14 เจ้าของธุรกิจคริปโต ติดอยู่ใน 30 รายชื่อผู้นำรุ่นใหม่ ในการจัดอันดับของ Forbes
ในที่สุดธุรกิจเกี่ยวกับคริปโตเคอร์เรนซีก็สามารถกลับขึ้นมาอยู่ในแนวหน้าได้อีกครั้งหนึ่ง ด้วยการครอบครองตำแหน่งเกือบหนึ่งในสามของธุรกิจที่น่าจับตามองในหมวดการเงินโดยการจัดอันดับของ Forbes “30 Under 30” สำหรับปี 2025
โดยเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม Forbes ได้มีการเปิดเผยรายชื่อเจ้าของธุรกิจที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีผลงานโดดเด่นในภูมิภาคอเมริกาเหนือ และจากผู้ที่ได้รับการยกย่องทั้ง 30 คน มีผู้ก่อตั้งถึง 14 คนที่มาจากบริษัทที่เกี่ยวข้องกับคริปโตและบล็อกเชน ซึ่งประกอบด้วยผู้ก่อตั้งชาย 10 คน และผู้ก่อตั้งหญิงอีก 4 คน
14 เจ้าของธุรกิจคริปโต ที่ได้รับการยกย่อง
โดยต่อไปนี้จะเป็นการแสดงรายชื่อผู้นำธุรกิจที่เกี่ยวกับคริปโต ทั้ง 14 คน ที่ได้รับการยกย่องจาก Forbes ว่าเป็นผู้นำธุรกิจรุ่นใหม่ที่มีผลงานโดดเด่นในภูมิภาคอเมริกาเหนือ:
- Shayne Coplan (26 ปี) – ผู้ก่อตั้งแพลตฟอร์มการเดิมพันแบบกระจายอำนาจ Polymarket ที่มีชื่อเสียงจากการทำนายผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเคยถูก FBI บุกค้น
- Kaledora Kiernan-Linna – ผู้ร่วมก่อตั้ง Ostium Labs ในวงการ decentralized exchange (DEX)
- Marco Antonio Ribeiro – ผู้ร่วมก่อตั้ง Ostium Labs ร่วมกับ Kaledora
- Sunny Aggarwal – ผู้ร่วมก่อตั้ง Osmosis ในโลกของ DEX
- Dev Ojha – หุ้นส่วนของ Sunny Aggarwal ในการสร้าง Osmosis
- Cindy Leow – ผู้ร่วมก่อตั้ง Drift Labs และตัวแทนของชุมชน DEX
- Soroush Ghodsi Boushehri – หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Cortex Labs ที่พัฒนาบล็อกเชนสำหรับปัญญาประดิษฐ์
- Stefan Stokic – ผู้ก่อตั้ง Cortex Labs อีกคน
- Jake Sylvestre – ผู้ก่อตั้ง Cortex Labs คนที่สาม
- Tux Pacific – ผู้ก่อตั้ง Entropy ที่มีชื่อเสียงจากการพัฒนา AI agents บนบล็อกเชน
- Austin King – ผู้ร่วมก่อตั้ง Omni Network ที่พัฒนาโปรโตคอล Multichain แบบกระจายศูนย์
- Tyler Tarsi – ผู้ร่วมก่อตั้ง Omni Network ร่วมกับ Austin King
- Jason Zhao – ตัวแทนจาก Story ที่ทำงานด้านโทเค็นสำหรับทรัพย์สินทางปัญญา
- Uma Roy – ผู้พัฒนาจาก Succinct ที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี zero-knowledge proof
การเปลี่ยนแปลงต่อธุรกิจคริปโตหลังจากนี้
ทั้งนี้ เจ้าของธุรกิจคริปโต หลายรายมองว่าการบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับ Cryptocurrency ในสหรัฐฯ อาจผ่อนคลายลง ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันที่กำลังจะมาถึง Donald Trump โดยคาดว่าลำดับความสำคัญในการกำกับดูแลจะมีการเปลี่ยนแปลง
ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่งานสัมมนากฎหมายในนิวยอร์ก ทนายความระดับสูงทั้งในปัจจุบันและอดีตจากรัฐบาลเปิดเผยว่า แม้ว่าการดำเนินคดีที่เกี่ยวกับการฉ้อโกงทางการเงินจะยังคงดำเนินต่อไป แต่ประเด็นที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ จะให้ความสำคัญมากขึ้นน่าจะเป็นการบังคับใช้กฎหมายด้านการตรวจคนเข้าเมืองมากกว่า
นอกจากนี้ Scott Hartman ซึ่งเป็นหัวหน้าร่วมของหน่วยงาน securities and commodities task force ใน U.S. Attorney’s Office ที่แมนฮัตตัน ได้เผยว่าทรัพยากรที่จะใช้ในการตรวจสอบอาชญากรรมทางด้านคริปโตเคอร์เรนซีจะถูกจัดสรรให้น้อยลง