เฟดสหรัฐฯ ถอดเกณฑ์ “ความเสี่ยงด้านภาพลักษณ์” หนุน Ripple และอุตสาหกรรมคริปโต

ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) ประกาศยกเลิกการใช้เกณฑ์ “ความเสี่ยงด้านภาพลักษณ์” (Reputational Risk) ในกระบวนการกำกับดูแลภาคธนาคารอย่างเป็นทางการ โดยการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นก้าวสำคัญที่ช่วยลดอุปสรรคในการเข้าถึงบริการทางการเงินของบริษัทในอุตสาหกรรมคริปโต เช่น Ripple Labs และอาจเปิดทางให้ธนาคารในสหรัฐฯ ทำงานร่วมกับบริษัทเหล่านี้มากขึ้น

ยกเลิกอคติ เปิดทางธนาคารประเมินตามความเสี่ยงจริง

ก่อนหน้านี้ สถาบันการเงินในสหรัฐฯ สามารถปฏิเสธการให้บริการแก่บริษัทคริปโต โดยอ้างความเสี่ยงด้านภาพลักษณ์ แม้บริษัทนั้นจะมีสถานะการเงินมั่นคงและไม่มีความเสี่ยงเชิงโครงสร้าง การปรับแก้ครั้งนี้ส่งผลให้ธนาคารต้องพิจารณาตาม “ความเสี่ยงทางการเงินที่แท้จริง” เท่านั้น

นักวิเคราะห์มองว่านี่คือการส่งสัญญาณชัดเจนว่า หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ เริ่มมีแนวโน้มยอมรับอุตสาหกรรมคริปโตในเชิงสถาบันมากขึ้น และอาจนำไปสู่กรอบกฎหมายที่เป็นมิตรกับเทคโนโลยีการเงินในอนาคต

Ripple อาจได้ประโยชน์โดยตรง

Ripple ซึ่งมีเครือข่ายพันธมิตรกับธนาคารกลางและผู้ให้บริการชำระเงินในหลายประเทศทั่วโลก มีแนวโน้มจะได้รับอานิสงส์จากการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ เนื่องจากบริษัทมีจุดยืนด้านความโปร่งใสในการกำกับดูแล และมุ่งพัฒนาระบบการชำระเงินระหว่างประเทศด้วยเทคโนโลยีบล็อกเชน

โครงสร้างของ RippleNet และสินทรัพย์ดิจิทัล XRP ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับการชำระเงินแบบเรียลไทม์ ลดต้นทุนสภาพคล่อง และรองรับการพัฒนาโครงการ CBDC ซึ่งหากธนาคารในสหรัฐฯ เริ่มเปิดรับเทคโนโลยีนี้มากขึ้น ก็อาจส่งผลต่อการขยายการใช้งาน XRP ในระดับโครงสร้างพื้นฐานได้ในระยะยาว

ราคา XRP ตอบสนองเชิงบวกทันที

หลังข่าวดังกล่าวถูกเผยแพร่ ราคาของ XRP มีโมเมนตัมขาขึ้นปรับตัวขึ้นมากกว่า 9 เปอร์เซ็นต์ ภายใน 24 ชั่วโมง แตะระดับ $2.20 และเพิ่มขึ้นอีก 0.5 เปอร์เซ็นต์ ภายในช่วงเวลา 1 ชั่วโมงถัดมา ขณะที่ภาพรวมรายปี XRP ทำผลตอบแทนได้สูงถึง 365.2 เปอร์เซ็นต์ สูงกว่าสินทรัพย์ดิจิทัลชั้นนำอื่น ๆ อย่าง Bitcoin และ Ethereum

ความเคลื่อนไหวดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของตลาดที่มีต่อ Ripple และความคาดหวังว่า การผ่อนคลายข้อจำกัดด้านภาพลักษณ์จะนำไปสู่การยอมรับสินทรัพย์ดิจิทัลในภาคการเงินกระแสหลักมากยิ่งขึ้น

เสียงสะท้อนจากชุมชน: จุดเปลี่ยนของระบบธนาคารสหรัฐ

นักเทรดและผู้เชี่ยวชาญในวงการคริปโตจำนวนมากมองว่าการถอดเกณฑ์ “Reputational Risk” คือจุดเปลี่ยนสำคัญของนโยบายด้านการเงินในสหรัฐ โดยนักลงทุนชาวฝรั่งเศสรายหนึ่งให้ความเห็นว่า

“เกณฑ์นี้ไม่เคยตั้งอยู่บนข้อเท็จจริง แต่มาจากความกลัว การลบทิ้งมันคือสัญญาณว่า ระบบการเงินของสหรัฐฯ พร้อมเปิดใจทำงานกับคริปโต ไม่ใช่ต่อต้านเหมือนที่ผ่านมา”

แนวโน้ม Ripple และกฎเกณฑ์คริปโตในสหรัฐฯ

แม้นโยบายใหม่ของเฟดจะไม่ส่งผลโดยตรงต่อสถานะทางกฎหมายของ XRP ในคดีความระหว่าง Ripple และสำนักงาน ก.ล.ต. สหรัฐฯ (SEC) แต่ก็ถือเป็นพัฒนาการเชิงบวกในภาพรวม โดยผู้เชี่ยวชาญประเมินว่า หากธนาคารในสหรัฐเริ่มเปิดรับ RippleNet และ XRP สำหรับธุรกรรมระหว่างประเทศ จะยิ่งกระตุ้นความต้องการใช้งานสินทรัพย์ดังกล่าว

นอกจากนี้ ยังมีการเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในอดีต เช่น “Operation Chokepoint 2.0” ซึ่งบริษัทคริปโตและเทคโนโลยีกว่า 30 แห่งถูกตัดการเข้าถึงระบบธนาคารหลังจากวิกฤตปี 2023 การปรับเกณฑ์ในครั้งนี้จึงอาจเป็นจุดเริ่มต้นของการฟื้นฟูความสัมพันธ์ระหว่างภาคธนาคารกับบริษัทสินทรัพย์ดิจิทัลอีกครั้ง

จับตา XRP ในฐานเหรียญที่มีโอกาสพุ่งราคาผ่าน Best wallet

เพื่อไม่พลาดกับราคาของ XRP ที่อาจเพิ่มขึ้นในอนาคต และสามารถซื้อขายได้อย่างรวดเร็วทันใจ สามารถจัดการกับสินทรัพย์ดิจิทัลของคุณผ่าน Best Wallet กระเป๋าคริปโตที่ดีที่สุด ที่มาพร้อมการใช้งานแบบมัลติเชน และความเป็นส่วนตัวที่ไม่ต้อง KYC ทำให้ทุกการทำธุรกรรมเป็นไปอย่างราบรื่น

นอกจากนี้ยังมีระบบรักษาความปลอดภัยจากที่พัฒนาอย่างต่อเนื่องและเท่าทันการโจรกรรมทางไซเบอร์ตลอดเวลาเพื่อให้แน่ใจว่าคริปโตของคุณจะถูกจัดเก็บไว้อย่างแน่นหนา พร้อมกับค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่ต่ำลงเมื่อใช้โทเค็น BEST ในการจัดการ