เจาะลึก GENIUS Act กฎหมาย Stablecoin คืออะไร?
วงการคริปโตกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ หลังจากวุฒิสภาสหรัฐฯ ได้ลงมติผ่านร่างกฎหมาย GENIUS Act ด้วยคะแนน 63-30 เสียง เพื่อสร้างกรอบการกำกับดูแล Stablecoin อย่างเป็นทางการ นับเป็นก้าวสำคัญที่อาจเปลี่ยนโฉมหน้าของอุตสาหกรรมการเงินดิจิทัลไปตลอดกาล โดยมีบุคคลสำคัญอย่าง Donald Trump เข้ามามีบทบาทสำคัญในเรื่องนี้
🚨NEW: A message from the President to the House following the Senate’s passage of the GENIUS Act:
“Get it to my desk ASAP — NO DELAYS, NO ADD ONS.” pic.twitter.com/LMJGKGdbyT
— Eleanor Terrett (@EleanorTerrett) June 19, 2025
เจาะลึก GENIUS Act กฎหมาย Stablecoin คืออะไร?
GENIUS Act หรือชื่อเต็มคือ Guiding and Establishing National Innovation for US Stablecoins เป็นกฎหมายที่ออกแบบมาเพื่อวางแนวทางและข้อกำหนดที่ชัดเจนสำหรับผู้ออกและใช้งาน Stablecoin ในสหรัฐอเมริกา สาระสำคัญของกฎหมายฉบับนี้คือการสร้างความเชื่อมั่นและเสถียรภาพให้กับตลาด
ข้อบังคับหลักภายใต้ GENIUS Act กำหนดให้ผู้ออก Stablecoin ต้องมีสินทรัพย์ปลอดภัยสำรองในอัตราส่วน 1:1 ซึ่งจำกัดเฉพาะเงินสด, กองทุนตลาดเงินของรัฐบาล และสินทรัพย์สภาพคล่องสูงอื่นๆ นอกจากนี้ยังต้องเปิดเผยรายงานเงินสำรองทุกเดือน และปฏิบัติตามกฎหมายต่อต้านการฟอกเงิน (AML) อย่างเคร่งครัด สำหรับผู้ออกที่มีมูลค่าตลาดเกิน 50,000 ล้านดอลลาร์ จะต้องส่งงบการเงินที่ผ่านการตรวจสอบประจำปี เพื่อสร้างความโปร่งใสสูงสุด
ทำไม Stablecoin ถึงสำคัญ และ GENIUS Act จะปลดล็อกอะไร?
Stablecoin คือสกุลเงินดิจิทัลประเภทหนึ่งที่ถูกออกแบบมาให้มีมูลค่าคงที่ โดยผูกกับสกุลเงินทั่วไป (Fiat Currency) เช่น ดอลลาร์สหรัฐฯ เหรียญที่ใหญ่ที่สุดอย่าง Tether (USDT) และ USD Coin (USDC) จะมีเงินสดหรือสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสดหนุนหลังในอัตรา 1:1
ความโดดเด่นของ Stablecoin คือ ‘เสถียรภาพด้านราคา’ ซึ่งแตกต่างจากคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ เช่น Bitcoin ที่มีความผันผวนสูง ทำให้มันเหมาะกับการทำธุรกรรมในชีวิตประจำวัน, การชำระเงินทางดิจิทัล และเป็นสะพานเชื่อมในการแปลงคริปโตเป็นเงิน Fiat ได้อย่างสะดวก การมีกฎหมาย GENIUS Act เข้ามารองรับ จะช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและเปิดทางให้บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่และสถาบันการเงินเข้ามาในตลาดนี้มากขึ้น
ศักยภาพของ Stablecoin นั้นถูกมองว่าอาจเป็นนวัตกรรมที่ยิ่งใหญ่ โดยผู้บริหารระดับสูงในวงการเชื่อว่า Stablecoin อาจพลิกโฉมโลกการเงินได้ เหมือนที่ iPhone เคยทำมาแล้วในอดีต
บทบาทของ Donald Trump และการยอมรับจากบริษัทยักษ์ใหญ่
Donald Trump ได้แสดงจุดยืนสนับสนุนคริปโตอย่างชัดเจนมาโดยตลอด และมีความเชื่อมโยงโดยตรงกับวงการ Stablecoin ผ่านบริษัท World Liberty Financial ที่ได้รับการสนับสนุนจากเขาและบุตรชาย ซึ่งได้เปิดตัวเหรียญ USD1 Stablecoin ไปเมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา นอกจากนี้ Mark Cuban ยังตั้งข้อสังเกตว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของ Trump อาจมีกระเป๋าเงินคริปโต (Crypto Wallet) ในตัวสำหรับเหรียญมีม $Trump และ USD1
ขณะเดียวกัน บริษัทยักษ์ใหญ่ใน S&P 500 อย่าง Meta และ Walmart ก็ประกาศแผนศึกษาการใช้ Stablecoin เพื่อลดความซับซ้อนและค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม ส่วนผู้ให้บริการชำระเงินระดับโลกอย่าง Mastercard และ Visa ก็ได้ผสาน Stablecoin เข้ากับระบบของตนเองมาหลายปีแล้ว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มการยอมรับในวงกว้าง
การที่บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำหันมาสนใจ Stablecoin มากขึ้นนี้เอง ที่ถูกมองว่าเป็นสัญญาณบวกต่อตลาดคริปโตโดยรวม และนำไปสู่การคาดการณ์ว่า ราคา BTC อาจพุ่งแตะ 250,000 ดอลลาร์ ในอนาคต
นอกเหนือจากบริษัทที่กล่าวมา อีกหนึ่งบุคคลสำคัญอย่าง Elon Musk ก็เป็นที่จับตามองเช่นกัน โดยมีการคาดการณ์ว่า Elon Musk อาจนำระบบคริปโตมาใช้กับ X ซึ่งอาจเป็นได้ทั้ง BTC, DOGE หรือเหรียญประเภทอื่น
วิเคราะห์ผลกระทบของ GENIUS Act ต่อดอลล่าร์และตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ
Senator Bill Hagerty ได้กล่าวใน X ว่าร่างกฎหมายนี้ผ่านสภานิติบัญญัติสหรัฐด้วยคะแนน 68-30 เสียง และมีเป้าหมายในการปกป้องผู้บริโภค ส่งเสริมความต้องการพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และรับประกันว่าการพัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัลจะเกิดขึ้นภายในสหรัฐอเมริกา ไม่ใช่ต่างประเทศ การผ่านร่างกฎหมายนี้ถือเป็นก้าวสำคัญ
เนื่องจาก Stablecoin ส่วนใหญ่ต้องใช้เงินสดและสินทรัพย์เทียบเท่าเงินสดในการค้ำประกัน การเติบโตของตลาด Stablecoin ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นหลังกฎหมาย GENIUS Act มีผลบังคับใช้ อาจส่งผลให้ความต้องการพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ (US Treasurys) เพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
The GENIUS Act will cement U.S. dollar dominance, protect customers, drive demand for U.S. Treasuries, & ensure that digital asset innovation happens in the U.S., not overseas.
With this bill, we are one step closer to becoming the global leader in crypto.
Let’s get this done. pic.twitter.com/EnKNM5fFjP
— Senator Bill Hagerty (@SenatorHagerty) June 17, 2025
เนื่องจากเป็นกฎหมายด้านสินทรัพย์ดิจิทัลฉบับแรกที่ผ่านสภา และสะท้อนถึงความพยายามข้ามพรรคการเมืองในการบูรณาการสกุลเงินดิจิทัลเข้ากับระบบการเงินหลัก พร้อมทั้งจัดการกับความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพและความปลอดภัย ร่างกฎหมายเน้นย้ำถึงอิทธิพลของดอลลาร์สหรัฐและศักยภาพของสกุลเงินดิจิทัลที่อาจเติบโตเป็นตลาดมูลค่า 3.7 ล้านล้านดอลลาร์ภายในสิ้นทศวรรษนี้ ซึ่งจะช่วยเสริมตำแหน่งทางการเงินของสหรัฐฯ และลดต้นทุนการกู้ยืมของรัฐบาล ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับผลประโยชน์ทับซ้อนและความเพียงพอของกฎระเบียบ.
Bank of America คาดการณ์ว่า ทุกๆ 1 ดอลลาร์ที่ไหลออกจากธนาคารแบบดั้งเดิมไปสู่ Stablecoin จะสร้างอุปสงค์ต่อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นถึง 0.90 ดอลลาร์ สถานการณ์นี้อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของเส้นอัตราผลตอบแทน (Yield Curve) และเพิ่มความผันผวนในตลาดพันธบัตรได้ ซึ่งเป็นประเด็นที่นักลงทุนต้องจับตามองอย่างใกล้ชิด
ในขณะที่สหรัฐฯ กำลังวางรากฐานด้านกฎระเบียบ ประเทศไทยเองก็มีการเคลื่อนไหวที่น่าสนใจเพื่อส่งเสริมตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลเช่นกัน โดยล่าสุดรัฐบาลได้ประกาศ มาตรการยกเว้นภาษีสำหรับการเทรดคริปโต ซึ่งเป็นปัจจัยบวกสำหรับนักลงทุนในประเทศ
สรุป: GENIUS Act และ Trump พลิกโฉมอนาคตการเงินดิจิทัล
การผ่านร่างกฎหมาย GENIUS Act ถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่สร้างความชัดเจนและเพิ่มความชอบธรรมให้กับตลาด Stablecoin การสนับสนุนจากบุคคลที่มีอิทธิพลอย่าง Donald Trump ประกอบกับการยอมรับจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ ยิ่งตอกย้ำว่าสินทรัพย์ดิจิทัลกำลังก้าวเข้าสู่กระแสหลัก กฎหมายฉบับนี้ไม่เพียงแต่จะส่งผลดีต่อเสถียรภาพของตลาดคริปโต แต่ยังอาจเป็นตัวเร่งให้เกิดการยอมรับในวงกว้างและเปลี่ยนแปลงภูมิทัศน์ทางการเงินของโลกในอนาคต