Solana “มีข้อบกพร่องมากมาย แต่…” ผู้ก่อตั้ง Crypto Fund กล่าว

นาย Justin Bons ผู้ก่อตั้งและ Chief Investment Officer ของ “Cyber Capital” ซึ่งกล่าวว่าเป็นกองทุนคริปโตที่เก่าแก่ที่สุดในยุโรป ได้วิจารณ์บล็อกเชน Solana อย่างตรงไปตรงมาผ่านทวีตบน X (Twitter) โดยเขาชี้ให้เห็นถึงปัญหาหลายประการ เช่น การที่เครือข่ายล่มซ้ำซาก ความกดดันในการรวมศูนย์จากข้อกําหนดมากมายด้านฮาร์ดแวร์ และโมเดลที่อิงความไม่แน่นอน ซึ่งเขามองว่าเป็นการลดทอนความน่าเชื่อถือเพียงเพื่อแลกกับความเร็ว

Solana มีข้อบกพร่อง แต่ยังคงเป็นผู้นํา

แม้นาย Bons จะยอมรับว่าโซลานามีพัฒนาการที่ดีขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องการลดปัญหาเครือข่ายล่ม แต่เขาย้ำว่าบล็อกเชน “ไม่ควรล่ม” ไม่ว่าจะอยู่ในช่วงทดลองหรือไม่ก็ตาม

เขาได้อ้างถึงเหตุการณ์ “ความแออัดของเครือข่าย” ซึ่งเกิดจากข้อผิดพลาดของระบบจัดการเวลาในเครือข่าย (network scheduling bugs) และปัญหากับโปรโตคอล QUIC นอกจากนี้ยังชี้ให้เห็นถึงปัญหาที่ยังไม่ได้แก้ไขในอุตสาหกรรม อย่างการโจมตีแบบ sandwiching และ MEV (Maximal Extractable Value) ด้วย

Bons ระบุว่าความต้องการด้านฮาร์ดแวร์ของเครือข่ายนี้เป็นภาระที่หนักหน่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง RAM ขนาด 256GB EC memory ซึ่งมีราคาหลายพันดอลลาร์ และต้นทุนสูงนี้ยังทําให้การ stake ยากขึ้นอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เขาได้กล่าวถึงจํานวน validator ที่ยังคงมีมากกว่า 1,400 ราย

Solaxy: ทางออกของปัญหาความแออัด

ในขณะที่ Bons ชี้ให้เห็นปัญหาเกี่ยวกับโครงสร้างของ Solana โครงการใหม่อย่าง Solaxy ได้เข้ามาเป็นโซลูชัน Layer-2 ที่ออกแบบมาเพื่อลดความแออัดของเครือข่าย ด้วยการแยกการประมวลผลธุรกรรมออกจาก Layer หลักของ Solana ช่วยให้ธุรกรรมทำงานได้รวดเร็วขึ้นและลดโอกาสในการล่ม

นอกจากนี้ Solaxy ยังใช้เทคนิค Roll-up และการรวมธุรกรรมเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับระบบ ทำให้ค่าธรรมเนียมลดลงและการใช้งานราบรื่นขึ้น ซึ่งอาจช่วยแก้ไขปัญหาที่ Bons วิจารณ์เกี่ยวกับระบบค่าธรรมเนียมของเครือข่าย (local fee market) ได้

Solana ยังคงเป็นบล็อกเชนแห่งอนาคต

แม้จะมีคำวิจารณ์ดังกล่าว Bons แสดงจุดยืนว่าเขาได้เปลี่ยนจากผู้วิจารณ์มาเป็น “ผู้สนับสนุน” แล้ว โดยกล่าวว่า “SOL เป็นบล็อกเชนที่ไม่ต้องขออนุญาต (permissionless) และกระจายศูนย์อำนาจอย่างเพียงพอ… BTC และ ETH ไม่สามารถมอบบริการนี้ในระดับที่ใหญ่ได้ นั่นคือเหตุผลที่ SOL กำลังก้าวเข้ามากินตลาดและยังคงรักษาหลักการ cypherpunk เอาไว้”

ด้วยแนวทางแก้ปัญหาที่ชัดเจนของ Solaxy และการพัฒนาอย่างต่อเนื่องของ Solana เครือข่ายนี้ยังคงเป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่มีศักยภาพสูงที่สุดในอุตสาหกรรมบล็อกเชน

ในขณะเดียวกัน เขาได้วิจารณ์ระบบค่าธรรมเนียมในเครือข่าย (local fee market) ที่เขามองว่าเป็นต้นเหตุที่ทําให้ประสบการณ์การใช้งานแย่ลง แต่เขาก็แสดงความเชื่อมั่นว่าปัญหาเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขในปีนี้

นอกจากนี้ Bons ยังวิจารณ์เรื่องดีไซน์แบบ non-deterministic ของเครือข่าย โดยระบุว่าถึงแม้อัตราความล้มเหลวของธุรกรรมจะต่ำกว่า 1% แต่ก็ถือว่าเป็นความไร้ประสิทธิภาพเชิงโครงสร้างและสิ้นเปลืองทรัพยากรอยู่ดี

เขายังตั้งคําถามต่อการสนับสนุน validator ที่ได้รับจาก Solana Foundation โดยชี้ว่าการสนับสนุนดังกล่าวมีประโยชน์ในช่วงเริ่มต้นของเครือข่าย แต่ “ถึงเวลาแล้วที่สิ่งนี้ควรยุติลง… SOL สามารถยืนได้ด้วยตัวเองแล้ว”

แม้จะมีคําวิจารณ์ดังกล่าว Bons แสดงจุดยืนว่าเขาได้เปลี่ยนจากผู้วิจารณ์มาเป็น “ผู้สนับสนุน” แล้ว โดยกล่าวว่า “SOL เป็นบล็อกเชนที่ไม่ต้องขออนุญาต (permissionless) และกระจายศูนย์อำนาจอย่างเพียงพอ… BTC และ ETH ไม่สามารถมอบบริการนี้ในระดับที่ใหญ่ได้ นั่นคือเหตุผลที่ SOL กําลังก้าวเข้ามากินตลาดและยังคงรักษาหลักการ cypherpunk เอาไว้”

มุมมองจากชุมชน

คํากล่าวของ Bons ได้รับการตอบสนองโดยตรงจาก João Mendonça นักพัฒนาชุมชนของโซลานา ซึ่งชี้ให้เห็นว่าโซลานามีการผลักดันขีดจํากัดของอุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง แม้ว่าจะต้องเผชิญกับความท้าทายที่เกือบจะทําให้ระบบเสียหายก็ตาม

Mendonça เผยว่า “โซลานากําลังผลักดันขีดจํากัดทุกด้านที่อุตสาหกรรมนี้เคยรู้จัก… และยังคงมี uptime มากกว่า 99.9% โดยมีสถิติของการไม่หยุดผลิตบล็อกเป็นเวลากว่าหนึ่งปี”

เขายอมรับว่าอาจจะเกิด “การสะดุด” อีกเล็กน้อย จนกว่าเครือข่ายจะมี multiple software clients เพื่อเพิ่มความเสถียร แต่ก็ยืนยันว่าโซลานายังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

Mendonça ยังตอบโต้ประเด็นเรื่องการรวมศูนย์ โดยเน้นว่าความต้องการฮาร์ดแวร์ที่สูงนั้น ไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อการที่ผู้ใช้จะรัน node เพื่อยืนยันธุรกรรม

เขาอธิบายว่า การตั้งค่าของโหนดสามารถปรับให้เป็นข้อกำหนดที่ต่ำลงได้ สำหรับผู้ที่ต้องการแค่ติดตามบล็อกเชน ซึ่งจะช่วยลดอุปสรรคในการเข้าร่วมได้

นอกจากนี้ เขายังชี้ให้เห็นว่าเครือข่ายบล็อกเชนหลัก ๆ ส่วนใหญ่ใช้โปรแกรมสนับสนุน validator แบบเดียวกับ Solana Foundation เพื่อกระตุ้นการเริ่มต้นของเครือข่าย โดยสังเกตว่า Solana Foundation Delegation Program (SFDP) มีการลดลงจากประมาณ 20% เป็น 12% ของ total stake

ในขณะที่ Bons ยืนยันว่าการมีซอฟต์แวร์ multiple clients อาจช่วยลดปัญหา downtime ของเครือข่ายในอนาคตได้ แต่เขายังย้ำว่าการล่มของเครือข่ายไม่ควรเกิดขึ้นเลย

นอกจากนี้เขายังแสดงความสงสัยต่อโมเดล non-deterministic ของเครือข่ายดังกล่าว โดยมองว่าเป็นโมเดลที่เน้นให้ความหวังเชิงบวกมากกว่าความแน่นอน ซึ่งเป็นการลดความน่าเชื่อถือของธุรกรรม

Mendonça โต้กลับ โดยระบุว่าการออกแบบของโซลานา เป็นการ “ให้ความสําคัญกับความเร็วต่อผู้ใช้งาน แต่ทําให้ผู้พัฒนาต้องเผชิญกับความท้าทาย… ซึ่งนั่นคือสิ่งที่ควรจะเป็น” และการหยุดระบบชั่วคราวในบางครั้งก็เพื่อป้องกันการเสียหายของสถานะเครือข่ายในช่วงที่เกิดปัญหาร้ายแรง อย่างน้อยก็จนกว่าจะมี multiple clients เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับเครือข่ายนั่นเอง

ณ เวลาที่รายงาน SOL มีราคาซื้อขายอยู่ที่ราว $192 ซึ่งเราจะต้องจับตามองกันต่อไปว่า SOL จะสามารถทะลุ $200 ได้หรือไม่

แอบกระซิบว่าแม้จะมีเสียงวิจารณ์อยู่บ้าง แต่ขณะนี้ก็มีข่าวการเปิดตัวกองทุน FOBXX บน Solana ซึ่งอาจช่วยผลักดันราคาเหรียญให้พุ่งขึ้นได้