บิทคอยน์ ซ้ำรอยโควิด-เงินเยนทรุด? ตอนนี้น่าช้อนไหม?

บิทคอยน์ (BTC) ยังคงเผชิญกับพายุลูกล่าสุดจากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอล ส่งผลให้ราคาร่วงลงกว่า 7% จากจุดสูงสุดรอบล่าสุดที่ $108,652 และตอนนี้ได้อยู่ในระดับ $103,500 แล้ว ทำให้นักลงทุนทั่วโลกต่างจับตาว่านี่คือสัญญาณการปรับฐานเพื่อไปต่อ หรือเป็นจุดเริ่มต้นของขาลงครั้งใหม่กันแน่
บิทคอยน์ ซ้ำรอยประวัติศาสตร์: วิกฤตคือโอกาส?
บิทคอยน์กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ล่าสุด โดยราคาปรับตัวลดลง 7% จากจุดสูงสุดรอบล่าสุดที่ $108,652 ซึ่งเป็นผลพวงจากความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างอิสราเอลและอิหร่าน
อย่างไรก็ตาม แม้จะเจอกับความไม่แน่นอน ราคาบิทคอยน์ยังคงสามารถยืนเหนือระดับ $100,000 ได้อย่างแข็งแกร่ง ซึ่งอาจสะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มองไปถึงโอกาสในการฟื้นตัวมากกว่าการล่มสลายของราคา
เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับตลาดคริปโต โดยมักเกิดปรากฏการณ์การเทขายอย่างตื่นตระหนก ก่อนที่จะมีการสะสมเหรียญเพิ่มขึ้นในภายหลัง ซึ่งเป็นรูปแบบที่ผู้เชี่ยวชาญในตลาดเคยพบเห็นมาแล้ว
นอกจากความขัดแย้งในตะวันออกกลาง นักลงทุนยังจับตามองสถานการณ์ในสหรัฐอเมริกาอย่างใกล้ชิด ซึ่งในอีกไม่กี่วันข้างหน้า ประธานาธิบดี Donald Trump อาจมีการตัดสินใจเกี่ยวกับการดำเนินการของสหรัฐฯ ที่อาจส่งผลต่อภาพรวมของตลาด
ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ ราคา BTC ยังคงแสดงความผันผวน แต่ก็ยังไม่เสียสมดุล โดยล่าสุด ราคาขยับลงไปที่ $103,000-$104,000 แล้ว ซึ่งลดลงราว 1.25% ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา
การเทขายครั้งประวัติศาสตร์ =โอกาสในการซื้อ?
เมื่อย้อนดูประวัติศาสตร์ บิทคอยน์ มักมีแนวโน้มที่จะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงในช่วงวิกฤติ ก่อนที่จะฟื้นตัวและทำกำไรได้อย่างมหาศาลในเวลาต่อมา ตัวอย่างที่ชัดเจนคือในช่วงเดือนมีนาคม 2020 ซึ่งเป็นช่วงที่เกิดความตื่นตระหนกจาก COVID19 ที่ราคาบิทคอยน์ร่วงลงถึง 63% เหลือเพียงต่ำกว่า $4,000 แต่หลังจากนั้นกลับพุ่งขึ้นมากกว่า 1,700% ไปแตะระดับสูงสุดที่ $65,000 ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี
เหตุการณ์ในลักษณะเดียวกันนี้เกิดขึ้นอีกครั้งในปลายปี 2023 เมื่อการเทขายที่เกี่ยวข้องกับ Yen carry trade ทำให้ราคาบิทคอยน์ลดลง 30% แต่ไม่นานก็ฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้ 124% ในเวลาต่อมา
สำหรับการปรับตัวลดลง 7% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งมีสาเหตุมาจากความกังวลต่อความตึงเครียดระหว่างอิหร่านและอิสราเอล นักวิเคราะห์มองว่าสถานการณ์เช่นนี้มีความคล้ายคลึงกับเหตุการณ์ในอดีต โดยเชื่อว่าการลดลงในลักษณะนี้มักเป็นโอกาสสำคัญสำหรับนักลงทุนระยะยาวและสถาบันที่ต้องการสะสมสินทรัพย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจโลกยังไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ
ตัวอย่างการฟื้นตัวในอดีต:
- มีนาคม 2020: ราคาบิทคอยน์ร่วงลงถึง $3,800 → ฟื้นตัวไปถึง $65,000 (+1,700%)
- ตุลาคม 2023: ราคาบิทคอยน์ลดลง 30% → กลับมาทำจุดสูงสุดใหม่ที่ $108,652 (+124%)
- มิถุนายน 2025: การปรับตัวลง 7% ในปัจจุบัน → มีแนวโน้มที่จะกลับตัวอีกครั้ง?
หากประวัติศาสตร์ยังคงเป็นตัวชี้นำ นักลงทุนอาจกำลังเผชิญกับการปรับฐานที่เกิดจากความกลัวในระยะสั้นๆ ซึ่งไม่น่าจะเป็นการเปลี่ยนแปลงแนวโน้มในระยะยาวแต่อย่างใด
บิทคอยน์ กับสัญญาณทางเทคนิค
ในเชิงเทคนิค ราคาบิทคอยน์จำเป็นต้องทะลุระดับ Fibonacci สำคัญที่ $106,886 ให้ได้ก่อน เพื่อยืนยันแนวโน้มขาขึ้น
โดยก่อนหน้านี้ ราคาบิทคอยน์ได้ฟื้นตัวจากแนวรับที่ $104,800 อย่างมีนัยสำคัญ และกลับมายืนเหนือเส้นค่าเฉลี่ย EMA 50 ช่วงเวลา ที่ระดับ $105,254 ซึ่งบ่งชี้ว่ากลุ่มผู้ซื้อเริ่มกลับเข้าสู่ตลาดอีกครั้ง แต่แล้วก็ผันผวนและลดลงไปต่ำกว่า $104,000 อีกครั้ง

ขณะเดียวกัน ดัชนี MACD ก็ได้ตัดขึ้นในทิศทางบวก ซึ่งเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงโมเมนตัมในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม หากบิทคอยน์ต้องการทะลุแนวต้านและสร้างโมเมนตัมที่ชัดเจนขึ้น จำเป็นต้อง:
- ปิดราคาสูงกว่า $106,886 เพื่อหลุดจากโครงสร้างแนวโน้มขาลง
- ทะลุเส้นแนวโน้มที่ $107,000 เพื่อเปิดโอกาสแตะเป้าหมายถัดไปที่ $107,807 และ $108,991
- ผ่านแนวต้านสำคัญที่ $108,991 ซึ่งจะสร้างเส้นทางสู่ระดับ $111,239 และ $112,354
การที่ราคาหลุดต่ำกว่าระดับ $104,800 อาจนำไปสู่การปรับฐานที่ยาวนานขึ้น หรือเข้าสู่ช่วงการเคลื่อนไหวในกรอบแคบอีกครั้ง ซึ่งนักลงทุนควรจับตามองอย่างใกล้ชิด
ปัจจัยภายนอกที่ส่งผลต่อราคา BTC และมุมมองตลาด
ในระยะยาว บิทคอยน์มักตอบสนองต่อแรงกระแทกจากสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ด้วยแนวโน้มที่เป็นบวกเสมอมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาถึงการคาดการณ์ว่า Fed อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงปลายปี 2025 และไม่มีปัจจัยสำคัญใดสามารถเปลี่ยนแปลงแนวคิดระยะยาวของบิทคอยน์ในฐานะตัวเก็บมูลค่า จึงอาจกล่าวได้ว่าการปรับตัวลดลงในครั้งนี้ อาจไม่ใช่สัญญาณของความอ่อนแอ แต่กลับเป็นโอกาสสำหรับนักลงทุนนั่นเอง
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรใช้ความระมัดระวัง เนื่องจากยังไม่แน่ชัดว่าการเคลื่อนไหวครั้งนี้จะพัฒนาไปสู่แนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่อง หรือกลับกลายเป็นกับดักตลาด (Bull Trap) โดยบริเวณราคาที่ $106,800–$107,000 จะเป็นโซนสำคัญในการตัดสินทิศทาง
หากราคาบิทคอยน์สามารถทะลุแนวต้านที่ $108K ขึ้นไปได้อย่างชัดเจน นั่นอาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่
Best Wallet ($BEST): กระเป๋าคริปโต ผสานความปลอดภัย & การเข้าถึงโทเคนก่อนใคร!
Best Wallet กำลังก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มกระเป๋าคริปโตที่น่าจับตามอง ด้วยการผสมผสานระหว่างระบบความปลอดภัยขั้นสูงและความสะดวกในการเข้าถึงโทเคนระยะเริ่มต้น

แพลตฟอร์มนี้สามารถดาวน์โหลดได้ทั้งบน Google Play และ App Store โดยรองรับการจัดเก็บคริปโตมากกว่า 1,000 สกุล นอกจากนี้ยังเป็นกระเป๋าแรกที่นำความปลอดภัยระดับ Fireblocks’ MPCCMP มาใช้
หนึ่งในจุดเด่นที่น่าสนใจของ Best Wallet คือฟีเจอร์ Upcoming Tokens ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถซื้อโทเคนในช่วง presale ได้โดยตรงจากแอปพลิเคชัน โดยไม่จำเป็นต้องเชื่อมต่อกับกระเป๋าอื่นหรือเข้าเว็บไซต์ภายนอก ทั้งยังมอบประสบการณ์ที่ปลอดภัยและไม่จำเป็นต้องผ่านกระบวนการ KYC ซึ่งเหมาะกับทั้งนักลงทุนมือใหม่และผู้ที่มีประสบการณ์
โทเคน $BEST ทำหน้าที่เป็นแกนหลักของระบบนิเวศนี้ โดยมอบสิทธิประโยชน์หลากหลาย เช่น ลดค่าธรรมเนียมการทำธุรกรรม, เพิ่มผลตอบแทนจากการ staking, สิทธิ์เข้าถึงโปรเจกต์ระยะแรก และสิทธิ์ในการมีส่วนร่วมด้านการกำกับดูแล นอกจากนี้ ผู้ใช้งานยังสามารถรับรายได้เพิ่มเติมผ่านการทำเควสต์ในแอปและกิจกรรม airdrop ด้วย
ตอนนี้ Best Wallet ระดมทุนได้มากกว่า $13.46 ล้านแล้ว และราคาของ $BEST ในขณะนี้อยู่ที่ $0.025205 ซึ่งแสดงถึงการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
นักลงทุนที่สนใจสามารถเข้าร่วมและจับจอง $BEST ได้ก่อนที่ราคาจะปรับตัวเพิ่มขึ้น พร้อมเปิดประตูสู่การใช้งานกระเป๋าคริปโตที่กำลังเปลี่ยนแปลงวิธีการลงทุนและการใช้งานสินทรัพย์ดิจิทัลสำหรับผู้ใช้งานทั่วโลก





