หน่วยงานของรัฐของประเทศไทยแสวงหากฎระเบียบเกี่ยวกับธุรกรรม Crypto P2P
การเปิดเผยโฆษณา
เรามุ่งมั่นในการสร้างความโปร่งใสอย่างเต็มที่กับผู้อ่านของเรา บางเนื้อหาในเว็บไซต์อาจมีลิงก์พันธมิตร ซึ่งเราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นจากความร่วมมือเหล่านี้หน่วยงานรัฐของประเทศไทยจัดการประชุมเมื่อวันอังคาร เรียกร้องให้มีการควบคุมการซื้อสกุลเงินดิจิตอลแบบ peer-to-peer (P2P) และป้องกันการฉ้อโกงทางออนไลน์
การประชุมดังกล่าวนำโดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม รวมถึงผู้แทนจากสำนักงาน ก.ล.ต. ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กระทรวงกลาโหม และหน่วยงานสำคัญอื่น ๆ
ในระหว่างการประชุม รัฐมนตรีประเสริฐได้เรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลพัฒนาและปรับกฎระเบียบคริปโตที่มีอยู่เพื่อรวมการกำกับดูแลการซื้อและการขาย crypto P2P
“การเคลื่อนไหวเพื่อควบคุมแพลตฟอร์ม P2P จะไม่ส่งผลกระทบต่อนักเทรดสกุลเงินดิจิทัลบนกระดานซื้อขายที่ได้รับอนุญาต” เขาชี้แจ้งต่อ Bangkok Post
การผลักดันเพื่อดูแล crypto P2P มีเป้าหมายเพื่อจำกัดช่องทางสำหรับมิจฉาชีพ อีกทั้งยังเสริมว่าการมุ่งเน้นนี้เป็นส่วนหนึ่งของ “ชุดมาตรการ” สำหรับทางออกที่สมบูรณ์ในการจัดการกับการฉ้อโกงทางออนไลน์
รัฐมนตรียังเรียกสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อศึกษาและพิจารณาปิดรูรั่วช่องทาง P2P ของธุรกรรมการแลกเปลี่ยนคริปโตให้เข้มงวดยิ่งขึ้น หากหน่วยงานกำกับดูแลไม่มีความคืบหน้าในการพัฒนากฎระเบียบที่มีอยู่ รัฐมนตรีประเสริฐจะแจ้งให้นายกรัฐมนตรีทราบเกี่ยวกับโครงการกำกับดูแล crypto P2P ใหม่
กฎระเบียบ Crypto P2P ในประเทศไทยเพื่อต่อต้านการฉ้อโกงออนไลน์
ประเทศไทยมีการฉ้อโกงเยอะมาก โดยมิจฉาชีพที่อ้างว่าเป็นธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายขอการชำระเงินแบบ P2P สำหรับสินค้า
ในเดือนพฤศจิกายน 2023 รัฐบาลไทยได้เปิดตัวศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการหลอกลวงออนไลน์ (AOC) เพื่อตรวจสอบการหลอกลวงออนไลน์ที่เกี่ยวข้องคริปโต
เมื่อปีที่แล้วกระดานแลกเปลี่ยน Binance มีบทบาทสำคัญในการช่วยเหลือตำรวจไทยในการติดตามอาชญากรหลอกลวงสกุลเงินดิจิทัลรายใหญ่
มีเคสหนึ่งที่ทีมงาน Binance ช่วยในการติดตามอาชญากรที่อยู่เบื้องหลังการหลอกลวงผู้คนจำนวนมาก และยึดทรัพย์สินคริปโตมูลค่ากว่าหมื่นล้านบาท
ด้วยเหตุนี้ นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีของไทยจึงออกคำสั่งเมื่อวันที่ 1 เมษายน ให้หน่วยงานของรัฐแสดงผลอย่างเป็นรูปธรรมที่เกี่ยวข้องกับการปราบปรามการฉ้อโกงทางออนไลน์ที่แพร่หลายภายใน 30 วัน
การประชุมสรุปโดยฝ่ายที่เกี่ยวข้องรายงานข้อมูลการหลอกลวงคริปโตที่เกี่ยวข้องต่อ AOC ประการที่สอง ธนาคารกลางและสมาคมธนาคารไทยคาดว่าจะดำเนินการทันทีภายหลังการส่งรายงาน
นอกจากนี้การประชุมระบุว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติและกระทรวงกลาโหมควรใช้ความพยายามในการรื้อถอนเสาสัญญาณโทรคมนาคมที่ผิดกฎหมาย ตำรวจสามารถขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านสำหรับการรายงานการหลอกลวงคริปโตออนไลน์ และปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์ใดๆ ก็ตาม