บิทคอยน์ หลุด $104K ก่อนฟื้น ตลาดยังระแวง เหตุอิสราเอลโจมตีอิหร่าน

บิทคอยน์ (BTC) ราคาดิ่งลงกว่า 4% ในช่วงคืนที่ผ่านมา แตะระดับ $103,556 หลังมีรายงานข่าวว่าอิสราเอลโจมตีอิหร่านทางอากาศ เหตุการณ์ดังกล่าวได้ทำให้สถานการณ์ในตะวันออกกลางที่เปราะบางอยู่แล้วยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกเทขายสินทรัพย์เสี่ยง (Risk-off) และส่งมีสถานะ Long ถูกล้างพอร์ตจำนวนมาก

ราคาบิทคอยน์ ลดลงจากจุดสูงสุดช่วง 24 ชั่วโมงที่ $108,500 สู่ระดับ $103,556 ก่อนจะฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อย มาอยู่ที่ประมาณ $105,000 เนื่องจากนักลงทุนตอบสนองต่อความกังวลเกี่ยวกับวิกฤตการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ที่อาจรุนแรงขึ้น ทำให้เกิดการเทขายสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยง

ราคาที่ร่วงลงจากระดับสูงสุดในรอบ 24 ชั่วโมงที่ $108,500 สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนที่มีต่อความไม่แน่นอนในภูมิภาค ซึ่งเป็นปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ส่งผลให้มีการชำระบัญชีตำแหน่ง Long รวมมูลค่า $427 ล้านในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา

บิทคอยน์ ร่วงแรง ตลาดคริปโตแดงทั้งกระดาน

ทางการอิสราเอลยืนยันว่าการโจมตีดังกล่าวมีเป้าหมายที่โครงสร้างพื้นฐานทางการทหารใกล้กรุง Tehran และเมือง Tabriz โดยอ้างว่าเป็นการดำเนินการเชิงป้องกันเพื่อตอบสนองต่อภัยคุกคามนิวเคลียร์จากอิหร่าน

นายกรัฐมนตรี Benjamin Netanyahu ระบุว่า การปฏิบัติการนี้เป็น “ขั้นตอนที่จำเป็น” เพื่อ “ขจัดภัยคุกคามนี้” พร้อมเสริมว่าปฏิบัติการจะดำเนินต่อไป “ตราบเท่าที่จำเป็น”

ฝ่ายอิหร่านยังไม่ได้แถลงการณ์อย่างเป็นทางการ แต่สื่อของรัฐรายงานถึงเหตุระเบิดและการปิดน่านฟ้าในพื้นที่บางส่วน

ในขณะเดียวกัน สหรัฐฯ ได้เริ่มดึงตัวเจ้าหน้าที่ทูตออกจากอิรัก และเสนอการอพยพโดยสมัครใจให้กับครอบครัวทหารในประเทศเพื่อนบ้าน

กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ยังออกคำเตือนให้พลเมืองอเมริกันออกจากอิรักโดยอ้างถึงสถานการณ์ที่ไม่มั่นคงในภูมิภาค

ในกรุงวอชิงตัน Marco Rubio รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เปิดเผยว่า อิสราเอลดำเนินการอย่างเป็นอิสระ แต่ได้แจ้งให้สหรัฐฯ ทราบล่วงหน้า

ด้านอดีตที่ปรึกษาของ Donald Trump อย่าง Steve Witkoff ชี้ว่า การเจรจาเรื่องนิวเคลียร์กับอิหร่านยังคงเป็นไปได้ แม้จะมีความเสี่ยงในการยกระดับความขัดแย้งก็ตาม

ในอดีต บิทคอยน์ มักตอบสนองต่อสถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างชัดเจน โดยมักปรับตัวลดลงเมื่อเทรดเดอร์ลดความเสี่ยงในสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูง

แม้ว่าสกุลเงินดิจิทัลนี้จะถูกมองว่าเป็นการป้องกันความเสี่ยงในระยะยาว แต่ราคาของมันในช่วงสั้น ๆ มักจะสะท้อนถึงความรู้สึกโดยรวมของตลาด

Ethereum เองก็เผชิญแรงกดดันเช่นเดียวกัน โดยราคาลดลงต่ำกว่า 8% ใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา ขณะที่ XRP ก็ร่วงกว่า 4% ในช่วงเวลาเดียวกัน ซึ่งยิ่งเพิ่มความกดดันให้กับตลาดโดยรวม

BTC พยายามทรงตัว ท่ามกลางความตึงเครียด จะฟื้นได้หรือไม่?

ในขณะที่เขียนบทความนี้ บิทคอยน์ ฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อย อยู่ที่ประมาณ $105,000 แล้ว โดยเริ่มแสดงสัญญาณการทรงตัวหลังจากเพิ่งร่วงลงจากเหตุการณ์ความไม่สงบดังกล่าว

จากกราฟ 2 ชั่วโมง บิทคอยน์ยังคงเผชิญแรงกดดัน โดย Bollinger Bands กำลังขยายตัว และราคายังคงเคลื่อนไหวใกล้เส้นล่าง ซึ่งสะท้อนถึงความผันผวนที่เพิ่มขึ้นและโมเมนตัมด้านลบ

ในขณะนี้ ความรู้สึกในตลาดยังคงเป็นเชิงลบ และฝั่งกระทิง (ฝ่ายซื้อ) จำเป็นต้องปกป้องระดับปัจจุบันเพื่อหลีกเลี่ยงการปรับฐานที่ลึกลง

Bitcoin Just Lost Its Breakout — Here’s the Support Level That Matters Now

Why this report matters

Bitcoin’s breakout above $106,000 didn’t hold, and that could mean more than just a failed rally.

Ethereum’s funding rate has quietly collapsed, even as open interest surged… pic.twitter.com/7XH0NMaK7I

— 10x Research (@10x_Research) June 13, 2025

ดัชนี Relative Strength Index (RSI) ลดลงสู่ระดับ 25.51 ซึ่งถือว่าอยู่ในเขต Oversold อย่างชัดเจน บ่งชี้ถึงโอกาสที่ราคาอาจดีดตัวขึ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม ค่า MACD ยังคงติดลบอย่างหนักที่ 438.59 ซึ่งสะท้อนถึงโมเมนตัมขาลงที่ยังคงมีอิทธิพล

เมื่อเจาะลึกไปที่กรอบเวลา 30 นาที ราคายังคงพยายามกลับมายืนเหนือระดับ $105,000 โดย RSI อยู่ที่ 32.30 ซึ่งใกล้เขต Oversold เช่นกัน ในขณะที่ MACD ยังคงแสดงการขยายตัวในทิศทางขาลง ซึ่งยิ่งเพิ่มความเสี่ยงที่จะปรับลดลงอีกหากไม่สามารถรักษาระดับสำคัญไว้ได้

ระดับสำคัญที่ควรจับตามอง ได้แก่ แนวรับที่ $102,533 และแนวต้านที่ $105,693

การปิดราคาเหนือระดับ $105,000 อาจช่วยลดแรงขายได้ แต่หากไม่สามารถกลับมายืนเหนือระดับนี้ได้ อาจมีโอกาสที่ราคาจะลดลงต่อไปถึง $100,000

ดังนั้น เมื่อผ่านพ้นระดับ $105,000 มาได้แล้ว เราค่อนข้างจะสบายใจได้ว่าราคาอาจจะขยับขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะหากทะลุแนวต้านที่ $105,693 ได้

ในระยะสั้น ๆ นี้ บิทคอยน์ ยังคงผูกติดอยู่กับความตึงเครียดในตะวันออกกลางอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แม้สัญญาณทางเทคนิคจะชี้ว่าตลาดอยู่ในภาวะ Oversold ซึ่งอาจนำไปสู่การรีบาวด์ได้ แต่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่อยู่ในโหมด Risk-off จะเป็นแรงกดดันสำคัญที่จำกัดการฟื้นตัว ดังนั้น นักลงทุนควรติดตามข่าวสารด้านภูมิรัฐศาสตร์อย่างใกล้ชิดควบคู่ไปกับการวิเคราะห์แนวรับ-แนวต้านทางเทคนิคเพื่อประกอบการตัดสินใจ