บิทคอยน์ เดือดอีก! ProCap ช้อนก่อน IPO: แต่นักวิเคราะห์ชี้ “ดาบสองคม”

บิทคอยน์ (BTC) กลายเป็นสินทรัพย์ในคลังสำรองของหลายๆ บริษัทมากขึ้นทุกวัน ท่ามกลางสภาวะตลาดที่ผันผวน ล่าสุด ProCap ของนักลงทุนชื่อดัง Anthony Pompliano ได้สร้างความฮือฮาด้วยการเข้าซื้อบิทคอยน์มูลค่ามหาศาล อย่างไรก็ตาม การเคลื่อนไหวนี้กลับสวนทางกับคำเตือนจากนักวิเคราะห์ของ VanEck ที่มองว่ากลยุทธ์ดังกล่าวอาจเป็นดาบสองคมสำหรับผู้ถือหุ้น ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ไปดูกัน!
ProCap ทุ่มทุนมหาศาลเข้าซื้อบิทคอยน์ก่อนเตรียมเข้าตลาดหุ้น
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ProCap BTC ซึ่งเป็นบริษัทของ Pompliano ได้ประกาศผ่านข่าวประชาสัมพันธ์ว่า บริษัทได้ซื้อบิทคอยน์จำนวน 3,724 เหรียญ ด้วยมูลค่ารวม 386 ล้านดอลลาร์ การซื้อครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากที่บริษัทเปิดเผยแผนการที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในปีนี้
การลงทุนครั้งนี้ดำเนินการด้วยกลยุทธ์การซื้อแบบ DCA (Dollar-Cost Averaging) โดยราคาซื้อเฉลี่ยสำหรับแต่ละ BTC อยู่ที่ 103,785 ดอลลาร์
การที่ราคาบิทคอยน์ปรับตัวสูงขึ้นหลังการซื้อขาย ส่งผลให้มูลค่าการลงทุนของ Pompliano เพิ่มขึ้นจนใกล้แตะระดับ 400 ล้านดอลลาร์เลยทีเดียว
ความเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นภายหลังการประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมาว่า ProCap กำลังวางแผนเข้าตลาดหลักทรัพย์ผ่านการควบรวมกิจการกับ Columbus Circle Capital ซึ่งเป็นบริษัทจัดตั้งขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะทาง โดยบริษัทใหม่ที่เกิดขึ้นจะใช้ชื่อว่า ProCap Financial
Pompliano แสดงความเชื่อมั่นในบิทคอยน์ผ่านโพสต์บน X โดยระบุว่า “เรามองว่า บิทคอยน์ คือมาตรฐานใหม่ของผลตอบแทน ถ้าคุณไม่สามารถเอาชนะมันได้ คุณจำเป็นต้องซื้อไว้” สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของบริษัทต่อสินทรัพย์นี้
บริษัทมีแผนเพิ่มการถือครองบิทคอยน์มูลค่าสูงถึง 1 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์บริหารเงินสดระยะยาว
นักลงทุนที่สนับสนุนดีลควบรวมแบบ SPAC ได้ระดมทุนแล้วกว่า 750 ล้านดอลลาร์ แบ่งเป็น 516 ล้านดอลลาร์ในรูปของทุนจดทะเบียน และอีก 235 ล้านดอลลาร์เป็นหุ้นกู้แปลงสภาพ
หาก ProCap เข้าตลาดหุ้นในวันนี้ จะกลายเป็นบริษัทที่ถือครอง BTC มากเป็นอันดับ 14 ของโลก ตามข้อมูลจาก BiTBO รองจาก Semler Scientific บริษัทเทคโนโลยีการแพทย์ที่เพิ่งเริ่มถือครองบิทคอยน์
ProCap จึงเข้าร่วมกับบริษัทชั้นนำที่เพิ่มการลงทุนในบิทคอยน์อย่างต่อเนื่อง โดยในสัปดาห์นี้ MicroStrategy ยังคงนำอยู่ ด้วยการถือครองมากถึง 592,345 BTC
Metaplanet จากญี่ปุ่นเพิ่มการถือครองเป็น 11,111 BTC ขณะที่บริษัทของ Grant Cardone รายงานการซื้อครั้งแรก 1,000 BTC ส่วนด้าน Panther Metals ก็วางแผนผสานการขุดกับคริปโตผ่านกลยุทธ์มูลค่า 5.4 ล้านดอลลาร์
Green Minerals AS จากนอร์เวย์ก็เตรียมลงทุน 1.2 พันล้านดอลลาร์ เพื่อกระจายความเสี่ยงจากสกุลเงิน fiat และเสริมความแข็งแกร่งให้งบดุล
Ståle Rodahl ซีอีโอของบริษัทระบุว่า บิทคอยน์ เป็น “ทางเลือกที่เหมาะสม” สำหรับองค์กรที่มองไกลและต้องการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ พร้อมเตรียมเริ่มลงทุนเร็ว ๆ นี้ โดยร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อสร้างระบบจัดการสินทรัพย์ที่โปร่งใสและปลอดภัย
VanEck เตือน: กลยุทธ์ถือบิทคอยน์ของบริษัทอาจย้อนมาทำร้ายผู้ถือหุ้น!
Matthew Sigel ผอ.ฝ่ายวิจัยสินทรัพย์ดิจิทัลของ VanEck เตือนว่าการสะสมบิทคอยน์เพื่อบริหารเงินสด อาจส่งผลลบต่อผู้ถือหุ้นในระยะยาว มากกว่าจะสร้างประโยชน์
เขาวิจารณ์การใช้กลยุทธ์เพิ่มทุนแบบ ATM (At-the-Market) โดยชี้ว่าหากราคาหุ้นใกล้เคียงกับมูลค่าสินทรัพย์สุทธิ (NAV) ที่ถือเป็น BTC ก็อาจทำให้เกิดความเสี่ยงในการลดมูลค่าหุ้นได้
นาย Matthew Sigel แนะนำให้ระงับโครงการ ATM หากราคาหุ้นต่ำกว่า 0.95 เท่าของ NAV ต่อเนื่อง 10 วัน เพื่อหลีกเลี่ยงการสูญเสียมูลค่า
นอกจากนี้ เขายังเปรียบเทียบสถานการณ์นี้กับความล้มเหลวที่เคยเกิดขึ้นในอุตสาหกรรมการขุดคริปโตอีกด้วย โดยกล่าวถึงปัญหาการลดมูลค่าหุ้นที่มากเกินไปและค่าตอบแทนผู้บริหารที่สูงเกินควร ซึ่งได้สร้างความเสียหายร้ายแรงต่อผู้ถือ
หนึ่งในตัวอย่างคือ Semler Scientific ที่แม้จะถือครอง Bitcoin ได้ถึง 3,808 BTC แต่ราคาหุ้นร่วงกว่า 45% และมูลค่าสุทธิที่อิงตลาด (mNAV) ลดเหลือแค่ 0.82 เท่า
Metaplanet และบริษัทอื่นๆ ยังเดินหน้าสะสม “บิทคอยน์” ต่อเนื่อง
แม้จะมีคำเตือนจากนักวิเคราะห์ แต่กระแสการเข้าซื้อบิทคอยน์ของบริษัทต่างๆ ยังคงดำเนินต่อไป
Metaplanet บริษัทด้านการลงทุนของญี่ปุ่น กำลังดำเนินตามแผน “555 Million Plan” โดยระดมทุนได้แล้วกว่า 517 ล้านดอลลาร์ในเฟสแรก โดยมีวัตุประสงค์เพื่อใช้ซื้อบิทคอยน์ให้ได้ถึง 210,000 BTC ภายในปี 2027 ซึ่งเทียบเท่ากับ 1% ของอุปทานบิทคอยน์ทั้งหมด โดยมีเป้าหมายที่จะเป็นเหมือน MicroStrategy แห่งภูมิภาคเอเชีย
นอกจากนี้ ยังมีบริษัทอื่นๆ ที่เดินหน้าสะสมบิทคอยน์อย่างต่อเนื่อง เช่น MicroStrategy ที่ยังคงเป็นผู้นำในการถือครอง BTC, Green Minerals AS ของนอร์เวย์ที่ประกาศแผนลงทุน 1.2 พันล้านดอลลาร์ในบิทคอยน์ และบริษัทอสังหาริมทรัพย์ของ Grant Cardone ที่เริ่มเข้าซื้อบิทคอยน์เป็นครั้งแรก แสดงให้เห็นว่านี่คือเทรนด์ที่กำลังแพร่หลายในระดับโลก
สรุป: สมรภูมิกลยุทธ์คลังบิทคอยน์ โอกาสหรือความเสี่ยง?
การที่บริษัทต่างๆ หันมาใช้บิทคอยน์เป็นสินทรัพย์สำรองได้สร้างสมรภูมิทางความคิดระหว่างฝ่ายที่มองเห็นโอกาสในการป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและสร้างการเติบโต กับฝ่ายที่กังวลถึงความเสี่ยงต่อมูลค่าของผู้ถือหุ้น
กรณีของ ProCap, Metaplanet และ MicroStrategy แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าในอนาคตของบิทคอยน์ ในขณะที่คำเตือนจาก VanEck ก็เป็นสิ่งที่นักลงทุนไม่อาจมองข้ามได้ ท้ายที่สุดแล้ว ความสำเร็จของกลยุทธ์นี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับราคาของบิทคอยน์เพียงอย่างเดียว แต่ยังขึ้นอยู่กับวิธีการระดมทุนและสภาวะของตลาดหุ้นด้วย ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนต้องจับตาอย่างใกล้ชิดต่อไป





