หลายบริษัทแห่ซื้อ Bitcoin ตาม MicroStrategy หวังดันราคาหุ้น

จากที่คริปโตเคยถูกปิดกั้นจากสถาบันอย่างธนาคารในยุคสมัยของอดีตประธานาธิบดี Biden ตอนนี้ Bitcoin กลับกลายเป็นทางเลือการเงินสมัยใหม่ และเป็นเครื่องมือใหม่ที่บริษัทหลายแห่งทั่วโลกนำมาใช้เพื่อกระตุ้นราคาหุ้นของตนเอง

โดยเป็นการเลียนแบบกลยุทธ์ของ MicroStrategy บริษัทซอฟต์แวร์ที่หันมาสะสม BTC อย่างจริงจัง ซึ่งขณะนี้ได้ทำการรีแบรนด์และเปลี่ยนชื่อเป็น Strategy™ แล้ว

MicroStrategy กับกลยุทธ์การลงทุน Bitcoin ระยะยาว

MicroStrategy หรือ Strategy ได้วางกลยุทธ์การลงทุนใน BTC เป็นสินทรัพย์สำรองระยะยาวของบริษัทมาโดยตลอด

Michael Saylor ผู้ก่อตั้งและประธานบริษัทเชื่อมั่นว่าบิทคอยน์เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และสามารถป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อได้

Michael ได้เอาบิทคอยน์มาเป็นสินทรัพย์สำรองหลักของบริษัท และมีการซื้อบิทคอยน์อย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2020 โดยเชื่อว่ามูลค่าของ BTC จะยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป

การซื้อ Bitcoin เหล่านี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนกลยุทธ์ระยะยาวที่บริษัทตั้งเป้าลงทุน $4.2 หมื่นล้าน ภายในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้า โดยในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา Strategy ได้ยื่นเอกสารเพื่อระดมทุน $2.1 หมื่นล้าน ผ่านการออกหุ้นทุนและ $2.1 หมื่นล้าน ผ่านตราสารหนี้ ซึ่งบริษัทเรียกแผนนี้ว่า “21/21 Plan”

ในช่วงสิ้นเดือนมกราคมที่ผ่านมา Strategy ยังได้ยื่นเอกสารเพื่อระดมทุนเพิ่มเติมอีกประมาณ $563.4 ล้าน เพื่อนําไปใช้สําหรับการซื้อ Bitcoin ผ่านการเสนอขายหุ้น perpetual strike preferred stock บริษัทมีแผนที่จะเสนอขายหุ้นจํานวน 7.3 ล้านหุ้น (investors.com)

โดยหุ้นดังกล่าวจะมีอัตราผลตอบแทน 8% แบบสะสมต่อปี (8% cumulative dividend) หุ้นเหล่านี้จะเสนอขายในราคา $80 ต่อหุ้น และถูกจดทะเบียนใน Nasdaq ภายใต้สัญลักษณ์ STRK ตั้งแต่วันที่ 5 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา

การที่ Strategy ยังคงเดินหน้าสะสมบิทคอยน์อย่างต่อเนื่อง แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในอนาคตของสินทรัพย์ แม้ว่าราคาจะมีความผันผวนบ้างในระยะสั้น

เลียนแบบ Strategy: เทรนด์ใหม่ในตลาดทุน

ความสำเร็จของ Strategy ทำให้บริษัทอื่นๆ เริ่มหันมาสนใจกลยุทธ์นี้มากขึ้น Mark Palmer นักวิเคราะห์จาก The Benchmark Company กล่าวว่า “ความสำเร็จสร้างผู้เลียนแบบ” บริษัทที่ราคาหุ้นไม่เติบโต เนื่องจากรูปแบบธุรกิจไม่น่าสนใจในสายตานักลงทุน จึงเลือกที่จะหันมาทำตาม MicroStrategy กัน

ตามรายงานจาก Financial Times บริษัทต่างๆ ทั่วโลกกำลังหันมาซื้อ Bitcoin เพื่อเก็บไว้ในคลังสำรองของบริษัท แทนที่จะถือเงินสด โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับราคาหุ้นของตนเอง ข้อมูลจาก Coinkite บริษัทรักษาความปลอดภัยคริปโต ระบุว่ามีบริษัทจดทะเบียนถึง 78 แห่งทั่วโลกที่ทำตาม Strategy ซึ่งรวมถึงบริษัทเวชภัณฑ์และบริษัทโฆษณา

บริษัทใดบ้างที่กำลังกระโดดเข้าสู่ตลาด BTC?

KULR Technology บริษัทขนาดเล็กของสหรัฐฯ ที่ผลิตภัณฑ์จัดการพลังงานความร้อนถูกใช้โดย NASA และกองทัพเรือสหรัฐฯ ประกาศในเดือนธันวาคมว่าจะทำตามโมเดลของ Strategy

Michael Mo ผู้เป็น CEO ของ KULR กล่าวว่า “นี่คือแรงบันดาลใจจาก Michael Saylor อย่างแน่นอน” เขาวางแผนที่จะใช้เงินสดส่วนเกินของบริษัทมากถึง 90% เพื่อซื้อบิทคอยน์

โดย KULR ได้ซื้อไปแล้ว 510 เหรียญ (คิดเป็นมูลค่าประมาณ 51 ล้านดอลลาร์) และปรากฏว่าหุ้นของบริษัทเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่าตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม และยังคงเพิ่มขึ้นประมาณ 50% นับตั้งแต่ประกาศว่าจะซื้อ Bitcoin

อย่างไรก็ตาม Michael Mo ยอมรับว่ากลยุทธ์นี้ก็มีความเสี่ยงอยู่ เขากล่าวว่า “มันเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนอย่างแน่นอน” แต่ก็เชื่อว่าบริษัทสามารถรับมือกับความผันผวนนี้ได้ เนื่องจากไม่ได้ใช้หนี้ในการซื้อนั่นเอง

Semler Scientific บริษัทตรวจจับโรคเรื้อรัง กล่าวว่าได้ซื้อ BTC จำนวน 871 เหรียญ (มูลค่า 88.5 ล้านดอลลาร์) โดยใช้เงินจากหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกในเดือนมกราคม

และเช่นเดียวกับ KULR ผลคือหุ้นของบริษัท Semler Scientific พุ่งขึ้นประมาณ 120% ตั้งแต่เริ่มใช้คริปโตเคอร์เรนซีเป็น “สินทรัพย์คลังหลัก”

นอกจากนี้ Metaplanet บริษัทญี่ปุ่นที่เปลี่ยนจากการพัฒนาโรงแรมมาเป็น “บริษัทคลังบิทคอยน์” ก็ได้รับผลตอบแทนเป็นราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นกว่า 2,000% เช่นกัน

สรุปได้ว่า การที่บริษัทต่างๆ หันมาซื้อ BTC เพื่อดันราคาหุ้น ถือเป็นเทรนด์ใหม่ที่น่าจับตา อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรพิจารณาถึงความเสี่ยงและความผันผวนของสินทรัพย์ก่อนตัดสินใจลงทุนในบริษัทเหล่านี้

ปัจจัยเบื้องหลังการพุ่งทะยานของราคาบิทคอยน์

การที่ราคา BTC พุ่งสูงขึ้นนั้นมีปัจจัยหลายอย่างที่เข้ามาเกี่ยวข้อง นอกเหนือจากการลงทุนของ Strategy แล้ว ความต้องการที่เพิ่มขึ้นจากนักลงทุนสถาบัน การยอมรับบิทคอยน์ในวงกว้างมากขึ้น และความคาดหวังเกี่ยวกับการอนุมัติ Bitcoin ETF ก็มีส่วนสำคัญในการผลักดันราคาเหรียญให้สูงขึ้น

นอกจากนี้ สภาวะเศรษฐกิจโลกที่ไม่แน่นอน และความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ ก็เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ BTC กลายเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจสำหรับนักลงทุนที่ต้องการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง