ราคา ETH ร่วง 8% — ราคาจะร่วงต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์หรือไม่

ETH Ethereum
ผู้เขียน
ผู้เขียน
Somchai Wang
เกี่ยวกับผู้เขียน

สมชายเป็นนักเขียนคอนเทนต์ที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปี ในด้านคริปโต...

อัปเดตล่าสุด: 
ทำไมจึงไว้วางใจ Cryptonews
Cryptonews ได้รายงานข่าวในวงการคริปโตเคอเรนซีมานานกว่า 10 ปี ทีมงานที่เชี่ยวชาญของเรามุ่งเน้นการวิเคราะห์ตลาด เทคโนโลยีบล็อกเชน และการรายงานอย่างถูกต้องและสมดุล ครอบคลุมคริปโต บล็อกเชน และการพัฒนาในอุตสาหกรรม เรามุ่งมั่นในการให้ความโปร่งใสกับผู้อ่าน เนื้อหาบางส่วนอาจมี Affiliate Links ซึ่งเราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่น หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มโปรดอ่านรายละเอียดในเพจ Affiliate Disclosure
ราคา ETH ร่วง 8% — ราคาจะร่วงต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์หรือไม่

วันอังคารที่ผ่านมา ราคา Ethereum (ETH) ร่วงหนัก 8% ลดลงมาต่ำกว่า 3,400 ดอลลาร์ เนื่องจากตลาดกังวลจากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ออกมาแข็งแกร่งเกินคาด ซึ่งอาจจะทำให้เงินเฟ้อกลับมาสูงขึ้นอีกครั้ง และธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจจะลดดอกเบี้ยช้าลงหรือลดน้อยลงกว่าที่คาดไว้

ข้อมูลการจ้างงานจาก JOLTs (Job Openings and Labor Turnover Survey) ชี้ให้เห็นว่า มีตำแหน่งงานว่างเพิ่มขึ้น แสดงถึงแนวโน้มที่ตลาดแรงงานจะแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต

นอกจากนี้ ผลสำรวจภาคธุรกิจที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ ก็ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ สะท้อนว่าภาคบริการซึ่งเป็นส่วนสำคัญของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

เมื่อนักเทรดคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะยังแข็งแกร่ง เงินเฟ้อจะสูงขึ้น และ Fed จะลดดอกเบี้ยน้อยลง ทำให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี พุ่งขึ้นไปแตะระดับสูงสุดนับจากเดือนเมษายน 2024 ที่ประมาณ 4.7%

การที่พันธบัตรให้ผลตอบแทนสูงส่งผลกระทบต่อสินทรัพย์เสี่ยงทุกประเภท เพราะเมื่อสินทรัพย์ที่ปลอดภัยให้ผลตอบแทนสูง นักลงทุนก็จะลดการถือครองสินทรัพย์เสี่ยง และยิ่งสินทรัพย์ไหนมีความเสี่ยงมาก ก็จะถูกขายมากตามไปด้วย

นี่คือเหตุผลที่ทำไมเหรียญคริปโตหลักๆ อย่าง Ethereum ที่นักเทรดมองว่าเป็นสินทรัพย์เสี่ยง จึงได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจเช่นนี้

ตอนนี้ ราคา Ethereum ลดลงประมาณ 10% จากจุดสูงสุดเมื่อวันจันทร์ที่ระดับ 3,700 ดอลลาร์ ทำให้นักเทรดหลายคนสงสัยว่านี่อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของการร่วงของราคาครั้งใหม่

Ethereum จะร่วงลงไปต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์เร็วๆ นี้หรือไม่ และจะเป็นการจบลงของตลาดขาขึ้นที่เกิดขึ้นหลังจาก Trump ชนะการเลือกตั้งหรือเปล่า?

ปัจจัยทางเศรษฐกิจจะกดดันให้ราคา Ethereum ลงต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์หรือไม่?

ปัจจัยทางเศรษฐกิจมหภาคเป็นอุปสรรคสำคัญต่อตลาดคริปโตและสินทรัพย์เสี่ยงอื่นๆ นับตั้งแต่การประชุมของ Fed ที่มีท่าทีเข้มงวดในกลางเดือนธันวาคม

ตอนนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ให้ความสำคัญกับตัวเลขที่บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อยังสูงและเศรษฐกิจยังแข็งแกร่งมากขึ้น เหมือนกับที่เห็นจากตัวเลขวันอังคาร

โอกาสที่จะมีการลดดอกเบี้ยเพิ่มในปี 2025 ลดน้อยลงเรื่อยๆ และอาจจะยิ่งน้อยลงอีกถ้าตัวเลขการจ้างงานทางการของสหรัฐฯ ที่จะประกาศในวันศุกร์นี้ออกมาดีกว่าที่คาด

สิ่งนี้อาจจะทำให้แรงกดดันในตลาดเพิ่มขึ้น และทำให้ราคาคริปโตหลักๆ รวมถึง Ethereum ยังคงอยู่ในสถานะเสี่ยง

ถ้ามองในช่วง 6-12 เดือน ยากที่จะเชื่อว่าสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นจะช่วยหนุนราคาคริปโตในปี 2025

Fed ยังคงลดขนาดงบดุลต่อจากการอัดฉีดเงินในปี 2020/2021 และดัชนีที่วัดสภาพคล่องในสหรัฐก็แสดงให้เห็นว่าสถานการณ์ไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนักตั้งแต่กลางปี 2022

ดัชนีสภาพคล่องดอลลาร์ของ Arthur Hayes ที่คำนวณจากงบดุล Fed ลบด้วยยอดเงินในบัญชีของกระทรวงการคลังสหรัฐที่ธนาคารกลางนิวยอร์ก บวกกับยอดธุรกรรมการประมูลซื้อคืนแบบย้อนกลับ แสดงว่าสภาพคล่องในสหรัฐอยู่ที่ประมาณ 6 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งต่ำกว่าจุดสูงสุดที่ 7 ล้านล้านดอลลาร์ในปลายปี 2021 อย่างมาก

สภาพเศรษฐกิจสหรัฐในตอนนี้บ่งชี้ว่า Fed คงจะไม่ผ่อนคลายนโยบายมากนัก และสภาพคล่องในตลาดก็น่าจะอยู่ในระดับนี้ไปตลอดปี 2025

นักวิเคราะห์ที่หวังว่าปี 2025 จะเห็นตลาดพุ่งแรงเหมือนช่วงปี 2020/2021 ที่ดอกเบี้ยเป็นศูนย์และมีการอัดฉีดเงิน อาจจะต้องผิดหวัง

โดยสรุป ถ้าสภาพคล่องในตลาดยังตึงตัวขึ้นเรื่อยๆ (สังเกตได้จากผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐที่สูงขึ้น) ราคา Ethereum ก็มีโอกาสที่จะร่วงลงต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์ในระยะสั้น

แต่การที่สภาพคล่องไม่เพิ่มขึ้นในปี 2025 จะหมายความว่าตลาดขาขึ้นจะจบลงหรือไม่? ไม่น่าจะใช่ และนี่คือเหตุผล

Ethereum ต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์ ควรรีบซื้อตอนราคาลงหรือไม่?

หากราคา Ethereum ลดลงต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์ในช่วงเวลาอันใกล้นี้ นี่อาจจะเป็นจังหวะดีให้นักลงทุนเพิ่มการลงทุนมากขึ้น

แม้ว่าสภาพคล่องในตลาดตอนนี้อาจจะไม่เอื้อต่อการเติบโตของคริปโตในปี 2025 แต่สถานการณ์อาจจะเปลี่ยนแปลงได้ในอนาคต

แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือการเปลี่ยนแปลงของกฎหมายและการยอมรับคริปโตที่กำลังจะเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกาปี 2025 นี้

พูดให้เข้าใจง่ายๆ คือ การเข้ามาของรัฐบาล Trump ที่สนับสนุนภาคส่วนคริปโต จะเป็นจุดเริ่มต้นของยุคทองสำหรับวงการคริปโตในสหรัฐฯ และตลาดทั่วโลก

สหรัฐฯ อาจจะกำลังจะประกาศให้ Bitcoin เป็นสินทรัพย์สำรองอย่างเป็นทางการ ซึ่งจะทำให้ประเทศต่างๆ ทั่วโลกเริ่มแข่งกันสะสม Bitcoin

เรื่องนี้จะส่งผลดีต่อตลาดคริปโตทั้งหมด และถึงแม้จะไม่เกิดขึ้นจริง รัฐบาล Trump ก็มีคนที่สนับสนุนภาคส่วนคริปโตจำนวนมาก ซึ่งจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีสำหรับการพัฒนาและเติบโตในสหรัฐฯ ได้

ที่สำคัญที่สุดคือ Gary Gensler ประธาน SEC ที่ต่อต้านคริปโต จะลาออกภายใน 2 สัปดาห์นี้ และผู้ที่ Trump เสนอชื่อให้มาแทนน่าจะยุติการโจมตีวงการคริปโตนี้ได้

นี่เป็นข่าวดีโดยเฉพาะสำหรับเหรียญ Altcoin ซึ่งโดนกระทบหนักที่สุดจากการควบคุมที่เข้มงวดของ SEC ในช่วงที่ผ่านมา

Trump และครอบครัวก็เป็นผู้สนับสนุน Ethereum อย่างเปิดเผย โดยมีการถือครองจำนวนมาก และยังเคยสร้างเหรียญของตัวเองบนระบบของ Ethereum อีกด้วย

ดังนั้น แม้ว่าสภาพคล่องอาจจะไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในปีนี้ แต่ปี 2025 อาจจะเป็นปีทองของคริปโตในแง่ของการได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง

จุดแข็งของ Ethereum คือเป็นเหรียญเดียวนอกจาก Bitcoin ที่มีกองทุน ETF ในสหรัฐฯ เป็นเหรียญที่บริษัทยักษ์ใหญ่ BlackRock เลือก และยังเป็นผู้นำในระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) ทำให้ ETH มีแนวโน้มเติบโตที่ดีในปีนี้

บทความ Ethereum ที่เกี่ยวข้อง

ข่าว Ethereum ล่าสุด

ข่าวเด่นห้ามพลาด

ข่าว Dogecoin
พูดเป็นเล่น! Dogecoin ร่วงแตะ “Demand Zone” นักวิเคราะห์คาดอาจเด้ง $0.35
Somchai Wang
Somchai Wang
2025-06-18 00:06:40
ข่าวการเงิน
ไทยเฮ! “เทรดคริปโต ไม่เสียภาษี” – ครม. เคาะแล้ว 5 ปีเต็ม!
Somchai Wang
Somchai Wang
2025-06-17 19:40:02
Crypto News in numbers
editors
Authors List เพิ่มอีก 66+
2M+
มีผู้ใช้งานรายเดือนทั่วโลกมากกว่า
250+
มีบทความรีวิวและคู่มือมากกว่า
8 ปี
อยู่ในตลาดมาแล้ว
70 คน
มีทีมงานนักเขียนนานาชาติกว่า