เผยเทคนิคใช้บิทคอยน์ซื้อบ้าน ไม่เสียภาษี นักลงทุนเล็งทำตาม

ปัจจุบัน การถือครองบิทคอยน์ยังคงกระจุกตัวอยู่ในกลุ่มคนจำนวนไม่มาก ซึ่งข้อมูลล่าสุดชี้ว่า มีประชากรโลกเพียง 4% ที่เป็นเจ้าของ บิทคอยน์ ทำให้ผู้ถือครองกลุ่มแรกๆ มีความได้เปรียบในการสร้างความมั่งคั่ง และกลายเป็นเศรษฐีบิทคอยน์ไปแล้วส่วนหนึ่ง หากคุณสนใจสามารถอ่านบทความเศรษฐีบิทคอยน์ที่เป็นที่รู้จักมีใครบ้าง ซึ่งรวมตัวอย่างนักลงทุนผู้ถือครองบิทคอยน์รายใหญ่จากทั่วโลกไว้ให้ศึกษาแนวทาง.

ด้วยประวัติศาตร์ที่แนวโน้มราคาบิทคอยน์ ที่มีราคาไต่สูงขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี นักลงทุนหน้าใหม่ส่วนใหญ่ก็ได้มีแนวคิดการถือครองเพื่อรอราคาสูงขึ้นตามเศรษฐีบิทคอยน์เหล่านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวิเคราะห์ระยะยาวจากสถาบันการเงินชั้นนำ โดย Ark Invest ได้คาดการณ์ว่าราคาบิทคอยน์อาจพุ่งแตะ 1.5 ล้านดอลลาร์ ภายในปี 2030 จากความต้องการของนักลงทุนสถาบัน

เศรษฐีบิทคอยน์เหล่านี้กำลังค้นพบวิธีใหม่ในการปลดล็อกความมั่งคั่งจากคริปโตเพื่อเข้าสู่โลกอสังหาริมทรัพย์ โดยไม่ต้องขายเหรียญแม้แต่ Satoshi เดียว ข้อมูลจาก Cointelegraph.com รายงานว่าเทรนด์การใช้สินเชื่อที่มี บิทคอยน์ ค้ำประกันกำลังมาแรง ช่วยให้ผู้ถือครองสามารถซื้อบ้านหรือที่ดินได้โดยไม่ต้องเผชิญกับภาระภาษีกำไรจากการขายสินทรัพย์ (Capital Gains Tax) ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มนักลงทุนยุคแรกและผู้มีความมั่งคั่งสูง

เทรนด์ใหม่มาแรง! ใช้ บิทคอยน์ ค้ำประกันซื้อบ้านทำได้อย่างไร?

Mauricio Di Bartolomeo ผู้ร่วมก่อตั้ง Ledn แพลตฟอร์มให้กู้ยืมคริปโตชั้นนำ เผยว่าโมเดลการกู้ยืมโดยใช้บิทคอยน์ค้ำประกันนี้กำลังเป็นที่นิยมในกลุ่ม “เศรษฐีบิทคอยน์” ที่มักไม่เข้าเกณฑ์การขอสินเชื่อบ้านแบบดั้งเดิม กระบวนการทำงานเรียบง่ายแต่ทรงพลัง โดยผู้กู้จะนำบิทคอยน์ของตนมาวางเป็นหลักประกัน ซึ่งโดยทั่วไปจะมีอัตราส่วนเงินกู้ต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV) อยู่ที่ 50%

ตัวอย่างเช่น หากคุณถือครองบิทคอยน์จำนวน 1 BTC โดย ณ ปัจจุบันราคาตลาดอยู่ที่ประมาณ 3,473,070 บาท คุณสามารถใช้บิทคอยน์นี้เป็นหลักประกันเพื่อกู้เงินได้สูงสุดที่อัตราส่วน LTV 50% หรือประมาณ 1,736,535 บาท โดยยังคงสถานะการถือครองบิทคอยน์อยู่ในระบบของผู้ให้กู้

ข้อดีคือคุณไม่ต้องขายบิทคอยน์เพื่อแปลงเป็นเงินสด ลดความเสี่ยงจากการพลาดโอกาสทำกำไรในอนาคตหากราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้น ขณะเดียวกันยังมีเงินไปซื้อบ้านหรือใช้เป็นเงินดาวน์ได้ทันที

หลังจากนั้น ผู้กู้จะได้รับเงินสด (Fiat) หรือ Stablecoins เพื่อนำไปใช้เป็นเงินดาวน์หรือจ่ายค่าอสังหาริมทรัพย์ทั้งจำนวน ข้อดีที่สำคัญคือความรวดเร็ว โดย Ledn ระบุว่าเวลาเฉลี่ยในการอนุมัติและรับเงินทุนอยู่ที่เพียง 9.6 ชั่วโมงเท่านั้น ทำให้การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เป็นไปอย่างราบรื่นและทันท่วงที

วิเคราะห์ข้อดี-ข้อเสีย: ทำไมการกู้ด้วย บิทคอยน์ ถึงน่าสนใจ?

จุดเด่นที่สุดของการกู้ยืมด้วย บิทคอยน์ คือการหลีกเลี่ยงภาษีกำไรจากการขายสินทรัพย์ (Capital Gains Tax) Di Bartolomeo อธิบายว่า “การกู้ยืมโดยใช้สินทรัพย์ค้ำประกันโดยทั่วไปไม่ถือเป็นเหตุการณ์ที่ต้องเสียภาษี เพราะคุณไม่ได้ขายบิทคอยน์ของคุณ” ทำให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงสภาพคล่องได้โดยยังคงสถานะการถือครอง บิทคอยน์ เพื่อรอรับผลกำไรในอนาคตหากราคาสูงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงหลักคือความผันผวนของราคาบิทคอยน์หากราคา บิทคอยน์ ร่วงลงและทำให้ LTV เพิ่มสูงขึ้น ผู้กู้จะได้รับการแจ้งเตือนให้วางหลักประกันเพิ่มเติม และหาก LTV แตะระดับ 80% ผู้ให้กู้จะทำการขาย บิทคอยน์ ในจำนวนที่จำเป็นเพื่อชำระคืนหนี้สิน แต่ถึงแม้จะเกิดการบังคับขาย (Liquidation) ก็ไม่ได้ทำให้การซื้อบ้านเป็นโมฆะ เพราะธุรกรรมอสังหาฯ ได้เสร็จสิ้นไปแล้ว เป็นเพียงการปิดสถานะเงินกู้เท่านั้น

ยกตัวอย่าง สมมุติคุณใช้ 1 BTC ซึ่งมีมูลค่า 3,473,070 บาท เป็นหลักประกัน และกู้มา 1,736,535 บาท (LTV = 50%) หากราคาบิทคอยน์ลดลงเหลือ 2,171,000 บาท (ลดลงราว 37.5%) มูลค่าหลักประกันจะเหลือเท่านี้ทันที ทำให้ LTV เพิ่มขึ้นเป็น ~80%

ณ จุดนี้ ผู้ให้กู้จะเริ่มส่งคำเตือนให้คุณนำบิทคอยน์เพิ่มมาเป็นหลักประกัน หรือชำระหนี้บางส่วน หากคุณเพิกเฉย ผู้ให้กู้มีสิทธิ์บังคับขายบิทคอยน์บางส่วนเพื่อรักษาเสถียรภาพของเงินกู้ แม้จะเกิดการบังคับขาย แต่การซื้อบ้านจะยังคงเสร็จสิ้นแล้ว ไม่มีผลย้อนหลัง

ไม่ต้องเช็คเครดิต? เปิดกลไกอนุมัติสินเชื่อ บิทคอยน์ ที่รวดเร็ว

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้สินเชื่อ บิทคอยน์ ได้รับความนิยมคือการที่ไม่จำเป็นต้องตรวจสอบประวัติเครดิต (Credit Score) เหมือนสถาบันการเงินแบบดั้งเดิมที่มักมองคริปโตด้วยความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบ สำหรับผู้ให้กู้คริปโต หลักประกันคือตัวสำคัญที่สุด ผู้กู้ต้องวางหลักประกันในอัตราส่วน 2:1 ซึ่งผู้ให้กู้สามารถบังคับขายได้ทันทีหากมูลค่าลดลง

Di Bartolomeo กล่าวว่า “เราเชื่อว่าบิทคอยน์เป็นหลักประกันที่บริสุทธิ์ที่สุดในโลก มันซื้อขายได้ 24/7 มีสภาพคล่องสูง และทำธุรกรรมได้ทั่วโลกแบบเรียลไทม์” ความเชื่อมั่นนี้สะท้อนจากตัวเลขของ Ledn ที่ปล่อยสินเชื่อรายย่อยไปแล้วกว่า 300 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสแรกของปี 2025 และคาดว่าจะทะลุ 1 พันล้านดอลลาร์ภายในสิ้นปี แสดงให้เห็นว่านักลงทุนรายใหญ่เลือกที่จะ “HODL” และใช้ประโยชน์จาก บิทคอยน์ เพื่อซื้อสินทรัพย์ที่จับต้องได้แทนการขายทิ้ง

การตัดสินใจ HODL ของนักลงทุนรายใหญ่สะท้อนความเชื่อมั่นในศักยภาพระยะกลางของบิทคอยน์เช่นกัน โดยนักวิเคราะห์ชื่อดังอย่าง Scott Melker ได้คาดการณ์ว่า Bitcoin มีโอกาสแตะ 250,000 ดอลลาร์ในปี 2025

สรุป: สินเชื่อบิทคอยน์พลิกเกมลงทุนอสังหาฯ และอนาคตที่น่าจับตา

เทรนด์การใช้บิทคอยน์ค้ำประกันสินเชื่อเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์กำลังกลายเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ทรงพลังสำหรับนักลงทุนคริปโตทั่วโลก ไม่เพียงแต่จะช่วยให้เข้าถึงสภาพคล่องได้อย่างรวดเร็วและหลีกเลี่ยงภาระภาษี แต่ยังเปิดโอกาสให้ยังคงสถานะการลงทุนใน บิทคอยน์ ต่อไปได้อีกด้วย แม้จะมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา แต่ด้วยกลไกที่ชัดเจนและการยอมรับที่เพิ่มขึ้นจากสถาบันอย่าง Xapo Bank และ Ledn ทำให้โมเดลนี้เป็นทางเลือกใหม่ที่น่าจับตามองสำหรับผู้ที่ต้องการแปลงความมั่งคั่งดิจิทัลให้กลายเป็นสินทรัพย์ที่จับต้องได้โดยไม่ทิ้งโอกาสการเติบโตในโลกคริปโต

ณ ตอนนี้ ในประเทศไทยยังไม่มีบริการกู้บ้านโดยใช้บิทคอยน์ค้ำประกันโดยตรงจากผู้ให้กู้อสังหาฯ หรือธนาคารหลัก แม้จะมีแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตฯ ดังนั้น นักลงทุนควรจับตาการพัฒนานโยบาย ความร่วมมือระหว่างสถาบันการเงินและผู้ให้บริการคริปโตฯ ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไร เพราะหากมีการเปิดบริการลักษณะนี้ จะเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญในวงการสินเชื่อไทย

นอกเหนือจากบิทคอยน์แล้ว ตลาดคริปโตโดยรวมยังมีโอกาสการลงทุนที่น่าสนใจอีกมากมาย สำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง สามารถศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับ เหรียญ Altcoin ที่น่าสนใจแห่งปี 2025 เพื่อมองหาโอกาสการเติบโตใหม่ๆ ได้ สำหรับผู้ที่ต้องการจัดเก็บสินทรัพย์อย่างปลอดภัยการเลือกใช้ กระเป๋าบิทคอยน์Wallet ที่ดีที่สุด ก็เป็นขั้นตอนแรกที่นักลงทุนไม่ควรมองข้าม