BTC อาจแตะ $250K – ขณะที่บริษัท Tech เริ่มสนใจ Stablecoins

Bitcoin (BTC) อาจแตะ 250,000 ดอลลาร์ Charles Hoskinson เชื่อว่าตลาดคริปโตอาจเติบโตจากการที่บริษัทใหญ่หันมาสนใจ ประกอบกับกรอบกฎหมายที่จะชัดเจนขึ้น
Charles Hoskinson ผู้ก่อตั้งบล็อกเชน Cardano (Ada) ระบุว่าความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจระดับโลกที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงกฎหมายคริปโตเคอเรนซีในสหรัฐฯ ที่กำลังจะถูกบังคับใช้ อาจกระตุ้นให้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีหันมาใช้ Stablecoins มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ระบบแบบกระจายศูนย์ (Decentralized Systems) มีความน่าสนใจยิ่งขึ้น
Hoskinson คาดการณ์ว่าแนวโน้มราคา BTC อาจพุ่งขึ้นสูงถึง $250,000 ได้ภายในสิ้นปีนี้ หรือไม่ก็ปี 2026 โดยมุมมองของเขามาจากความเชื่อที่ว่าบริษัทใหญ่ๆ จะเปิดรับเทคโนโลยีคริปโตมากขึ้น พร้อมกรอบกฎหมายที่ชัดเจนขึ้น และจะเป็นตัวกระตุ้นการเติบโตครั้งสำคัญของตลาดคริปโต
ในการให้สัมภาษณ์กับ CNBC ในรายการ “Beyond the Valley” เขายังกล่าวถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคที่นักลงทุนอาจจะต้องปรับตัว เช่น ความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ และการเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าของสหรัฐฯ เขายังเสริมว่า เมื่อเศรษฐกิจเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ลดอัตราดอกเบี้ยลง จะมีเม็ดเงินจำนวนมากไหลกลับเข้าสู่สินทรัพย์ดิจิทัล
“ตลาดจะเริ่มนิ่งขึ้น ผู้คนจะปรับตัวกับสภาพแวดล้อมใหม่ได้ จากนั้น Fed จะลดดอกเบี้ยลง แล้วเงินทุนมหาศาลก็จะหลั่งไหลเข้าสู่คริปโต” Hoskinson กล่าว
Hoskinson มองบวก แม้ตลาด BTC ผันผวนและราคาคริปโตแกว่งตัวแรง
ความคิดเห็นของ Hoskinson เกิดขึ้นก่อนที่ประธานาธิบดี Donald Trump จะประกาศพักการกำหนดขึ้นภาษีรอบใหม่ในระดับโลก ซึ่งการตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากตลาดหุ้นและตลาดคริปโตเผชิญความผันผวนในช่วงหลายวันก่อนหน้า
ในสัปดาห์นั้นราคา BTC ร่วงลงไปต่ำกว่า $77,000 ก่อนที่จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาอยู่เหนือ $82,000 หลังการประกาศดังกล่าว ถึงแม้จะมีการฟื้นตัว แต่ราคาของ Bitcoin ก็ยังคงห่างไกลจากจุดสูงสุดที่เคยทำไว้เหนือ $100,000 เมื่อเดือนมกราคม
Hoskinson ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum และปัจจุบันเป็นผู้นำ Input Output ได้ชี้ให้เห็นปัจจัยหลายประการที่ทำให้เขายังคงมองตลาดในแง่บวก หนึ่งในนั้นคือจำนวนผู้ใช้งานคริปโตที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยข้อมูลจาก Crypto.com ระบุว่าจำนวนผู้ถือครองคริปโตเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า ทำให้ในปี 2024 มีผู้ถือครองคริปโตสูงถึง 659 ล้านคน
Hoskinson คาด บริษัท Tech ยักษ์ใหญ่จะหันมารองรับ Stablecoins สำหรับชำระเงินทั่วโลก
Hoskinson ยังให้ความเห็นว่าความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจและการเมืองระดับโลก กำลังผลักดันให้ประเทศต่าง ๆ หันหลังให้กับระบบการเงินแบบดั้งเดิม และหันมาใช้ระบบแบบกระจายศูนย์แทน
“ถ้ารัสเซียต้องการบุกยูเครน มันก็จะเกิดขึ้น หรือถ้าจีนต้องการบุกไต้หวัน ก็ไม่มีอะไรหยุดยั้งได้ ดังนั้นสนธิสัญญาระหว่างประเทศอาจไม่สามารถใช้ได้ผลดีนัก และธุรกิจระดับโลกก็อาจทำงานได้ยากขึ้น ดังนั้นทางเลือกเดียวสำหรับโลกาภิวัตน์ก็คือคริปโต” Hoskinson กล่าว
ในขณะเดียวกัน ความพยายามทางกฎหมายในสหรัฐฯ อาจเป็นอีกปัจจัยสำคัญ Hoskinson คาดการณ์ว่า ร่างกฎหมายเกี่ยวกับ Stablecoins และโครงสร้างตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลจะผ่านการพิจารณาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งกฎหมายเหล่านี้อาจช่วยสร้างความชัดเจนให้กับนักลงทุน และเปิดทางไปสู่การยอมรับในวงกว้าง
Hoskinson ยังเชื่อว่าบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Apple, Microsoft และ Amazon ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่เรียกว่า “Magnificent 7” อาจเริ่มนำ Stablecoins มาใช้ในระบบ เช่น การชำระเงินข้ามพรมแดน หรือการทำธุรกรรมขนาดเล็ก ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ
แม้ว่าเขาคาดการณ์ว่าตลาดคริปโตอาจจะยังไม่คึกคักในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้า แต่เขาก็มองเห็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในช่วงปลายปีนี้ แถมยังคาดว่าจะมีความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคมหรือกันยายน และกระแสดังกล่าวอาจดำเนินต่อไปจนถึงปี 2026
โดยสรุปแล้ว Charles Hoskinson คาดการณ์ว่า Bitcoin จะพุ่งสูงถึง 250,000 ดอลลาร์ โดยได้แรงหนุนจากความสนใจของบริษัทเทคโนโลยีและการมีกฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้น แม้ตลาดจะมีความผันผวน แต่เขายังคงมองในแง่ดี โดยเชื่อว่าความไม่แน่นอนทั่วโลกและการยอมรับที่เพิ่มขึ้นจะเป็นปัจจัยสำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโต






