ซีอีโอ Tether ชู ‘กฎที่เหมาะสม’ เป็นกุญแจสู่อนาคตของ Crypto ในสหรัฐฯ

Paolo Ardoino ซีอีโอของบริษัทผู้ออก Stablecoin อย่าง Tether (USDT) แสดงความหวังว่า รัฐบาลสหรัฐฯ จะมีการร่างกฎระเบียบสำหรับภาคส่วน Crypto อย่างเหมาะสมในเร็วๆ นี้
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา Ardoino ปรากฏตัวต่อผู้ชมในงาน DC Fintech Week ผ่านระบบออนไลน์ เขาอธิบายถึงวิธีการที่ Tether ร่วมมือกับรัฐบาลทั่วโลกและบริษัทกำลังรอคอยกฎระเบียบต่างๆ
เขายังเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นของ Tether ในการปฏิบัติตามกฎระเบียบ โดยชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของกฎระเบียบที่จะมาเพิ่มความคุ้มครองให้กับผู้บริโภคและนวัตกรรมใหม่ๆ
“ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆ ที่กฎระเบียบ Crypto และ Stablecoin ที่สมเหตุสมผลจะเกิดขึ้นในลักษณะที่สร้างขึ้นมาเพื่อปกป้องผู้ใช้งาน”
เขากล่าวเพิ่มเติมว่ากฎระเบียบเหล่านี้จะทำให้ Stablecoin เป็น “เส้นชีวิต” สำหรับผู้คนที่ “ไม่มีโอกาสเหมือนคนในสหรัฐฯ และยุโรป”
จากข้อมูลของ CryptoQuant, USDT มีส่วนแบ่งประมาณ 71% ของตลาด Stablecoin ที่สนับสนุนด้วยสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 1.2 แสนล้านดอลลาร์
ระหว่างการพูดภายในงาน ซีอีโอของ Tether เน้นย้ำถึงความร่วมมือของบริษัทกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายใน 45 ประเทศ รวมถึง FBI และหน่วยสืบราชการลับสหรัฐฯ
Ardoino ยังเน้นว่า Tether จะให้ความสำคัญกับการต่อต้านการใช้ Crypto อย่างผิดกฎหมายและปกป้องระบบการชำระเงินบนบล็อกเชน
การวิพากษ์วิจารณ์ Tether เรื่องความไม่โปร่งใส
บริษัทยักษ์ใหญ่ด้าน Stablecoin เผชิญกับการวิจารณ์จากหน่วยงานคุ้มครองผู้บริโภคที่ระบุว่า Tether ขาดความโปร่งใส ในเดือนกันยายน Consumers’ Research กลุ่มคุ้มครองผู้บริโภค ได้เผยแพร่รายงานที่ระบุว่า Tether “ไม่ได้รับการตรวจสอบจากหน่วยงานอิสระ”
“การที่ Tether ไม่ยอมรับการตรวจสอบจากหน่วยงานอิสระอย่างต่อเนื่องนั้น เป็นสัญญาณอันตรายที่น่ากังวลสำหรับบริษัทและผลิตภัณฑ์ USDT”
รายงานยังอ้างถึงปัญหาความโปร่งใสและสถานการณ์ของ Tether ในช่วงการล่มสลายของ FTX และ Alameda Research
ความเห็นของ Ardoino เกิดขึ้นในช่วงที่ Stablecoin กำลังมีความสำคัญมากขึ้นต่อสถาบันต่างๆ Jeremy Allaire ซีอีโอของบริษัทผู้ออก Stablecoin อย่าง Circle เพิ่งจะทำนายว่า Stablecoin จะมีสัดส่วน 10% ของเศรษฐกิจโลกในอีก 10 ปีข้างหน้า
นอกจากนี้ ในไตรมาส 2 ปี 2024 ปริมาณธุรกรรม Stablecoin ได้แซงหน้า Visa ไปแล้ว (8.5 ล้านล้านดอลลาร์ เทียบกับ 3.9 ล้านล้านดอลลาร์ของ Visa) การเพิ่มขึ้นของตัวเลขนี้แสดงให้เห็นถึงประโยชน์และการยอมรับที่เพิ่มขึ้น
USDT ซึ่งตอนนี้มีผู้ใช้งานมากกว่า 330 ล้านคน รอดพ้นจากการไถ่ถอนหลายพันล้านในช่วงปี 2022 มาได้ Ardoino กล่าว ซึ่งคิดเป็นมากกว่า 10% ของเงินสำรอง ซึ่งเขาอธิบายว่าเป็น “แรงกดดันที่แทบไม่มีธนาคารไหนรอดมาได้”






