: เปลี่ยนรหัสผ่านเป็นประจำ และใช้ Password Manager เพื่อจัดเก็บข้อมูลรหัสผ่านอย่างปลอดภัย
  • หลีกเลี่ยงการใช้ WiFi สาธารณะ: เมื่อเข้าถึงกระเป๋าเงินออนไลน์ ควรใช้ VPN เพื่อปกป้องข้อมูลส่วนตัวจากการถูกดักจับ
  • ตรวจสอบบัญชีอย่างสม่ำเสมอ: ตรวจสอบกิจกรรมในกระเป๋าเงินของคุณเป็นประจำ เพื่อให้สามารถตรวจพบความผิดปกติและแก้ไขได้ทันที
  • อัปเดตซอฟต์แวร์ให้ทันสมัยอยู่เสมอ: การดูแลให้แอปพลิเคชันหรือกระเป๋าคริปโตของคุณใช้เวอร์ชันล่าสุดเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะการอัปเดตซอฟต์แวร์ช่วยลดความเสี่ยงจากช่องโหว่ด้านความปลอดภัยที่อาจถูกโจมตีได้
  • เลือกเก็บเหรียญในกระเป๋าส่วนตัวแทนกระเป๋าใน Exchange: หากคุณไม่ได้มีการซื้อขายเหรียญคริปโตบ่อยครั้ง การเก็บเหรียญไว้ในกระเป๋าส่วนตัวที่คุณเป็นผู้ควบคุมเองถือว่าเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยกว่า การเก็บเหรียญไว้ในกระเป๋าบน Exchange
  • ไม่คลิกลิ้งก์ใดๆ โดยไม่ตรวจสอบที่มา: คุณควรหลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์หรือตอบสนองต่อไฟล์แนบจากแหล่งที่ไม่น่าเชื่อถือ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าอีเมลที่คุณได้รับมาจากแหล่งที่เชื่อถือได้ก่อนดำเนินการใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเกี่ยวข้องกับธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับคริปโต
4. การจัดการและกระจายสินทรัพย์

4. การจัดการและกระจายสินทรัพย์

เพื่อเพิ่มความปลอดภัย ควรแบ่งสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณออกเป็นหลายส่วน:

  • เก็บเหรียญที่ใช้สำหรับการลงทุนระยะยาวใน Cold Wallet
  • ใช้ Hot Wallet สำหรับการทำธุรกรรมในชีวิตประจำวัน

ด้วยการปฏิบัติตามขั้นตอนเหล่านี้ คุณจะสามารถเรียนรู้ วิธีสร้างกระเป๋าเงินคริปโต และใช้งานได้อย่างปลอดภัยมากขึ้น ทั้งยังช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณในโลกที่การโจมตีทางไซเบอร์ยังคงเป็นภัยคุกคาม

5. สำรองข้อมูลสำคัญอย่างปลอดภัย

5. สำรองข้อมูลสำคัญอย่างปลอดภัย

การสำรองข้อมูล เช่น Private Key หรือ Recovery Phrase เป็นอีกขั้นตอนสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงจากการสูญเสียเหรียญ คุณสามารถจดข้อมูลเหล่านี้ไว้บนกระดาษและเก็บในที่ปลอดภัย หรือเลือกใช้อุปกรณ์ที่เข้ารหัสเพื่อจัดเก็บข้อมูลสำรอง

กระเป๋าเงินคริปโตในไทยและตัวเลือกอื่นที่น่าสนใจ


ก่อนหน้านี้เรารู้แล้วว่ากระเป๋าเงินคริปโต มีอะไรบ้าง และได้พูดถึงแพลตฟอร์มที่ได้รับความนิยมทั่วโลกไปแล้ว ทีนี้เรามาดูกันว่ากระเป๋าเงินคริปโต ไทย หรือที่ได้รับความนิยมในไทยและรองรับภาษาไทยมีอะไรบ้าง

1. Bitkub

Bitkub

Bitkub ยังคงครองตำแหน่งแพลตฟอร์มคริปโตอันดับหนึ่งในประเทศไทย ด้วยบริการกระเป๋าคริปโตที่รองรับการจัดการสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งการฝากและการถอนเงินอย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ใช้งานสามารถซื้อขายคริปโตเคอร์เรนซีหลากหลายประเภท เช่น Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH) รวมถึงเหรียญอื่นๆ อีกมากมาย ระบบความปลอดภัยของ Bitkub ได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมในหมู่นักลงทุนชาวไทยอย่างกว้างขวาง

ค่าธรรมเนียม

  • ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: 0.25% ต่อรายการ
  • ค่าธรรมเนียมการฝากเงิน: ฟรี เมื่อฝากผ่านธนาคารในประเทศ
  • ค่าธรรมเนียมการถอน: มีค่าธรรมเนียมตามเหรียญที่ถอน

การรับรองจาก ก.ล.ต.

Bitkub ได้รับใบอนุญาตและการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ทำให้แพลตฟอร์มนี้ดำเนินธุรกิจในไทยได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

2. Orbix (ชื่อเก่า Satang Pro)

orbix

Orbix หรือ Satang Pro เป็นอีกหนึ่งแพลตฟอร์มคริปโตชั้นนำในไทยที่ให้บริการกระเป๋าคริปโตและตลาดซื้อขายที่ครอบคลุมหลากหลายเหรียญดิจิทัล ระบบฝากถอนเงินของแพลตฟอร์มนี้ถูกพัฒนามาให้มีความปลอดภัยและรวดเร็วเพื่อความสะดวกของผู้ใช้งาน นอกจากนี้ยังมีการอัปเดตฟีเจอร์อย่างต่อเนื่องเพื่อให้ตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ได้ดียิ่งขึ้น

ค่าธรรมเนียม

  • ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: 0.25% ต่อรายการ
  • ค่าธรรมเนียมการฝากเงิน: ฟรี เมื่อฝากผ่านธนาคารในไทย
  • ค่าธรรมเนียมการถอน: ขึ้นอยู่กับเหรียญที่ถอน

การรับรองจาก ก.ล.ต.

Satang Pro ได้รับอนุญาตและใบรับรองจาก ก.ล.ต. ทำให้มั่นใจได้ว่าแพลตฟอร์มนี้ดำเนินการตามกฎระเบียบของประเทศไทย

3. Binance

binance

Binance ถือเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางและเป็นที่นิยมอย่างมากในระดับสากล รวมถึงในประเทศไทยเองด้วย ความโดดเด่นของ Binance มาจากการเป็นแพลตฟอร์มที่ให้บริการด้านคริปโตแบบครบวงจร ไม่ว่าจะเป็นการซื้อขายเหรียญดิจิทัล การใช้งานกระเป๋าเงินคริปโต การเทรดฟิวเจอร์ส การลงทุนใน DeFi และการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัลอื่นๆ นอกจากนี้ Binance ยังรองรับบริการที่หลากหลาย เช่น NFT, Staking, Earn, Launchpad รวมถึงการให้ยืมเหรียญดิจิทัลผ่านกระเป๋าเงินคริปโตอย่าง Binance Wallet และ Trust Wallet ซึ่ง Trust Wallet เป็นกระเป๋าเงินที่ Binance มีการถือหุ้นอยู่ด้วย

ค่าธรรมเนียม

  • ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: 0.10% แต่หากใช้ Binance Coin (BNB) เพื่อจ่ายค่าธรรมเนียม จะได้รับส่วนลด 25% ขึ้นอยู่กับ ประเภทของเหรียญ และ เครือข่ายบล็อกเชน ที่ใช้ในการถอน
  • ค่าธรรมเนียมการฝากเงิน: ฟรี (สำหรับการโอนเงิน) แต่จะมี ค่าธรรมเนียมในการฝากเงินผ่านบัตรเครดิต/เดบิต (ประมาณ 3% ขึ้นอยู่กับประเภทของบัตร)
  • ค่าธรรมเนียมการถอน: ขึ้นอยู่กับ ประเภทของเหรียญ และ เครือข่ายบล็อกเชน ที่ใช้ในการถอน

การรับรองจาก ก.ล.ต.

แม้ Binance จะได้รับความนิยมและมีชื่อเสียง แต่ยังไม่ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต.

4. Krungthai Digital Asset

Krungthai Digital Asset

Krungthai Digital Asset เป็นบริการกระเป๋าคริปโตที่เสนอโดยธนาคารกรุงไทย ซึ่งได้รับการรับรองอย่างถูกต้องจากสำนักงาน ก.ล.ต. แพลตฟอร์มนี้สนับสนุนการจัดเก็บเหรียญดิจิทัลที่ได้รับการอนุมัติทางกฎหมายในประเทศไทย เช่น Bitcoin, Ethereum รวมถึงเหรียญอื่นๆ ที่มีความนิยม

ค่าธรรมเนียม

  • ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: ประมาณ 0.2% – 0.3% ต่อรายการ
  • ค่าธรรมเนียมการฝากเงิน: ฟรี
  • ค่าธรรมเนียมการถอน: ขึ้นอยู่กับเหรียญที่ทำการถอน

การรับรองจาก ก.ล.ต.

Krungthai Digital Asset ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. และดำเนินการในฐานะบริการที่ได้รับการอนุมัติจากรัฐบาล จึงมั่นใจได้ในเรื่องความน่าเชื่อถือและความปลอดภัย

5. Best Wallet

Best Wallet

อีกคำตอบของคำถามที่ว่า กระเป๋าเงินดิจิตอล อันไหนดี ได้แก่ Best Wallet ซึ่งเป็นกระเป๋าเงินคริปโตที่ออกแบบมาให้ใช้งานได้ง่ายดาย และไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการ KYC (การยืนยันตัวตน) ให้ยุ่งยาก หมายความว่าคุณสามารถใช้งานได้แบบนิรนาม จุดเด่นของแพลตฟอร์มนี้คือการผสมผสานฟีเจอร์ที่ล้ำสมัยเข้ากับเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูง ทั้งยังได้รับการตรวจสอบด้านความปลอดภัยอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกด้วย นอกจากนี้ Best Wallet ยังถูกพัฒนาให้เป็น Web3 Wallet ที่ใช้เทคโนโลยี Fireblocks MPC-CMP ซึ่งเป็นมาตรฐานขั้นสูงในวงการ โดย Best Wallet จะทำการเก็บ Private Key ของผู้ใช้งานในลักษณะกระจาย (Distributed) เพื่อลดความเสี่ยงจากการถูกแฮ็ก

กระเป๋าเงินคริปโตใบนี้จึงสามารถดึงดูดฐานผู้ใช้จำนวนมากจนมีผู้ใช้งานถึงหลักล้านคนทั่วโลก แม้จะเพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน

ค่าธรรมเนียม

  • ค่าธรรมเนียมการซื้อขาย: โดยทั่วไปอยู่ในช่วง 0.1% ถึง 0.5% ขึ้นอยู่กับแพลตฟอร์มและประเภทของการซื้อขายที่ทำ
  • ค่าธรรมเนียมการฝากเงิน: ฟรี
  • ค่าธรรมเนียมการถอน: ประมาณ 50-200 บาทต่อการถอน

การรับรองจาก ก.ล.ต.

ไม่มีข้อมูลยืนยันว่า Best Wallet ได้รับการรับรองจาก ก.ล.ต. ในขณะนี้

ดาวน์โหลด Best Wallet

ทดลองสมัครกระเป๋าคริปโตด้วยขั้นตอนง่ายๆ แต่ปลอดภัยบน Best Wallet


การสมัครกระเป๋าคริปโตทำได้ไม่ยากอย่างที่คิด โดยเราจะมาสาธิตวิธีสร้างกระเป๋าเงินคริปโต Best Wallet กัน เนื่องจากเป็นหนึ่งในกระเป๋าคริปโตที่มีความปลอดภัยสูง ใช้งานง่าย มีความทันสมัย มีแอปมือถือที่สะดวกสบาย รองรับ Multi-chain และสมัครได้ฟรี โดยขั้นตอนมีดังนี้:

ขั้นที่ 1: ดาวน์โหลดและลงทะเบียนแอปพลิเคชัน

เข้าไปที่เว็บไซต์ทางการของ Best Wallet หรือจะดาวน์โหลดจาก Play Store/App Store ก็ได้ โดยค้นหาคำว่า “Best Wallet”

จากนั้นให้ทำการลงทะเบียน โดยการกรอกอีเมลของคุณลงไป แล้ว Best Wallet จะส่งรหัสผ่าน 6 หลักไปยังอีเมลนี้

ขั้นที่ 2: ยืนยันอีเมลและตั้งค่าความปลอดภัย

กรอกรหัส 6 หลักดังกล่าว จากนั้นระบบจะพาคุณไปหน้าถัดไปเพื่อตั้งค่าความปลอดภัย โดยคุณสามารถเลือกได้ว่าจะตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบ 2FA เลย หรือว่าจะข้ามไปก่อน

ขั้นที่ 3: สร้างรหัสผ่าน

ถัดมาให้คุณสร้างรหัสผ่าน 4 หลักไว้สำหรับการเข้าใช้งานบนแอป รวมถึงระบบสแกนใบหน้า/นิ้วมือ

ขั้นที่ 4: พร้อมใช้งาน

เพียงเท่านี้แอป Best Wallet ก็พร้อมใช้งานแล้ว คุณสามารถสำรวจหน้าต่างๆ เพื่อทำความคุ้นเคยกับอินเทอร์เฟสของแอปได้เลย

สรุป


เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ ผู้อ่านจะรู้แล้วว่ากระเป๋าเงินคริปโต คืออะไร กระเป๋าเงินดิจิทัลมีอะไรบ้าง ทั้งแบบร้อนและแบบเย็น แต่ถ้าถามว่ากระเป๋าเงินคริปโต อันไหนดี จริงๆ แล้วไม่มีผิดไม่มีถูก เพราะกระเป๋าแต่ละใบออกแบบมาเพื่อการใช้งานที่ต่างกัน จึงควรเลือกให้เหมาะสมกับความต้องการของตัวเอง

การเลือก “กระเป๋าคริปโต” ที่เหมาะสมและการจัดเก็บเหรียญคริปโตอย่างถูกต้องเป็นขั้นตอนสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงจากภัยต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการถูกโจมตีทางไซเบอร์ ความผิดพลาดจากการลืมรหัสผ่าน หรือการสูญเสียข้อมูลส่วนบุคคล

การเก็บเหรียญที่ไม่มีความจำเป็นต้องซื้อขายบ่อยครั้ง เช่น เหรียญที่ถือเพื่อการลงทุนระยะยาว ควรถูกจัดเก็บไว้ใน Hardware Wallet ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่ออกแบบมาเพื่อปกป้องสินทรัพย์จากการโจมตีทางไซเบอร์โดยเฉพาะ แต่หากคุณต้องการใช้เหรียญสำหรับการซื้อขายในระยะสั้น เช่น การเทรดหรือการลงทุนใน DeFi การเลือกใช้กระเป๋าคริปโตที่มีระบบความปลอดภัยสูงและสามารถควบคุม Private Key ได้ด้วยตัวเองเป็นสิ่งสำคัญ กระเป๋าที่ดีควรมีการป้องกันข้อมูลส่วนตัวและมีฟีเจอร์ที่เหมาะสมกับการใช้งานของคุณ

คำถามที่พบบ่อย


กระเป๋าเงินคริปโต คืออะไร?

กระเป๋าเงินดิจิตอล อันไหนดี?

กระเป๋าเงินคริปโต ปลอดภัยไหม?

กระเป๋าเงินดิจิทัลมีอะไรบ้าง?