OKX เกรงเอี่ยวคดีฟอกเงิน Bybit – ระงับ DEX Aggregator รอ EU ตรวจสอบ

OKX ระงับให้บริการ DEX Aggregator ชั่วคราว หลังพบความพยายามที่มีการประสานงานจากกลุ่ม Lazarus Group ผู้กระทำผิดกรณีแฮก Bybit โดยเกรงว่าผู้ร้ายอาจใช้ประโยชน์จากบริการ DeFi ของแพลตฟอร์ม
แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตดังกล่าว ได้ตัดสินใจระงับบริการ decentralized exchange (DEX) aggregator ชั่วคราว หลังเกิดความกังวลว่าอาจถูกนำไปใช้งานอย่างไม่เหมาะสม โดยกลุ่มแฮกเกอร์จากเกาหลีเหนือที่มีชื่อว่า Lazarus
การตัดสินใจดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่หน่วยงานกำกับดูแลในยุโรปเพิ่มความเข้มงวดในการสืบสวนบทบาทของแพลตฟอร์มนี้ในการฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับการโจรกรรมคริปโตครั้งใหญ่
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม OKX ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าตรวจพบความพยายามที่มีการประสานงานจาก Lazarus Group เพื่อใช้บริการ DeFi อย่างผิดกฎหมาย
“หลังจากการปรึกษากับหน่วยงานกำกับดูแล เราได้ตัดสินใจเชิงรุกที่จะระงับบริการ DEX aggregator ของเราเป็นการชั่วคราว เพื่อให้เราสามารถดำเนินการอัปเกรดเพิ่มเติมเพื่อป้องกันการนำไปใช้ในทางที่ผิดได้ในอนาคต”
OKX ยืนยัน ยังให้บริการ Wallet แม้ระงับ DEX Aggregator
แม้ว่าจะยังไม่ได้กำหนดกรอบเวลาที่แน่ชัดสำหรับการกลับมาให้บริการ DEX aggregator อีกครั้ง แต่ฝ่ายช่วยเหลือของแพลตฟอร์มได้ยืนยันกับผู้ใช้งานว่า ฟังก์ชันของกระเป๋าเงินคริปโต (crypto wallet) จะยังคงใช้งานได้ตามปกติ
อย่างไรก็ตาม มีการระบุเพิ่มเติมว่า การสร้างกระเป๋าเงินใหม่ในบางตลาดจะถูกระงับในช่วงที่บริการ DEX ถูกหยุดชั่วคราว
ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 11 มีนาคม Bloomberg รายงานว่าหน่วยงานกำกับดูแลด้านการเงินในยุโรปกำลังตรวจสอบ DEX aggregator ของแพลตฟอร์ม หรือที่เรียกว่า “OKX Web3” หลังมีข้อกล่าวหาว่าแพลตฟอร์มนี้ถูกใช้เป็นเครื่องมือฟอกเงินที่เกี่ยวข้องกับการแฮก Bybit
การโจมตีครั้งดังกล่าวส่งผลให้เกิดการสูญเสียเงินกว่า 1.5 พันล้านดอลลาร์ โดยมีการกล่าวหาว่าเงินประมาณ 100 ล้านดอลลาร์ถูกฟอกผ่าน Web3 proxy ตามคำกล่าวของ Ben Zhou ซึ่งเป็น CEO ของ Bybit
ข้อกล่าวหา vs การตอบโต้อันดุเดือด
OKX ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเหล่านี้ โดยระบุว่าเป็นการให้ข้อมูลที่คลาดเคลื่อน พร้อมเน้นย้ำถึงความพยายามเชิงรุกของบริษัทในการต่อสู้กับอาชญากรรมทางการเงิน
“ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เราเผชิญกับการโจมตีจากสื่อที่มุ่งเป้าไปที่ความน่าเชื่อถือและการดำเนินงานของเรา” บริษัทกล่าวในบล็อกโพสต์
“เราไม่สามารถมองข้ามความจริงที่ว่าการโจมตีเหล่านี้เกิดขึ้นในช่วงที่เรากำลังต่อสู้กับอาชญากรรมทางการเงินอย่างจริงจัง”
นอกจากนี้ยังอธิบายเพิ่มเติมว่า ในช่วงที่เกิดการแฮก Bybit บริษัทได้ดำเนินการโดยทันทีในการระงับเงินที่เกี่ยวข้องซึ่งถูกส่งเข้าไปยัง centralized exchange (CEX) ของตน และได้พัฒนามาตรการรักษาความปลอดภัยใหม่เพื่อป้องกันเหตุการณ์ลักษณะนี้ในอนาคต
บริษัทยังแสดงความไม่พอใจต่อรายงานของสื่อที่ระบุผิดๆ ว่า DEX aggregator เป็นต้นกำเนิดของการซื้อขายที่ผิดกฎหมาย ทั้งที่ในความเป็นจริงแพลตฟอร์มเพียงทำหน้าที่เป็นจุดเข้าถึงสภาพคล่อง (liquidity access point) เท่านั้น
มาตรการรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดขึ้น ท้าชนการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์
เพื่อตอบสนองต่อความกังวลด้านกฎระเบียบและเสริมสร้างการป้องกัน บริษัทได้เปิดตัวโปรโตคอลความปลอดภัยขั้นสูง
มาตรการเหล่านี้ประกอบด้วยระบบตรวจจับที่อยู่ของแฮกเกอร์ (hacker address detection system) ซึ่งสามารถติดตามและบล็อกที่อยู่ที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสมแบบเรียลไทม์บนแพลตฟอร์ม CEX รวมถึงระบบที่ช่วยให้ blockchain explorers สามารถระบุธุรกรรมของ DEX ที่แท้จริงได้อย่างถูกต้อง
“เราดำเนินการควบคุมมากมายสำหรับ OKX Web3 เพื่อป้องกันการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ เช่น การบล็อก IP จากตลาดที่ไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการตรวจจับที่อยู่ที่มีความเสี่ยงแบบเรียลไทม์” Star Xu ซึ่งเป็น CEO ของบริษัทกล่าวเมื่อวันที่ 17 มีนาคม
บริษัทยังยืนยันอีกครั้งว่า DEX aggregator บน Web3 ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ดูแลสินทรัพย์ของผู้ใช้ (custodian of user assets) แต่มีบทบาทหลักในการเชื่อมต่อสภาพคล่องจากโปรโตคอลต่างๆ
“มีบางฝ่ายที่พยายามบิดเบือนข้อมูลเกี่ยวกับแพลตฟอร์มของเรา” บริษัทกล่าว พร้อมปกป้องบทบาทของแพลตฟอร์มในวงการ DeFi
ในขณะเดียวกัน Chainflip ซึ่งเป็น crosschain DEX ก็กำลังเตรียมอัปเกรดโปรโตคอล เพื่อป้องกันไม่ให้แฮกเกอร์ผู้กระทำความผิดกรณีแฮก Bybit มูลค่า $1.4 พันล้าน สามารถใช้แพลตฟอร์มของตนในการฟอกเงิน
การอัปเกรดเวอร์ชัน 1.7.10 ที่กำลังจะมาถึงนี้จะเพิ่มเครื่องมือคัดกรอง (screening tools) ที่ช่วยให้ผู้ดำเนินการโบรกเกอร์ เช่น SwapKit และ Rango DEX aggregator สามารถปฏิเสธการฝากเงินที่น่าสงสัยในรูปแบบ ETH และ ERC20 tokens ได้อย่างมีประสิทธิภาพ






