วิวครบวงจร Hardware Wallet Trezor อัปเดทล่าสุด
- ให้ความปลอดภัยสูงในการเก็บรักษาสินทรัพย์
- รองรับเหรียญจำนวนมากกว่า 1,500+ รายการ
- มีตัวเลือก USB-C และ Bluetooth เพื่อความสะดวกเพิ่มเติม
ในยุคที่การลงทุนในสกุลเงินคริปโตกำลังได้รับความนิยมอย่างรวดเร็ว กระเป๋าเงินคริปโตกลายมาเป็นอุปกรณ์สำคัญที่นักลงทุนจะต้องพิจารณาเป็นอันดับแรก Trezor คือหนึ่งในบริษัทผู้ผลิต Hardware Wallet ที่ได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานทั่วโลกว่าเป็นผู้นำด้านความปลอดภัยในการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยเทคโนโลยีการเข้ารหัสขั้นสูงและการออกแบบที่เน้นการป้องกันการโจมตีจากภัยคุกคามทางไซเบอร์ทุกรูปแบบ
ในบทความนี้ เราจะมาดูกันว่าผลิตภัณฑ์ของ Trezor ในรุ่นหลักอย่าง Model T, Model One และ Safe 3 มีความพิเศษอย่างไร และอะไรคือฟีเจอร์ที่ทำให้กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์เหล่านี้โดดเด่นกว่าอุปกรณ์อื่นๆ ที่มีอยู่ในตลาดในปัจจุบัน แต่ก่อนอื่น เรามาเรียนรู้กันก่อนดีกว่าว่าทำไมเราถึงควรเลือกใช้งาน Hardware Wallet
Hardware Wallet คืออะไร?
ในโลกของสกุลเงินดิจิทัล การรักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์คริปโตถือเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด Hardware Wallet หรือ กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ จึงถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ด้านความปลอดภัยนี้
กระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์ คือ อุปกรณ์พิเศษที่จะช่วยเก็บรักษา Private Key ของผู้ใช้งานแยกออกจากระบบออนไลน์ ทำให้สามารถทำธุรกรรมได้อย่างปลอดภัยผ่านการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์
Hardware Wallet จะมีความยืดหยุ่นในการใช้งานสูงกว่า Cold Wallet โดยทั่วไป เพราะนอกจากจะใช้เก็บสินทรัพย์ได้อย่างปลอดภัยแล้ว ยังสามารถทำธุรกรรมต่างๆ บนบล็อกเชนได้ด้วย ซึ่งต่างจากในอดีตที่ผู้ใช้งานต้องเสี่ยงกับการเก็บ Private Key ไว้ในคอมพิวเตอร์โดยตรง ทำให้มีโอกาสถูกโจรกรรมข้อมูลจากจากมัลแวร์ได้ง่าย
ทำไมต้องเลือกใช้ Hardware Wallet?
การใช้งานกระเป๋าเงินคริปโตที่เป็นอุปกรณ์ทางกายภาพเป็นวิธีที่ได้รับยอมรับว่าปลอดภัยที่สุดในการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ใช้งาน ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการทั้งด้านความปลอดภัยและความสะดวกในการใช้งาน ทำให้กระเป๋าเงินประเภทนี้เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักลงทุนเหรียญคริปโตชั้นนำต่างๆ
ปัจจัยสำคัญที่ทำให้เราควรจะเลือกใช้งาน Hardware Wallet มีดังนี้:
1. ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง
Hardware Wallet ถูกออกแบบมาให้ทำการเก็บ Private Key ของผู้ใช้งานแยกออกจากระบบออนไลน์อย่างสมบูรณ์ ทำให้ไม่มีความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ การทำธุรกรรมแต่ละครั้งต้องได้รับการยืนยันผ่านอุปกรณ์โดยตรง และมีระบบ PIN Code พร้อมวลีกู้คืน (Recovery Phrase) เป็นระบบป้องกันเพิ่มเติมหลายชั้น ช่วยให้มั่นใจได้ว่าสินทรัพย์คริปโตจะปลอดภัยแม้ในกรณีที่อุปกรณ์สูญหายก็ตาม
2. รองรับสินทรัพย์ดิจิทัลหลากหลายรูปแบบ
Hardware Wallet สามารถจัดเก็บเหรียญคริปโตได้หลากหลายสกุลในอุปกรณ์เดียว ไม่ว่าจะเป็น เหรียญคริปโตหลัก หรือ เหรียญมีม ก็ตาม กระเป๋าเงินส่วนใหญ่ก็จะมาพร้อมฟังก์ชันการทำธุรกรรมที่ครบครัน ช่วยลดความเสี่ยงจากการฝากสินทรัพย์ไว้ในกระดานเทรดได้ อีกทั้งยังมีระบบจัดการที่เป็นมิตรกับผู้ใช้งาน ทำให้การโอนและแลกเปลี่ยนสินทรัพย์เป็นไปอย่างสะดวกและปลอดภัย
3. พกพาสะดวกและใช้งานง่าย
โดยส่วนใหญ่ กระเป๋าเงินประเภทนี้จะมีขนาดที่กะทัดรัด ไม่ต่างจาก USB ทั่วไป ทำให้สามารถพกพาได้อย่างสะดวก และยังเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟนได้ง่าย เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการความคล่องตัวในการจัดการสินทรัพย์ แต่ยังคงต้องการความปลอดภัยในระดับสูง
จากคุณลักษณะข้างต้นจะเห็นได้ว่า Hardware Wallet เป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับการเก็บรักษาสินทรัพย์คริปโตในระยะยาว โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่มีสินทรัพย์มูลค่าสูงหรือต้องการความปลอดภัยในระดับสูงสุด และหนึ่งในแบรนด์ที่ได้รับความนิยมและความเชื่อถือมากที่สุดในตลาด Hardware Wallet ก็คือ Trezor ซึ่งเราจะมาทำความรู้จักกันในหัวข้อถัดไป
ทำความรู้จักกับ Trezor Wallet
ในฐานะผู้บุกเบิกตลาด Hardware Wallet Trezor ได้สร้างมาตรฐานใหม่ให้กับการเก็บรักษาสกุลเงินดิจิทัลตั้งแต่ปี 2014 ด้วยการเปิดตัว Trezor One รุ่นแรก ที่นำเสนอแนวคิดการเก็บ Private Key ไว้ใน Cold Storage ซึ่งแยกออกจากระบบออนไลน์อย่างสมบูรณ์ ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ใช้งานปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์ทุกรูปแบบ
SatoshiLabs ผู้พัฒนา Trezor ก่อตั้งขึ้นในปี 2013 ที่กรุงปราก โดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยบล็อกเชนระดับแนวหน้า ซึ่งนำโดย Pavol Rusnak, Marek Palatinus และ Alena Vránová ด้วยวิสัยทัศน์ที่ต้องการสร้างมาตรฐานใหม่ในการปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัล พวกเขาจึงพัฒนา Trezor ให้เป็นมากกว่าแค่กระเป๋าเงินดิจิทัล แต่เป็นโซลูชันความปลอดภัยที่ครบวงจร
ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี Trezor ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความน่าเชื่อถือด้วยประวัติด้านความปลอดภัยที่ไร้ที่ติ ไม่เคยมีรายงานการถูกแฮ็กหรือการรั่วไหลของข้อมูลแม้แต่ครั้งเดียว พร้อมกับการพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของนักลงทุนยุคดิจิทัล
Trezor ได้พัฒนาและเปิดตัวกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์หลากหลายรุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้ใช้งาน เช่น Model T ที่มาพร้อมหน้าจอสัมผัสและฟีเจอร์ขั้นสูง, Model One ที่เป็นรุ่นพื้นฐานราคาประหยัด และ Safe 3 ที่เป็นกระเป๋าเงินเวอร์ชั่นล่าสุดพร้อมนวัตกรรมใหม่ในด้านความปลอดภัย โดยแต่ละรุ่นจะมีจุดเด่นและคุณสมบัติเฉพาะตัวที่น่าสนใจ
ต่อไป เราจะมาทำความรู้จักกับกระเป๋าเงินแต่ละรุ่นกันอย่างละเอียด เพื่อช่วยให้คุณสามารถเลือกได้ว่าจะใช้ Hardware Wallet ตัวไหนดีที่จะเหมาะสมกับความต้องการและงบประมาณของคุณได้
Trezor One รีวิว
Trezor รุ่น Model One เป็น Hardware Wallet รุ่นบุกเบิกที่มุ่งเน้นในเรื่องความปลอดภัยอันเป็นที่สุด ด้วยการทำงานแบบออฟไลน์และระบบรักษาความปลอดภัยแบบหลายชั้น ทั้งระบบ PIN ที่รองรับได้ถึง 50 หลัก และ Passphrase ที่ผู้ใช้งานสามารถกำหนดเองได้อย่างอิสระ ทำให้สินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ใช้งานได้รับการปกป้องอย่างสมบูรณ์
ด้วยขนาดกะทัดรัดที่สามารถพกพาได้สะดวก พร้อมการเชื่อมต่อผ่าน USB ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษ ทำให้ Model One สามารถใช้งานได้กับคอมพิวเตอร์ทั่วไปอย่างปลอดภัย ถึงแม้ว่าเครื่องนั้นจะติดมัลแวร์ก็ตาม การทำธุรกรรมทุกครั้งต้องได้รับการยืนยันผ่านตัวอุปกรณ์โดยตรง มันจึงช่วยป้องกันการเข้าถึงโดยไม่ได้รับอนุญาตได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คุณสมบัติหลักของ Trezor One
- ความปลอดภัยระดับสูง: ระบบรักษาความปลอดภัยของ Model One ถูกออกแบบมาเพื่อปกป้องข้อมูลสำคัญอย่างเต็มรูปแบบ โดยทุกข้อมูลจะถูกเก็บรักษาไว้ภายในตัวอุปกรณ์เท่านั้น ช่วยป้องกันการโจมตีจากภัยคุกคามภายนอกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- ความสะดวกในการใช้งาน: การเริ่มต้นใช้งาน Model One ทำได้อย่างรวดเร็วผ่านขั้นตอนง่ายๆ เพียง 3 ขั้นตอน สามารถใช้งานในการเชื่อมต่อ Trezor Suite เพื่อซื้อ ขาย เทรด และ Stake ได้กับระบบปฏิบัติการยอดนิยมทั้ง Windows, macOS, Linux และ Android (บน iOS จะใช้ดูได้เท่านั้น)
- การพกพาสะดวก: ด้วยขนาดกะทัดรัด 60 x 30 x 6 มิลลิเมตร และน้ำหนักเบาเพียง 12 กรัม ทำให้ผู้ใช้งานสามารถพกพา Model One ได้อย่างสะดวกสบาย
- การแสดงผลและการเชื่อมต่อ: Model One มาพร้อมจอแสดงผล OLED คมชัดขนาด 128 x 64 พิกเซล ที่แสดงข้อมูลได้อย่างชัดเจน และรองรับการเชื่อมต่อผ่านพอร์ต Micro USB
Trezor One เก็บเหรียญอะไรได้บ้าง
กระเป๋าเงินรุ่นนี้สามารถจัดเก็บสินทรัพย์คริปโตได้หลากหลายประเภท ไม่ว่าจะเป็นเหรียญหลักอย่าง Bitcoin และ Ethereum รวมไปถึง เหรียญยอดนิยมอื่นๆ เช่น Litecoin, Monero, Dash ตลอดจนโทเค็นมาตรฐาน ERC-20 ทั้งหมด รวมแล้วมากกว่า 1,000+ รายการ
Trezor One: ความปลอดภัย
กระเป๋าเงินรุ่นนี้ได้รับการออกแบบให้มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งและครอบคลุม ด้วยความสามารถในการตั้งค่ารหัส PIN ที่รองรับได้ถึง 50 หลัก พร้อมทั้งระบบ Passphrase ที่ช่วยเพิ่มชั้นการป้องกันให้แน่นหนามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ข้อมูลและ Private Key ทั้งหมดจะถูกเก็บรักษาไว้ภายในตัวอุปกรณ์เท่านั้น ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการรั่วไหลของข้อมูลสู่ภายนอกอย่างแน่นอน
และเพื่อความอุ่นใจของผู้ใช้งาน Model One มาพร้อมกับระบบสำรองข้อมูลผ่าน Recovery Seed ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถกู้คืนข้อมูลทั้งหมดได้อย่างปลอดภัย ในกรณีที่อุปกรณ์สูญหายหรือได้รับความเสียหาย ทำให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงสินทรัพย์ดิจิทัลของตนได้แม้แต่ในสถานการณ์ที่ฉุกเฉิน
ราคา
Trezor Model One มาพร้อมกับ 2 สีให้เลือกใช้งาน ได้แก่ สีดำ และ สีขาว ในราคา 49 ดอลลาร์
พิเศษ! ในช่วง Black Friday ราคาของ Model One ลด 30% จากปกติ 49 ดอลลาร์ เหลือเพียง 34.3 ดอลลาร์ เท่านั้น
ข้อดีและข้อเสียของ Trezor One
ข้อดี
- ให้ความปลอดภัยสูงในการเก็บรักษาสินทรัพย์
- รองรับสกุลเงินคริปโตที่หลากหลาย
- การใช้งานที่เรียบง่าย
- พกพาสะดวก
ข้อเสีย
- ความทนทานต่ำจากการที่บอดี้ทำมาจากพลาสติก
- ไม่สามารถใช้งานฟังก์ชันบางอย่างได้เหมือนรุ่นอื่นๆ เช่น การจัดเก็บ NFT เป็นต้น
Trezor Model T รีวิว
Trezor Model T คือ Hardware Wallet อีกรุ่นจาก SatoshiLabs ที่ยกระดับประสบการณ์การใช้งานด้วยหน้าจอสัมผัสอันทันสมัย อุปกรณ์รุ่นนี้ไม่เพียงรองรับสกุลเงินคริปโตได้มากกว่า 1,500 ชนิด แต่ยังมาพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยระดับสูงที่จะช่วยปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณได้อย่างยอดเยี่ยมอีกด้วย
ความโดดเด่นของ Model T คือการมอบความสะดวกสบายผ่านการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนและฟีเจอร์ขั้นสูงมากมาย ไม่ว่าจะเป็นระบบยืนยันตัวตนแบบ 2 ชั้น การสำรองข้อมูลด้วย Shamir Backup หรือการล็อกอินแบบไม่ใช้รหัสผ่าน ทำให้อุปกรณ์นี้เหมาะสำหรับทั้งผู้ใช้งานทั่วไปและนักลงทุนมืออาชีพที่ต้องการความปลอดภัยสูงสุดสำหรับปกป้องพอร์ตการลงทุนของตน
คุณสมบัติหลักของ Trezor Model T
- ระบบนิเวศที่ครอบคลุม: Model T ให้การรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่หลากหลายครอบคลุมทั้ง Bitcoin Ethreum และเหรียญยอดนิยมอื่นๆ มากมาย รวมถึง โทเค็นมาตรฐาน ERC-20 ทำให้สามารถจัดการพอร์ตการลงทุนได้อย่างครบวงจรในอุปกรณ์เดียว
- เทคโนโลยีความปลอดภัยชั้นนำ: ด้วยระบบจัดเก็บแบบ Cold Storage และเทคโนโลยี Shamir Backup ช่วยปกป้องสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณจากภัยคุกคามออนไลน์ พร้อมทั้งมีระบบกู้กระเป๋าเงินคืนที่มีประสิทธิภาพในกรณีที่อุปกรณ์สูญหาย
- อินเทอร์เฟสที่เป็นมิตรและใช้งานง่าย: หน้าจอสัมผัส LCD ขนาด 1.54 นิ้วช่วยให้การทำธุรกรรมและจัดการสินทรัพย์เป็นเรื่องง่าย ผู้ใช้งานสามารถตรวจสอบและยืนยันธุรกรรมได้โดยตรงบนอุปกรณ์
- การเชื่อมต่อที่คล่องตัว: รองรับการเชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟนผ่าน WebUSB ทำให้สามารถทำธุรกรรมได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมทั้งสามารถใช้งานร่วมกับกระเป๋าเงินดิจิทัลยอดนิยมได้หลากหลายตัวอีกด้วย
- ฟังก์ชันขั้นสูงสำหรับผู้ใช้งานมืออาชีพ: มาพร้อมฟีเจอร์ขั้นสูงมากมาย เช่น การยืนยันตัวตนแบบ U2F, การล็อกอิน SSH และระบบ PIN แบบทำลายตัวเอง ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานระดับมืออาชีพ
Trezor Model T เก็บเหรียญอะไรได้บ้าง
กระเป๋าเงินในรุ่น Model T รองรับเหรียญและโทเค็นมากกว่า 1,500+ ชนิด ทั้ง Bitcoin (BTC), Ethereum (ETH), Dogecoin (DOGE) และ Stablecoins หลากหลายประเภท รวมถึง โทเค็นมาตรฐาน ERC-20 ด้วยเช่นกัน
Trezor Model T: ความปลอดภัย
กระเป๋าเงินชั้นนำนี้ได้รับการพัฒนาให้เป็นป้อมปราการดิจิทัลสำหรับสินทรัพย์คริปโต ด้วยระบบรักษาความปลอดภัยแบบหลายชั้น เริ่มตั้งแต่สายการผลิตในสาธารณรัฐเช็กภายใต้มาตรฐานที่เข้มงวด และบรรจุในบรรจุภัณฑ์ที่ป้องกันการงัดแงะพร้อมสติกเกอร์โฮโลแกรม Model T ทำงานด้วยระบบโอเพนซอร์สที่โปร่งใส พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยผ่านรหัส PIN บนหน้าจอสัมผัส และ สามารถสร้างกระเป๋าเงินหลอกขึ้นมาเพื่อหลอกผู้โจมตีในกรณีที่ใส่ Passphrase ปลอมที่คุณตั้งค่าไว้ได้
นอกจากนี้ Model T ยังโดดเด่นด้วยระบบกู้กระเป๋าเงินคืนด้วยเทคโนโลยี Shamir Backup ที่จะแบ่ง Recovery Seed ออกเป็นส่วนย่อยๆ สูงสุด 16 ส่วน โดยกำหนดจำนวนส่วนขั้นต่ำที่ต้องใช้ในการกู้คืนได้ตามต้องการ สร้างระบบความปลอดภัยแบบกระจายศูนย์ที่ช่วยให้กู้คืนสินทรัพย์ได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้จะมีข้อมูลบางส่วนสูญหายไปก็ตาม
ราคา
Trezor Model T มาในบอดี้สีดำ โดยมีราคาอยู่ที่ 129 ดอลลาร์
พิเศษ! ในช่วง Black Friday ราคาของ Model T ลด 40% จากปกติ 129 ดอลลาร์ เหลือเพียง 77.2 ดอลลาร์ เท่านั้น
ข้อดีและข้อเสียของ Trezor Model T
ข้อดี
- ความปลอดภัยสูงในการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัล
- อินเทอร์เฟสที่ใช้งานง่ายด้วยหน้าจอสัมผัส
- รองรับเหรียญจำนวนมากกว่า 1,500+ รายการ
ข้อเสีย
- ราคาค่อนข้างสูงเมื่อเปรียบเทียบกับกระเป๋าเงินฮาร์ดแวร์รุ่นอื่นๆ
- อาจจะไม่เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ไม่คุ้นเคยกับการใช้งาน Hardware Wallet
Trezor Safer 3 รีวิว
Trezor Safe 3 เป็น Hardware Wallet ที่เปิดตัวเมื่อปี 2023 จากบริษัท Satoshi Labs ที่มาพร้อมกับการปรับปรุงด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่ โดยการเพิ่มชิป Secure Element มาตรฐาน EAL6+ ซึ่งมีความปลอดภัยในระดับสูงที่ช่วยเพิ่มการป้องกันการโจมตีทางกายภาพและการยืนยันตัวตนของอุปกรณ์ กระเป๋ารุ่นนี้มีการออกแบบที่เรียบง่าย ใช้หน้าจอขาวดำพร้อมปุ่มกดที่ใช้งานได้สะดวก และมาพร้อมบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากระดับความปลอดภัยที่เพิ่มขึ้นแล้ว กระเป๋าเงินรุ่น Safe 3 ยังโดดเด่นด้วยความสามารถในการรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลที่หลากหลาย รวมทั้ง เหรียญยอดนิยมอย่าง Bitcoin และ Ethereum รวมถึงโทเค็น ERC-20 กว่า 7,000 รายการ โดยมีระบบการสำรองข้อมูลแบบ Shamir Backup ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเก็บรักษารหัสกู้คืน และมีซอฟต์แวร์เป็นแบบ Open Source เพื่อเพิ่มความโปร่งใส นอกจากนี้ยังมีรุ่นพิเศษที่เป็น Bitcoin Wallet สำหรับผู้ที่สนใจในการถือครองเฉพาะ BTC เพียงเหรียญเดียวอีกด้วย
คุณสมบัติหลักของ Trezor Safe 3
- ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง: Trezor Safe 3 มาพร้อมเทคโนโลยี Secure Element ระดับ EAL6+ ที่ช่วยปกป้อง Private Key และข้อมูลสำคัญของผู้ใช้งาน ด้วยระบบเข้ารหัสและการยืนยันตัวตนหลายขั้นตอน ทั้งรหัส PIN และ Passphrase ที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการเข้าถึงกระเป๋าเงิน
- อินเตอร์เฟสที่ใช้งานได้ง่าย: อุปกรณ์มาพร้อมจอแสดงผล OLED ขนาด 0.96 นิ้วที่มีความคมชัดสูง ผู้ใช้งานสามารถดูและจัดการธุรกรรมได้อย่างง่ายดาย พร้อมพอร์ต USB Type-C ที่รองรับการเชื่อมต่อกับระบบปฏิบัติการหลักทั้งหมด ทำให้สามารถใช้งานได้อย่างสะดวกบนทุกแพลตฟอร์ม
- ระบบสำรองข้อมูลที่ยืดหยุ่น: รองรับการสร้าง Seed Phrase ได้สูงสุดภุง 24 คำ พร้อมฟีเจอร์ Shamir Backup ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแบ่ง Recovery Phrase ออกเป็นส่วนๆ เพื่อกระจายการจัดเก็บและเพิ่มความปลอดภัยให้กับสินทรัพย์ดิจิทัลได้
- มาตรฐานระดับสากล: ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อมระดับสากล ทั้ง CE, RoHS และ FCC ผู้ใช้งานสามารถปรับแต่งการใช้งานได้ตามต้องการ พร้อมอัปเดตเฟิร์มแวร์อย่างสม่ำเสมอเพื่อรักษาระดับความปลอดภัยให้ทันสมัยอยู่เสมอ
Trezor Safe 3 เก็บเหรียญอะไรได้บ้าง
กระเป๋าเงินใบนี้รองรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า 7,000 รายการ ทั้งเหรียญยอดนิยมอย่าง Bitcoin, Ethereum และ Litecoin รวมถึงโทเค็น ERC-20 ทั้งหมด สามารถทำงานร่วมกับกระเป๋าเงิน 3rd Party และ แพลตฟอร์มเทรดชั้นนำได้อย่างปลอดภัย นอกจากนี้ยังมีรุ่นพิเศษที่รองรับเฉพาะ Bitcoin ที่ผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 2,013 เครื่องอีกด้วย
Trezor Safe 3: ความปลอดภัย
Safe 3 ได้รับการพัฒนาให้มีความปลอดภัยที่เหนือกว่ารุ่นก่อนหน้า ด้วยการติดตั้งชิป Secure Element รุ่น OPTIGA Trust M (V3) ที่ได้รับการรับรองมาตรฐาน EAL6+ ชิปนี้ทำหน้าที่ปกป้องรหัส PIN และตรวจสอบความถูกต้องของอุปกรณ์ โดยไม่จำเป็นต้องเก็บข้อมูลไว้โดยตรง ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางกายภาพที่เคยเกิดขึ้นกับรุ่นก่อนหน้า นอกจากนี้ยังมีการออกแบบซอฟต์แวร์แบบเปิด (Open-Source) ที่เปิดให้ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยสามารถตรวจสอบและพัฒนาระบบได้อย่างต่อเนื่อง
อีกหนึ่งฟีเจอร์ด้านความปลอดภัยที่โดดเด่นคือระบบ Shamir Backup ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแบ่ง Recovery Phrase ออกเป็นหลายส่วน (สูงสุด 16 ส่วน) และกำหนดจำนวนส่วนที่ต้องใช้ในการกู้คืนได้ตามต้องการ พร้อมกับการรองรับการทำธุรกรรมแบบ CoinJoin สำหรับ Bitcoin ที่ช่วยปกปิดที่มาและปลายทางของธุรกรรม รวมถึงการเข้ารหัสการสื่อสารผ่านเครือข่าย Tor เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวในการใช้งาน ทั้งหมดนี้ทำให้ Safe 3 เป็นกระเป๋าเงินดิจิทัลที่มีความปลอดภัยสูงและน่าเชื่อถืออย่างมาก
ราคา
Trezor Model T มาในบอดี้สีดำ/เงิน/ทอง/กุหลาบ (รุ่นที่รองรับเฉพาะ Bitcoin จะมาในสีดำ-ส้ม) และมีราคาอยู่ที่ 79 ดอลลาร์
พิเศษ! ในช่วง Black Friday ราคาของ Model T ลด 30% จากปกติ 79 ดอลลาร์ เหลือเพียง 55.3 ดอลลาร์ เท่านั้น
ข้อดีและข้อเสียของ Trezor Safe 3
ข้อดี
- รองรับสินทรัพย์ดิจิทัลมากกว่า 7,000+ รายการ
- มีฟีเจอร์ความปลอดภัยที่แข็งแกร่ง
- มีตัวเลือก USB-C และ Bluetooth เพื่อความสะดวกเพิ่มเติม
- ใช้โค้ดแบบโอเพนซอร์ส
ข้อเสีย
- มีหน้าจอพลาสติกที่เป็นรอยขีดข่วนได้ง่าย
- ไม่ค่อยรองรับเครือข่ายใหม่ๆ
ระบบความปลอดภัยหลักของ Trezor Wallet
การป้องกันด้วย Recovery Seed
กระบวนการสร้างรหัสกู้คืน (Recovery Seed) เป็นระบบที่ทำงานแบบออฟไลน์อย่างสมบูรณ์ ทำให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการรั่วไหลของข้อมูลผ่านเครือข่าย รหัสนี้จะประกอบด้วยคำศัพท์ 12 หรือ 24 คำที่เลือกมาจากรายการคำมาตรฐาน BIP39 ซึ่งมีความปลอดภัยสูงจนแทบเป็นไปไม่ได้ที่จะถูกคาดเดาหรือถูกโจมตีแบบ Brute Force ได้
การเก็บรักษา Recovery Seed จะต้องทำด้วยความระมัดระวังสูงสุด ไม่ควรเก็บในรูปแบบดิจิทัลหรือป้อนลงในอุปกรณ์อื่นๆ นอกจาก Trezor เท่านั้น การนำ Recovery Seed ไปเก็บไว้ในที่ปลอดภัยในแบบกายภาพจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการรักษาความปลอดภัยของสินทรัพย์ดิจิทัล
การแบ่งรหัสกู้คืนด้วย Shamir Backup
กระเป๋าเงินในรุ่น Model T และ Safer 3 มีฟีเจอร์พิเศษที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถแบ่ง Recovery Seed ออกเป็นหลายส่วน (สูงสุด 16 ส่วน) โดยแต่ละส่วนจะมีคำศัพท์ 20-33 คำ ระบบนี้จะใช้หลักการของ Shamir’s Secret Sharing ที่ช่วยให้การกู้คืนกระเป๋าเงินสามารถทำได้โดยใช้แค่เพียงบางส่วนของรหัสที่แบ่งไว้เท่านั้น (อย่างน้อย 2 ส่วน)
ความพิเศษของระบบนี้ก็คือความยืดหยุ่นในการกำหนดจำนวนส่วนที่ต้องการสำหรับการกู้คืน เช่น แบบ 2-ใน-3 หรือ 3-ใน-5 ส่วน ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถกระจายการเก็บรักษารหัสไปยังหลายๆ สถานที่หรือหลายๆ บุคคลได้ เพิ่มความปลอดภัยในการเก็บรักษาและลดความเสี่ยงจากการทำมันสูญหาย
การป้องกันด้วย PIN Code
Trezor ได้พัฒนาระบบการป้อน PIN Code ให้มีความสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น โดยผู้ใช้งานสามารถป้อนรหัสผ่านตัวเครื่องได้โดยตรง โดย PIN Code นี้จำเป็นต้องใช้งานทุกครั้งที่มีการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอก
วิธีการป้อนรหัสแบบใหม่นี้ไม่เพียงสะดวกกว่า แต่ยังช่วยลดความเสี่ยงจากการดักจับข้อมูลผ่านหน้าจอภายนอก เนื่องจากการป้อนรหัสทั้งหมดเกิดขึ้นบนตัวอุปกรณ์โดยตรง ทำให้การทำธุรกรรมมีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
การเพิ่มความปลอดภัยด้วย Passphrase
Passphrase เป็นระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงที่ช่วยป้องกันการโจมตีทางกายภาพต่ออุปกรณ์ ผู้ใช้งานสามารถกำหนดรหัสผ่านที่มีความยาวได้ถึง 50 ตัวอักษร โดยระบบจะแยกแยะตัวพิมพ์ใหญ่-เล็ก ทำให้มีความซับซ้อนและปลอดภัยสูง
จุดเด่นของระบบ Passphrase คือการที่รหัสผ่านที่ไม่ถูกต้องจะนำผู้โจมตีไปสู่กระเป๋าเงินใหม่ที่ว่างเปล่า ทำให้ผู้ไม่ประสงค์ดีไม่สามารถรู้ได้ว่าป้อนรหัสผิด นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถสร้างกระเป๋าเงินปลอม (decoy wallet) ด้วยรหัสผ่านที่แตกต่างกัน เพื่อป้องกันกรณีถูกบังคับให้เปิดกระเป๋าเงินได้อีกด้วย
เปรียบเทียบ Trezor Wallet ในแต่ละรุ่น
เริ่มแรก Trezor One เป็นรุ่นพื้นฐานที่มีราคาประหยัดที่สุด (49 ดอลลาร์) จุดเด่นคือใช้งานได้ง่าย มีระบบรักษาความปลอดภัยที่แข็งแกร่งด้วย PIN Code และ Passphrase รองรับเหรียญได้มากกว่า 1,000 รายการ แต่มีข้อด้อยคือตัวเครื่องทำจากพลาสติกที่ไม่ทนทาน และไม่รองรับฟังก์ชันบางอย่างเช่น NFT เหมาะสำหรับมือใหม่ที่พึ่งจะเริ่มลงทุนในสกุลเงินคริปโตที่ต้องการความปลอดภัยในระดับที่ดีและมีงบประมาณที่จำกัด
ในส่วนของ Trezor Model T มาพร้อมหน้าจอสัมผัสที่ใช้งานได้อย่างสะดวก รองรับเหรียญได้มากกว่า 1,500 รายการ มีฟีเจอร์ขั้นสูงเช่น Shamir Backup และระบบยืนยันตัวตนแบบ U2F แต่มีราคาค่อนข้างสูงถึง 129 ดอลลาร์ และอาจจะซับซ้อนเกินไปสำหรับมือใหม่ เหมาะสำหรับนักลงทุนระดับกลางถึงมืออาชีพที่ต้องการฟีเจอร์การใช้งานที่ครบครันและยอมจ่ายเงินเพิ่มเพื่อความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น
สุดท้าย Trezor Safe 3 ซึ่งเป็นรุ่นที่พึ่งเปิดตัวเมื่อปี 2023 มาพร้อมชิป Secure Element มาตรฐาน EAL6+ เพิ่มการป้องกันการโจมตีทางกายภาพ รองรับเหรียญมากที่สุดถึง 7,000 รายการ มีราคากลางๆ ที่ 79 ดอลลาร์ และมีรุ่นพิเศษสำหรับ Bitcoin โดยเฉพาะ แต่หน้าจอเป็นพลาสติกที่เป็นรอยง่ายและยังไม่รองรับเครือข่ายใหม่ๆ มากนัก เหมาะสำหรับนักลงทุนที่ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยสูงสุดและต้องการความคุ้มค่า หรือนักขุด Bitcoin ที่ต้องการจัดเก็บ BTC โดยเฉพาะ
คุณสมบัติ | Model One | Model T | Safe 3 |
ราคา | 49 ดอลลาร์* | 129 ดอลลาร์* | 79 ดอลลาร์* |
โปรเซสเซอร์ | Cortex-M3 @120MHz | Cortex-M4 @168MHz | Cortex M4 @180MHz |
หน้าจอ | OLED 128×64 | LCD Touchscreen 240×240 | OLED 128×62 |
การเชื่อมต่อ | Micro USB | USB-C | USB-C |
น้ำหนัก | 12g | 22g | 14g |
การควบคุม | 2 ปุ่มกด | หน้าจอทัชสกรีน | ปุ่มกด |
จำนวนเหรียญที่รองรับ | 1,000+ | 1,500+ | 7,000+ |
ความปลอดภัยพิเศษ | PIN + Passphrase | PIN + Passphrase + Shamir Backup | Secure Element EAL6+ |
จุดเด่น | – ราคาประหยัด – ใช้งานง่าย – พกพาสะดวก |
– หน้าจอทัชสกรีนใช้ง่าย – ฟีเจอร์ขั้นสูง – รองรับ NFT |
– ความปลอดภัยสูงสุด – รองรับเหรียญมากที่สุด – มีรุ่นเฉพาะ BTC |
จุดด้อย | – วัสดุไม่ทนทาน – ไม่รองรับ NFT |
– ราคาสูง – ซับซ้อนสำหรับมือใหม่ |
– หน้าจอเป็นรอยง่าย – ไม่รองรับเครือข่ายใหม่ |
เหมาะสำหรับ | มือใหม่ งบจำกัด | นักลงทุนระดับกลาง-สูง | ผู้ที่เน้นเรื่องความปลอดภัยสูงสุด |
*หมายเหตุ: ราคาที่แสดงเป็นราคาปกติก่อนส่วนลด Black Friday
Trezor Suite: แอพสารพัดประโยชน์ที่เป็นหัวใจสำคัญของ Trezor Wallet
Trezor Suite คือแอปพลิเคชันออกแบบมาเพื่อเป็นศูนย์กลางสำหรับการบริหารจัดการสินทรัพย์ดิจิทัล มันถูกพัฒนาขึ้นเพื่อใช้งานร่วมกับกระเป๋าเงิน Trezor ทุกรุ่น โดยมุ่งเน้นในการผสมผสานระหว่างความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการใช้งาน
Trezor Suite สามารถใช้งานได้ในหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นการเชื่อมต่อผ่านคอมพิวเตอร์บนระบบปฏิบัติการ Windows, macOS และ Linux หรือผ่านสมาร์ทโฟนทั้ง Android และ iOS (สำหรับ iOS จะสามารถดูข้อมูลได้เท่านั้น) นอกจากนี้ยังสามารถทำงานร่วมกับกระเป๋าเงินคริปโต 3rd Party ตัวอื่นๆ ได้อย่างราบรื่นอีกด้วย
ความสามารถหลักของ Trezor Suite ประกอบด้วย:
- แดชบอร์ด: แสดงภาพรวมพอร์ตการลงทุนผ่านแดชบอร์ดที่ออกแบบมาให้เข้าใจได้ง่าย พร้อมตัวเลือกในการเพิ่มสินทรัพย์ใหม่ๆ ได้ตามต้องการ
- การจัดการหลายบัญชี: Trezor Suite รองรับการใช้งานหลายบัญชี (สูงสุด 10 บัญชีต่อหนึ่งสกุลเงินดิจิทัล) ช่วยให้คุณสามารถเพิ่มและจัดการบัญชีใหม่ได้ตามต้องการ
- ฟังก์ชัน View-only และ Eject: ช่วยให้คุณสามารถตรวจสอบยอดคงเหลือในกระเป๋าเงินโดยไม่ต้องใช้ Trezor หรือ Private Key และ ฟังก์ชัน Eject ที่จะช่วยให้ซ่อนข้อมูลกระเป๋าเงินชั่วคราวระหว่างที่แอพ Trezor Suite กำลังทำงานอยู่ได้
- ระดับความปลอดภัยสูง: Trezor Suite ใช้ Secure Element สำหรับเก็บ Private Key และข้อมูลสำคัญต่างๆ รวมถึงระบบการยืนยันตัวตนด้วย PIN และระบบกู้คืนข้อมูลผ่าน Recovery Seed ตามมาตรฐาน BIP39 เพื่อป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตอีกด้วย
การดาวน์โหลดและตั้งค่า Trezor Suite
1. ดาวน์โหลดจากแหล่งที่เชื่อถือได้
- เว็บไซต์ทางการ: trezor.io/trezor-suite
- GitHub: github.com/trezor/trezor-suite/releases
2. ขั้นตอนการดาวน์โหลด
- เข้าไปที่เว็บไซต์ Trezor Suite หรือ GitHub
- เลือกระบบปฏิบัติการจากเมนูดรอปดาวน์
- คลิก Get desktop app และรอดาวน์โหลดไฟล์ให้เสร็จสิ้น
3. การตรวจสอบไฟล์
- ดาวน์โหลด Signing key และ Signature จากลิงก์ใต้ปุ่ม Get desktop app
- เก็บไฟล์ทั้งหมดไว้ในโฟลเดอร์เดียวกับที่ติดตั้งไฟล์
- ให้เลือกดาวน์โหลดจากเวอร์ชันล่าสุดเสมอ
วิธีการตั้งค่า Trezor Suite บนระบบปฏิบัติการ Windows
วิธีการติดตั้งและตรวจสอบ Trezor Suite บน Windows จำเป็นจะต้องติดตั้งโปรแกรม gpg4win ซึ่งมาพร้อมแอปพลิเคชัน Kleopatra สำหรับจัดการใบรับรองและทำงานกับ GnuPG บน Windows เมื่อติดตั้งแล้ว ให้ดาวน์โหลด Trezor Suite Installer, Signing key และ Signature เก็บไว้ในโฟลเดอร์เดียวกัน
- เปิด Kleopatra
- นำเข้า Signing key ผ่านเมนู File > Import > Browse หรือใช้ปุ่มลัด ‘Import’ บนหน้าแรกไฟล์ที่จะต้องนำเข้า: satoshilabs-2021-signing-key.asc
- ในขั้นตอนนี้ คุณสามารถเลือกทำการรับรองให้กับใบรับรองว่ามีความถูกต้องได้ (ถ้าคุณไม่รับรองมัน คุณก็ยังสามารถตรวจสอบไฟล์ไบนารีได้)
- หลังจากนำเข้า Signing key แล้ว ให้ไปที่ File > Decrypt / Verify และเลือกไฟล์ติดตั้ง
- ไฟล์ติดตั้ง: Trezor-Suite-22.4.3-win-x64.exe (ชื่อที่ให้มานี้เป็นเพียงตัวอย่างเท่านั้น ให้เปลี่ยนไฟล์ติดตั้งตรงนี้ให้เป็นของเวอร์ชันเป็นรุ่นล่าสุดแทน)
- Kleopatra จะดำเนินการตรวจสอบและแสดงผลลัพธ์
- ถ้าคุณไม่ได้เลือกทำการรับรองให้กับใบรับรองว่ามีความถูกต้อง คุณจะเห็นข้อความ “data could not be verified message” ซึ่งสามารถกดข้ามไปได้
- ก่อนปิดหน้าต่าง ให้คลิกที่ ‘Show Audit Log’ และคุณควรจะเห็นข้อความ Good signature from “SatoshiLabs 2021 Signing Key” ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถติดตั้งซอฟต์แวร์ได้อย่างปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว
บทสรุป
Hardware Wallet เป็นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดในการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัล ด้วยการทำงานในระบบออฟไลน์ที่แยก Private Key ออกจากระบบอินเทอร์เน็ตอย่างสมบูรณ์ ทำให้ปลอดภัยจากการโจมตีทางไซเบอร์ทุกรูปแบบ นอกจากนี้ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยหลายชั้นทั้ง PIN Code และ Recovery Phrase ที่ช่วยปกป้องสินทรัพย์แม้ในกรณีที่อุปกรณ์สูญหาย พร้อมรองรับสินทรัพย์ดิจิทัลได้หลากหลายรูปแบบในอุปกรณ์เดียว
สำหรับ Trezor นั้นได้รับการยอมรับจากผู้ใช้งานทั่วโลกว่าเป็นผู้นำด้าน Hardware Wallet ที่มีความปลอดภัยสูง โดยตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี ไม่เคยมีรายงานการถูกแฮ็กหรือการรั่วไหลของข้อมูลแม้แต่ครั้งเดียว ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีให้เลือกหลากหลายรุ่นและราคา ประกอบกับซอฟต์แวร์ Trezor Suite ที่ใช้งานง่ายและปลอดภัย ทำให้ Trezor เป็นตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับผู้ที่ต้องการเก็บรักษาสินทรัพย์ดิจิทัลในระยะยาว
คำถามที่พบบ่อย
Trezor Wallet คืออะไร?
กระเป๋าเงิน Trezor ราคาเท่าไหร่บ้าง?
จะเกิดอะไรขึ้นถ้าฉันทำ Trezor หาย?

Other แพลตฟอร์มอื่น

- ค่าธรรมเนียมการซื้อขายต่ำ
- การสนับสนุนหลายแพลตฟอร์ม
- ซื้อขาย cryptocurrencies มากกว่า 180 รายการบน Binance

- Fiat เป็นคริปโตแบบ
- On-ramp การซื้อขายแบบมาร์จิ้น
- ตัวเลือกความปลอดภัยมากขึ้น

- แพลตฟอร์มที่มีการคัดลอกการซื้อขาย
- กองทุนคุ้มครอง Bitget
- กระดานแลกเปลี่ยนที่ใช้งานง่ายและค่าธรรมเนียมย่อมเยาว์