คดี XRP ใกล้สิ้นสุด? หลัง SEC โยกย้ายทนายความคนสำคัญ!

เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา ได้มีรายงานเกี่ยวกับการโยกย้าย Jorge Tenreiro ทนายความคนสำคัญในด้านคริปโตเคอร์เรนซีของหน่วยงาน SEC โดยเขาได้ถูกโยกย้ายไปดำรงตำแหน่งที่ไม่ระบุรายละเอียดภายในแผนกไอที
เรียกได้ว่าการเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยนที่น่าสังเกตในแนวทางการกำกับดูแลอุตสาหกรรมคริปโตของ SEC สหรัฐจากการบังคับใช้กฎระเบียบที่เข้มงวด สู่การสร้างความสัมพันธ์ที่สร้างสรรค์มากขึ้นกับอุตสาหกรรม
จับตา! การปรับโครงสร้างของหน่วยงาน SEC
โดยตามรายงานจาก newsbit.de เผยว่าการโยกย้าย Tenreiro ครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางการปรับโครงสร้างองค์กรครั้งใหญ่ภายใน SEC สหรัฐหลังจากการลาออกของ Gary Gensler ผู้ซึ่งดำเนินแคมเปญทางกฎหมายที่เข้มงวดต่อบริษัทคริปโต และก่อให้เกิดการต่อต้านอย่างมากภายในอุตสาหกรรม
Tenreiro มีบทบาทสำคัญในคดีใหญ่ๆ หลายคดี รวมถึงคดีความกับ Ripple Labs SEC กล่าวหาว่าบริษัทเสนอขายหลักทรัพย์ที่ไม่ได้จดทะเบียนผ่านการขายโทเค็น XRP นอกจากนี้ เขายังมีส่วนร่วมในคดีกับ Telegram ซึ่งมีการระงับการเสนอขายโทเค็นดิจิทัลมูลค่า 1.7 พันล้านดอลลาร์
สัญญาณบวกสำหรับ คดี XRP
นอกจากคำสั่งโยกย้าย Tenreiro แล้ว หน่วยงาน SEC สหรัฐยังได้ประกาศลดขนาดแผนกบังคับใช้คริปโตลงอย่างมาก โดยมีการโยกย้ายทนายความและพนักงานมากกว่า 50 คน
และนับตั้งแต่ที่การลาออกของ Gary Gensler ได้เกิดขึ้น ทางหน่วยงาน SEC ก็ได้ส่งสัญญาณหลายครั้งว่าอาจจะมีการถอนฟ้องคดี Ripple ซึ่งการโยกย้าย Tenreiro ยิ่งทำให้หลายคนต่างเชื่อมโยงไปถึงว่าการยุติการดำเนินคดีกำลังใกล้เข้ามา
SEC วางแผนที่จะแทนที่กลยุทธ์การบังคับใช้ที่แข็งกร้าวของ Gensler ด้วย Crypto Task Force ใหม่ Hester Peirce กรรมการ SEC กล่าวว่า Task Force นี้จะมอบหมายหน้าที่การบังคับใช้บางอย่างภายนอก SEC
อนาคตของการกำกับดูแลคริปโต
ถึงแม้ว่าการเคลื่อนไหวเหล่านี้อาจเป็นสัญญาณบวกสำหรับอุตสาหกรรมคริปโต แต่กังวลก็ยังไม่หายไป เพราะในอีกด้านนึงการโยกย้าย Tenreiro อาจถูกมองว่าเป็นการกดดัน ซึ่งอาจนำไปสู่การลาออกจาก SEC การปรับโครงสร้างเน้นย้ำถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการกำกับดูแลคริปโตเคอร์เรนซีในสหรัฐอเมริกาในอนาคต
โดยรวมแล้ว การเปลี่ยนแปลงภายใน SEC และการโยกย้ายทนายความคนสำคัญออกจาก คดี XRP อาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนแปลงในแนวทางการกำกับดูแลคริปโตของ SEC และอาจนำไปสู่การยุติคดีความที่ยืดเยื้อกับ Ripple Labs แต่อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการกำกับดูแลคริปโตในอนาคตยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตามองต่อไป






