Strategic Bitcoin Reserves คืออะไร – ทำความเข้าใจการสำรอง BTC เชิงกลยุทธ์

บทนำ: สิ่งที่เรารู้เกี่ยวกับ Strategic Bitcoin Reserve
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แนวคิดของ Strategic Bitcoin Reserve หรือ การสำรองบิทคอยน์เชิงกลยุทธ์ ได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นอย่างมากจากทั้งรัฐบาล บริษัทเอกชน และผู้กำหนดนโยบายทั่วโลก การถือครอง Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์สำรองเชิงกลยุทธ์นั้นถูกมองว่าเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับสินทรัพย์สำรองแบบดั้งเดิม เช่น ทองคำและเงินตราต่างประเทศ
ภาพรวมของการสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์และการยอมรับในปัจจุบัน
ประเทศและรัฐบาลที่ถือครอง Bitcoin: ใครคือผู้เล่นหลักระดับโลก?
การสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์ของประเทศต่าง ๆ กลายเป็นประเด็นที่น่าสนใจในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อรัฐบาลเริ่มมองว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์สำรองที่มีศักยภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากการลดค่าเงินและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
หลายประเทศและหลายรัฐในอเมริกา ได้เริ่มสำรวจและผลักดันกฎหมายเกี่ยวกับการจัดตั้งกองทุนสำรองบิทคอยน์เชิงกลยุทธ์แล้ว ตัวอย่างเช่น รัฐเท็กซัสได้ยื่นข้อเสนอ “Texas Strategic Bitcoin Reserve and Investment Act” ซึ่งจะอนุญาตให้รัฐลงทุนในบิทคอยน์และคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ ที่มีมูลค่าตลาดสูง
VanEck รายงานว่า หากกฎหมายใน 20 รัฐของสหรัฐฯ ผ่านการอนุมัติ อาจมีการลงทุนในบิทคอยน์สูงถึง 2.3 หมื่นล้านดอลลาร์ หรือประมาณ 247,000 BTC
สหรัฐอเมริกาเป็นผู้ถือครอง Bitcoin รายใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีประมาณ 213,297 BTC ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย เช่น การปิดตลาดมืด Silk Road เป็นต้น โดย CoinGecko ระบุว่ามูลค่าของ Bitcoin ที่รัฐบาลสหรัฐถือครองอยู่ประมาณ 1.96 หมื่นล้านดอลลาร์
ตัวอย่างประเทศอื่นที่ถือครองบิทคอยน์:
- จีน: แม้ว่าจีนจะมีนโยบายที่เข้มงวดต่ออุตสาหกรรมคริปโต เช่น การแบนการขุดและการซื้อขาย Bitcoin แต่รัฐบาลจีนยังถือครอง Bitcoin จำนวน 194,000 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 18,683,647,240 ดอลลาร์ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการยึดทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมผิดกฎหมาย
- เอลซัลวาดอร์: ประเทศแรกที่ประกาศให้ Bitcoin เป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมายในปี 2021 ปัจจุบันเอลซัลวาดอร์ถือครอง Bitcoin จำนวน 6,002 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 578,037,374 ดอลลาร์ และยังคงดำเนินนโยบาย “ซื้อ Bitcoin วันละ 1 เหรียญ” ตั้งแต่ปี 2022 ข้อมูลจาก QZ
- ยูเครน: ยูเครนใช้ Bitcoin และคริปโตเคอร์เรนซีเป็นเครื่องมือในการสนับสนุนกองทุนเพื่อการป้องกันประเทศในช่วงสงครามกับรัสเซีย โดยถือครอง Bitcoin จำนวน 46,351 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 4,463,947,078 ดอลลาร์ นอกจากนี้ยังมีประเทศอื่น ๆ เช่น สหราชอาณาจักร (61,000 BTC), ภูฏาน (13,029 BTC) และฟินแลนด์ (1,981 BTC) ที่ถือครอง Bitcoin ในระดับที่น้อยกว่า แต่ยังคงสะท้อนถึงความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัลนี้
บริษัทเอกชนและกองทุน ETF: การถือครอง Bitcoin ในภาคธุรกิจ
นอกจากรัฐบาลแล้ว บริษัทเอกชนและกองทุน ETF ก็เป็นอีกผู้เล่นสำคัญที่ถือครอง Bitcoin ในปริมาณมาก โดยเฉพาะบริษัทที่มองว่า Bitcoin เป็นสินทรัพย์สำรองที่มีศักยภาพในการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ
บริษัทเอกชนที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุด
- MicroStrategy: บริษัทซอฟต์แวร์ที่มีชื่อเสียงในด้านการลงทุนใน Bitcoin โดยถือครอง Bitcoin จำนวน 478,740 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 46,106,233,400 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2.28% ของจำนวน Bitcoin ทั้งหมด (ข้อมูลจาก Bitcoin Treasuries)
- Tesla: บริษัทของ Elon Musk ถือครอง Bitcoin จำนวน 11,509 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1,108,402,557 ดอลลาร์ แม้ว่า Tesla จะขายเหรียญไปบางส่วนในช่วงปี 2022 แต่ยังคงถือครองในระดับมหาศาล
- Marathon Digital Holdings: บริษัทเหมืองบิทคอยน์ในสหรัฐฯ ถือครอง Bitcoin จำนวน 40,435 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 3,894,192,145 ดอลลาร์
- Block.one: บริษัทเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชน ถือครองอยู่จำนวน 140,000 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 13,483,044,400 ดอลลาร์
กองทุน ETF ที่ถือครอง Bitcoin
- iShares Bitcoin Trust (BlackRock): กองทุน ETF ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ถือครอง Bitcoin จำนวน 587,777.9 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 56,607,396,593 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2.799% ของจำนวน Bitcoin ทั้งหมด
- Grayscale Bitcoin Trust (GBTC): กองทุนที่มีชื่อเสียงในตลาดคริปโต ถือครอง Bitcoin จำนวน 199,602.7 BTC คิดเป็นมูลค่าประมาณ 19,223,229,046 ดอลลาร์
สรุปได้ว่าการถือครอง Bitcoin ของบริษัทเอกชนและกองทุน ETF ไม่เพียงแต่แสดงถึงความเชื่อมั่นในสินทรัพย์ดิจิทัลนี้ แต่ยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับบิทคอยน์ในฐานะสินทรัพย์สำรองที่สำคัญด้วย
เปรียบเทียบระหว่าง Bitcoin และสินทรัพย์สำรองแบบดั้งเดิม
บิทคอยน์มักถูกเปรียบเทียบกับทองคำในฐานะ “สินทรัพย์ปลอดภัย” (Safe Haven Asset) และยังมีการเปรียบเทียบกับทุนสำรองเงินตราต่างประเทศในแง่ของบทบาทในการสนับสนุนเศรษฐกิจ
Bitcoin มีคุณสมบัติที่แตกต่างจากสินทรัพย์สำรองแบบดั้งเดิม เช่น ทองคำและเงินตราต่างประเทศ โดยบิทคอยน์มีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ ซึ่งหมายความว่ามันมี supply ที่จำกัด มีความขาดแคลนและความเป็น “เงินที่แข็งแกร่ง” (Hard Money)
ในขณะที่ทองคำและเงินตราต่างประเทศต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากการเพิ่มปริมาณ supply ในตลาด
ทองคำยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับการยอมรับในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดย World Gold Council ระบุว่าปริมาณทองคำสำรองทั่วโลกมีประมาณ 35,938.6 ตัน โดยสหรัฐฯ ถือครองทองคำสำรองมากที่สุดอยู่ที่ 8,133.5 ตัน
ความแตกต่าง บิทคอยน์ vs ทองคำ
- ความหายาก: Bitcoin มีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ ในขณะที่ทองคำยังคงสามารถขุดเพิ่มได้ แม้ว่าจะมีข้อจำกัดทางกายภาพในแง่ของการสำรวจและการขุดอยู่บ้าง
- การโอนย้าย: Bitcoin สามารถโอนย้ายได้อย่างรวดเร็วและมีต้นทุนต่ำผ่านเครือข่ายบล็อกเชน ในขณะที่ทองคำต้องอาศัยการขนส่งทางกายภาพ
- การตรวจสอบความถูกต้อง: Bitcoin สามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ทันทีผ่านเครือข่าย ในขณะที่ทองคำต้องอาศัยการตรวจสอบทางกายภาพ
- ความผันผวน: Bitcoin มีความผันผวนสูงกว่าทองคำอย่างมาก โดยมีค่า Value-at-Risk (VaR) สูงกว่าทองคำถึง 5 เท่าในช่วงสองปีที่ผ่านมา (World Gold Council)
- การใช้งานในระบบการเงิน: ทองคำได้รับการยอมรับในฐานะสินทรัพย์สำรองจากธนาคารกลางทั่วโลก ในขณะที่ Bitcoin ยังไม่ได้รับการยอมรับในระดับเดียวกัน
คุณสมบัติ | Bitcoin | ทองคำ |
---|---|---|
ปริมาณสำรอง | 198,100 BTC (รัฐบาลสหรัฐ) | 147 ล้านออนซ์ (ใน Fort Knox ของสหรัฐ) |
ความผันผวน (VaR) | สูงกว่าทองคำ 5 เท่า | ต่ำกว่า Bitcoin |
ได้รับการยอมรับในระบบการเงิน | ยังจำกัด | สูง (ธนาคารกลางทั่วโลก) |
ในขณะเดียวกัน ถ้าเปรียบเทียบบิทคอยน์กับเงินตราต่างประเทศ เช่น ดอลลาร์สหรัฐหรือยูโร Bitcoin นับว่ามีข้อได้เปรียบในด้านความเป็นกลางและการกระจายศูนย์ (Decentralization) ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงจากการควบคุมของรัฐบาลหรือธนาคารกลาง
ความแตกต่าง บิทคอยน์ vs ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ
- ความเป็นอิสระจากรัฐบาล: Bitcoin ไม่ได้ถูกควบคุมโดยรัฐบาลหรือธนาคารกลางใด ๆ ซึ่งแตกต่างจากทุนสำรองเงินตราต่างประเทศที่ขึ้นอยู่กับความมั่นคงของประเทศที่ออกสกุลเงิน
- ความโปร่งใส: การถือครอง Bitcoin สามารถตรวจสอบได้ผ่านบล็อกเชน ซึ่งต่างจากทุนสำรองเงินตราที่อาจขาดความโปร่งใส เช่น กรณีของ Fort Knox ที่ไม่มีการตรวจสอบทองคำสำรองมาตั้งแต่ปี 1974
- การกระจายความเสี่ยง: Bitcoin สามารถช่วยกระจายความเสี่ยงจากการพึ่งพาสกุลเงินเดียว เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นสกุลเงินสำรองหลักของโลก
- ความผันผวน: แม้ว่า Bitcoin จะมีความผันผวนสูงและมีความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินในระยะสั้น แต่ก็มีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าในระยะยาว ในขณะที่ทุนสำรองเงินตราต่างประเทศมักมีความเสถียรแต่มีอัตราผลตอบแทนต่ำ
คุณสมบัติ | Bitcoin | เงินตราต่างประเทศ |
---|---|---|
ความโปร่งใส | สูง (ตรวจสอบผ่านบล็อกเชน) | ต่ำ (ขึ้นอยู่กับรายงานของธนาคารกลาง) |
ความผันผวน | สูง | ต่ำ |
การยอมรับในระดับสากล | ยังจำกัด | สูง |
มูลค่าตลาดรวม (2025) | 5 แสนล้านดอลลาร์ | หลายล้านล้านดอลลาร์ |
ในภาพรวมแล้ว การจัดตั้ง Strategic Bitcoin Reserve อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบการเงินโลก โดยเฉพาะในยุคที่สินทรัพย์ดิจิทัลเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในฐานะเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงและการกระจายพอร์ตการลงทุนของทั้งประเทศและองค์กรต่างๆ
ความท้าทายและผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจาก Strategic Bitcoin Reserve
การสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์ อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในระบบการเงินระหว่างประเทศ โดยเฉพาะในยุคที่ความเชื่อมั่นในสกุลเงินสำรองแบบดั้งเดิม เช่น ดอลลาร์สหรัฐ หรือยูโร กำลังลดลงจากการใช้จ่ายงบประมาณที่เกินตัวและนโยบายทางการเงินที่ไม่ยั่งยืนของประเทศผู้ออกสกุลเงินเหล่านั้น
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า Bitcoin ถือเป็นสินทรัพย์ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว แตกต่างจากสินทรัพย์สำรองแบบดั้งเดิมด้วยนโยบายการเงินที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ (Immutable Monetary Policy) และจำนวนที่ถูกกำหนดอย่างตายตัวที่ 21 ล้านเหรียญ
นอกจากนี้ยังไม่มีการควบคุมโดยรัฐบาลใดรัฐบาลหนึ่ง ซึ่งทำให้มันกลายเป็นสินทรัพย์ที่มีความเป็นกลางและสามารถใช้งานได้ในระดับสากล แถมยังมีการพัฒนาระบบ Layer2 อย่าง Lightning Network ที่ช่วยเพิ่มขีดความสามารถของ Bitcoin ในการรองรับธุรกรรมจำนวนมาก โดยทำให้การใช้งานในระดับสากลมีประสิทธิภาพและรวดเร็วยิ่งขึ้น
แต่ก็มาพร้อมผลกระทบและความท้าทายบางประการ เช่น:
การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างทุนสำรองระหว่างประเทศ
Strategic Bitcoin Reserve อาจลดสัดส่วนการถือครองสกุลเงินหลัก เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ยูโร เยน และปอนด์อังกฤษ ในทุนสำรองระหว่างประเทศ
รายงานจาก VanEck คาดการณ์ว่า Bitcoin อาจเพิ่มสัดส่วนในทุนสำรองระหว่างประเทศเป็น 2.5% ภายในปี 2050
ความผันผวนของราคา
แนวโน้มราคา Bitcoin มีความผันผวนสูง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของทุนสำรอง
การยอมรับในระดับโลก
แม้ Bitcoin จะได้รับการยอมรับในวงกว้าง แต่ยังคงมีข้อกังวลเกี่ยวกับกฎระเบียบและการใช้งานในบางประเทศ
การใช้งานยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีที่ซับซ้อน
แม้สินทรัพย์อย่างทองคำต้องอาศัยการสำรวจและการขุดอย่างจริงจัง ในขณะที่บิทคอยน์ใช้เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เป็นหลัก แต่การใช้งานบิทคอยน์ก็ยังต้องอาศัยความชำนาญและเทคโนโลยีที่ซับซ้อน แถมการขุด Bitcoin ก็ยังต้องใช้ไฟฟ้ามหาศาล
การแข่งขันระหว่างประเทศ
การที่ประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐฯ และจีน ถือครอง Bitcoin ในปริมาณมาก อาจนำไปสู่การแข่งขันสะสม Bitcoin ระหว่างประเทศและการเปลี่ยนแปลงในอำนาจทางเศรษฐกิจ กล่าวคือ ประเทศที่มีการสะสม Bitcoin มากอาจมีอำนาจต่อรองในเศรษฐกิจดิจิทัลมากขึ้น
ผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศ
สหรัฐฯ ได้รับรายได้หลายล้านดอลลาร์จากการขาย Bitcoin ที่ยึดได้จากกิจกรรมผิดกฎหมาย
ในขณะที่การสำรองบิทคอยน์อาจกระตุ้นการลงทุนในเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้อง เช่น การขุด Bitcoin และโครงสร้างพื้นฐาน Blockchain
ความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
การโจมตีทางไซเบอร์อาจเป็นภัยคุกคามด้านความปลอดภัยต่อการจัดเก็บ Bitcoin ของรัฐบาลได้
บทสรุป
Strategic Bitcoin Reserve กำลังได้รับความสนใจเพิ่มขึ้นในระดับประเทศและองค์กร โดยประเทศที่ถือครองบิทคอยน์มากที่สุดคือ สหรัฐอเมริกา รองลงมาคือ จีน และ เอลซัลวาดอร์ ซึ่งเป็นประเทศแรกที่ประกาศให้ Bitcoin เป็นเงินที่ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย
ในภาคองค์กร Strategy (ชื่อเดิม MicroStrategy) เป็นบริษัทที่ถือครอง Bitcoin มากที่สุด โดยมองว่า BTC เป็นสินทรัพย์สำรองที่ช่วยป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
เมื่อเปรียบเทียบกับสินทรัพย์สำรองแบบดั้งเดิม เช่น ทองคำและทุนสำรองเงินตราต่างประเทศ Bitcoin มีข้อได้เปรียบในด้านความโปร่งใส ความสามารถในการโอนย้าย และการกระจายความเสี่ยง อย่างไรก็ตาม Bitcoin ก็ยังมีข้อจำกัดในด้านความผันผวนสูงและการยอมรับในระดับสากลอยู่
แม้ว่าจะยังไม่สามารถแทนที่สินทรัพย์สำรองแบบดั้งเดิมได้ในทันที แต่การสำรอง Bitcoin เชิงกลยุทธ์ก็อาจกลายเป็นส่วนสำคัญของระบบการเงินในอนาคต โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยีดิจิทัลและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจมีบทบาทสำคัญ
References
- https://bitcointreasuries.com/
- https://www.vaneck.com/us/en/blogs/digital-assets/matthew-sigel-bitcoin-2050-valuation-scenarios-global-medium-of-exchange-and-reserve-asset/
- https://twitter.com/TuurDemeester/status/1094265655791181826
- https://bitcointreasuries.com/countries/
- https://satoshiaction.quorum.us/campaign/strategicreserve/
- https://www.coindesk.com/tech/2021/02/26/the-future-of-bitcoin-12-scenarios-from-bullish-to-bearish/
- https://coinpedia.org/news/countries-with-the-highest-bitcoin-holdings-in-2024/
- https://www.coingecko.com/research/publications/government-bitcoin-holdings
- https://www.atlanticcouncil.org/blogs/econographics/what-exactly-is-a-strategic-bitcoin-reserve/?network_account=Atlantic+Council&utm_campaign=read&utm_content=20240808&utm_medium=organic_social&utm_source=twitter
- https://qz.com/countries-bitcoin-owners-holdings-us-china-el-salvador-1851708770
- https://twitter.com/TheRealRorbo/status/1743353265893290269
- https://bitcoinmagazine.com/technical/bitcoins-future-is-fractional-reserve-unless-we-do-something-about-it
- https://www.forbes.com/sites/digital-assets/2024/08/04/how-the-us-could-establish-a-strategic-bitcoin-reserve/
- https://blog.bitfinex.com/education/if-elected-will-trump-introduce-a-bitcoin-strategic-reserve/
- https://twitter.com/TuurDemeester/status/1094274232618491904
- https://goldreserves.org/
- https://www.acropolistreasury.com/
- https://pomp.substack.com/p/the-us-should-buy-bitcoin-for-strategic
- https://twitter.com/TuurDemeester/status/1094264444677443584
- https://www.cia.gov/the-world-factbook/field/reserves-of-foreign-exchange-and-gold/country-comparison
- https://www.microstrategy.com/en/bitcoin/documents/bitcoin-initiative-project-roadmap
- https://markets.chainalysis.com/
- https://www.theblockresearch.com/
- https://www.strategicmarket.org/
- https://medium.com/digitalassetresearch?source=post_page—–f98c6408babf——————————–