XRP หรือ Bitcoin? คริปโตตัวไหน เหมาะสำหรับการ ลงทุนในระยะยาว?

ในปัจจุบัน XRP และ Bitcoin ถือเป็นสองเหรียญที่มีความโดดเด่นและมีโอกาสที่จะอยู่รอดได้ท่ามกลางคริปโตเคอร์เรนซีมากมายในตลาด แต่สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าเหรียญทั้งสองจะมีมูลค่าเท่ากันสำหรับนักลงทุนที่ต้องการ ลงทุนในระยะยาว
ในบทความนี้จะเป็นการวิเคราะห์เปรียบเทียบเหรียญทั้งสอง เพื่อให้นักลงทุนสามารถเข้าใจว่าเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนระยะยาว ต้องมีปัจจัยอะไรบ้าง?
XRP – โซลูชันการชำระเงินข้ามพรมแดน

XRP ถูกสร้างมาเพื่อเป็นโซลูชันสำหรับการประมวลผลการชำระเงินและธุรกรรม “ข้ามพรมแดน” โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างสถาบันการเงิน โปรโตคอลของ XRP อนุญาตให้ผู้ตรวจสอบ (validators) ทำเครื่องหมายข้อตกลงร่วมกัน (consensus) กับผลลัพธ์ของแต่ละธุรกรรม
โดยจากโซลูชันดังกล่าว ได้ช่วยลดโอกาสในการเกิดการฉ้อโกง และสร้างเครือข่ายที่สามารถจัดการธุรกรรมจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ XRP ยังมีอัตราค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการโอนที่ต่ำรวมถึงความเร็วที่ดีกว่า Bitcoin รวมถึงบล็อกเชนอื่นๆ เช่น Ethereum อย่างมาก
ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา ราคาของ XRP เพิ่มขึ้นประมาณ 800% ด้วยมูลค่าตลาดมากกว่า 130 พันล้านดอลลาร์ในปัจจุบันแต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ XRP จะมีขนาดใหญ่มากขึ้น แต่เหรียญยังไม่มีความสามารถในการปกป้องส่วนแบ่งการตลาดจากธุรกิจการชำระเงินหรือคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น แม้ว่า XRP จะไม่หายไปในเร็วๆ นี้ แต่อย่างไรก็ตาม ไม่มีอะไรสามารถการันตีได้ว่าเหรียญจะสามารถรั้งตำแหน่งผู้นำในตลาดไปได้ตลอด
Bitcoin – สินทรัพย์ดิจิทัลที่มั่นคงในระยะยาว

Bitcoin มีฐานะเป็นคริปโตเคอร์เรนซีที่มีมูลค่ามากที่สุดและเก่าแก่ที่สุด โดยเหรียญส่วนใหญ่ภายในตลาดล้วนเคลื่อนไหวตามความผันผวนของมัน อีกทั้ง Bitcoin ยังเป็นเหรียญที่ค่อนข้างคาดการณ์ได้ในระยะยาว เนื่องจากขีดจำกัดของเหรียญที่สามารถผลิตได้ทั้งหมดคือ 21 ล้านเหรียญ ประกอบกับการ Halving ในทุกๆสี่ปี ทำให้ Bitcoin เป็นสินทรัพย์ที่ทนทานต่อภาวะเงินเฟ้อโดยธรรมชาติ
สิ่งนี้ทำให้ Bitcoin เป็นการลงทุนที่มีความเป็นอนุรักษ์นิยม เนื่องจากไม่น่าจะมีความผันผวนรุนแรงเหมือนกับคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ ประกอบกับที่มันเริ่มกำลังได้รับการบูรณาการเข้าสู่ระบบการเงินโลกมากขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เชื่อได้ว่าเหรียญจะมีแรงกดดันในการซื้ออย่างต่อเนื่องและความผันผวนน้อยลงในอนาคต
และถึงว่าการเชื่อมโยงกับภาคการเงินแบบดั้งเดิมมากขึ้น อาจทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำในวงกว้างในราคา Bitcoin ได้เช่นกัน แต่จากรายงานของ Nasdaq พบว่า ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา Bitcoin ก็ยังสามารถทำราคาเพิ่มขึ้นเกือบ 900% ในช่วงห้าปีที่ผ่านมาซึ่งเหนือกว่า XRP
แม้ว่า Bitcoin อาจไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วในอนาคต แต่พลวัตของอุปสงค์และอุปทานมีแนวโน้มที่จะเป็นประโยชน์ต่อ Bitcoin ในระยะยาว เนื่องจากผู้ถือครองสถาบัน ซึ่งอาจรวมถึงรัฐบาลจำนวนมากขึ้นตลอดจนธุรกิจการเงินขนาดใหญ่ จะมีแนวโน้มที่จะถือครองที่เพิ่มมากขึ้น ทำให้มันถือเป็นเหรียญคริปโตที่น่าลงทุนระยะยาวมากกว่า XRP
บทสรุป
เรียกได้ว่าทั้ง XRP และ Bitcoin ต่างก็มีข้อดีและข้อเสียที่แตกต่างกันออกไป XRP มีความโดดเด่นในด้านการชำระเงินข้ามพรมแดนที่รวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมต่ำ ในขณะที่ Bitcoin เป็นสินทรัพย์ดิจิทัลที่มั่นคงและทนทานต่อภาวะเงินเฟ้อมากกว่า
การตัดสินใจว่าจะลงทุนในเหรียญใดนั้นขึ้นอยู่กับเป้าหมายการลงทุนและความเสี่ยงที่รับได้ของแต่ละบุคคล ท้ายที่สุดแล้ว การกระจายความเสี่ยงในการลงทุนไปยังคริปโตเคอร์เรนซีหลายๆ สกุลอาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ได้สำหรับการ ลงทุนในระยะยาว






