TradFi ให้ความสนใจการ Tokenization มากขึ้น แต่ BIS เตือนถึงความเสี่ยง

ธนาคารเพื่อการชำระหนี้ระหว่างประเทศ (BIS) ได้เผยแพร่รายงานเมื่อวันที่ 21 ตุลาคมที่ผ่านมา ชี้ให้เห็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงของการทำ Tokenization (โทเค็นไนเซชั่น — การแปลงสินทรัพย์ให้เป็นโทเค็นดิจิทัล) ในระบบการเงินแบบดั้งเดิม (TradFi)
ในขณะที่การ Tokenization มีข้อดีในเรื่องความรวดเร็วและต้นทุนที่ถูกลง แต่ BIS ก็ได้ออกปากเตือนในรายงานถึงความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นต่อการกำกับดูแล กรอบกฎหมาย และเสถียรภาพทางการเงิน
ประโยชน์ของการ Tokenization ดึงดูดสถาบันการเงิน
ตามที่ BIS ระบุ การ Tokenization ถือเป็นพัฒนาการตามธรรมชาติของโครงสร้างตลาด ระบบการจัดการโทเค็นซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวกลางบนแพลตฟอร์มสำหรับธุรกรรมทางการเงิน สามารถนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างตลาด ส่งผลให้ต้นทุนธุรกรรมลดลง เพิ่มประสิทธิภาพ และการเข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้นได้
BIS ยังระบุด้วยว่า การ Tokenization ช่วยเพิ่มโอกาสในการปรับปรุงความปลอดภัยและประสิทธิภาพให้กับฟังก์ชันก่อนและหลังการซื้อขาย เช่น การใช้การชำระเงินแบบ PvP และ DvP ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงของเงินต้นได้ ขณะที่การเขียนโปรแกรมและการทำงานอัตโนมัติช่วยทำให้กระบวนการต่างๆ ราบรื่นยิ่งขึ้น
ความเสี่ยงใหม่ๆ ที่ต้องให้ความสนใจ
ในขณะที่ BIS รับรู้ถึงประโยชน์ที่อาจจะเกิดขึ้นจากการ Tokenization แต่ก็ยังเน้นย้ำถึงต้นทุนและความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องเช่นกัน ต้นทุนของการลงทุนมีแนวโน้มที่จะเพิ่มมากขึ้นสำหรับโครงการที่คาดว่าจะได้รับผลประโยชน์มากกว่า นอกจากนี้ กรอบของกฎระเบียบยังอยู่ในช่วงพัฒนา และอาจจะต้องใช้เวลาซักระยะกว่าที่มันจะเกิดผลกระทบต่อเครือข่าย

ตามที่ BIS ระบุ การจัดการโทเค็นจะต้องเผชิญกับความเสี่ยงที่คล้ายๆ กับโครงสร้างพื้นฐานตลาดแบบดั้งเดิมในเรื่องการกำกับดูแล กฎหมาย เครดิต สภาพคล่อง และความเสี่ยงในการดำเนินงาน อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงเหล่านี้อาจจะแสดงออกมาต่างกันเนื่องจากลักษณะที่ไม่เหมือนใครของการ Tokenization
BIS เชื่อว่าการ Tokenization อาจจะส่งผลต่อบทบาทของธนาคารกลางในด้านการชำระเงิน นโยบายทางการเงิน และเสถียรภาพทางการเงิน ธนาคารกลางต้องพิจารณาว่าจะตอบสนองต่อโครงการด้าน Tokenization ของภาคเอกชนอย่างไร ส่งเสริมความสามารถในการทำงานร่วมกัน ประเมินข้อได้เปรียบเสียเปรียบระหว่างสินทรัพย์ชำระบัญชีที่แตกต่างกัน และระบุถึงระบบการจัดการโทเค็นที่ต้องมีการกำกับดูแลและควบคุม
รายงานของ BIS ยังครอบคลุมไปถึงประเด็นที่นอกเหนือจากเรื่องทางเทคนิค โดยระบุความเสี่ยงทางกฎหมายที่เกิดจากการใช้กฎหมายที่มีอยู่กับสินทรัพย์ที่ทำ Tokenization ที่ยังไม่ชัดเจน
การทำ RWA Tokenization: ภาคส่วนที่กำลังเติบโต
สถาบันการเงินใหญ่ๆ อย่าง Goldman Sachs, Barclays, Citi และ HSBC กำลังศึกษาการทำ Tokenization อย่างจริงจังเช่นกัน
การทดลองอย่าง Regulated Liability Network (RLN) ของสหราชอาณาจักรกำลังทดสอบความเป็นไปได้ของเงินฝากที่ทำ Tokenization และ การชำระเงินแบบตั้งโปรแกรมได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ภาคการทำ RWA Tokenization (การแปลงสินทรัพย์ในโลกแห่งความจริง (Real-World Asset) ให้เป็นโทเค็น) มีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 2024 โดยมีการคาดการณ์ว่าจะเติบโตอย่างมากภายในสิ้นทศวรรษนี้
ตามรายงานการศึกษาข้อมูลล่าสุดของ Tren Finance การคาดการณ์ขนาดของตลาดการทำ RWA Tokenization มีความหลากหลายเป็นอย่างมาก โดยส่วนใหญ่ประมาณการณ์ไว้อยู่ระหว่าง 4 ถึง 30 ล้านล้านดอลลาร์ แม้แต่ที่การคาดการณ์ค่ากลางที่ 10 ล้านล้านดอลลาร์ ก็จะเป็นการเพิ่มขึ้น 54 เท่าจากมูลค่าตลาดปัจจุบันที่ 1.85 แสนล้านดอลลาร์ (รวม Stablecoins ด้วย)







