วิทาลิกเล็งขยายขีดจำกัดแก๊ส Ethereum เพิ่มความยืดหยุ่น L1

Ethereum
Last updated:
Author
Author
Somchai Wang
About Author

สมชายเป็นนักเขียนคอนเทนต์ที่มีประสบการณ์กว่า 10 ปี ในด้านคริปโต...

Fact Checked by
Author
Anuchit Laemsing
About Author

นักเขียนด้านคริปโตและเทคโนโลยี...

Last updated:
ทำไมจึงไว้วางใจ Cryptonews
Cryptonews ได้รายงานข่าวในวงการคริปโตเคอเรนซีมานานกว่า 10 ปี ทีมงานที่เชี่ยวชาญของเรามุ่งเน้นการวิเคราะห์ตลาด เทคโนโลยีบล็อกเชน และการรายงานอย่างถูกต้องและสมดุล ครอบคลุมคริปโต บล็อกเชน และการพัฒนาในอุตสาหกรรม เรามุ่งมั่นในการให้ความโปร่งใสกับผู้อ่าน เนื้อหาบางส่วนอาจมี Affiliate Links ซึ่งเราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่น หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มโปรดอ่านรายละเอียดในเพจ Affiliate Disclosure
วิทาลิกเล็งขยายขีดจำกัดแก๊ส Ethereum เพิ่มความยืดหยุ่น L1

วิทาลิก บูเทอริน (Vitalik Buterin) ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ได้ออกมาเรียกร้องให้เพิ่ม Capacity ซึ่งหมายถึงความสามารถในการประมวลผลธุรกรรมของเครือข่ายบล็อกเชนของ Layer-1 ของ Ethereum เพื่อรองรับการใช้งานที่เพิ่มขึ้นและลดค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรม

การเรียกร้องนี้เกิดขึ้นเนื่องจาก Ethereum ยังคงเผชิญกับปัญหาคอขวดในการประมวลผลธุรกรรม ทำให้ค่าธรรมเนียมสูงขึ้นโดยเฉพาะในช่วงที่มีกิจกรรมบนเครือข่ายสูง

ทำไม Ethereum ต้องเพิ่ม Capacity

ตามรายงานจาก Investing Ethereum เผชิญกับความท้าทายในการขยายขนาด (Scalability) มาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อประสบการณ์ผู้ใช้และค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมที่สูง

ปัญหาเหล่านี้เป็นอุปสรรคสำคัญต่อการนำ Ethereum ไปใช้งานในวงกว้าง โดยเฉพาะในด้าน DeFi และ NFTs ซึ่งต้องการการทำธุรกรรมที่รวดเร็วและมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำ

วิทาลิกมองว่าการเพิ่ม Capacity ใน Layer-1 เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ Ethereum สามารถรองรับปริมาณธุรกรรมที่มากขึ้นได้โดยไม่ต้องพึ่งพา Layer-2 มากเกินไป

การพึ่งพา Layer-2 มากเกินไปอาจนำไปสู่ความซับซ้อนและ Fragmentation ของระบบนิเวศ Ethereum ได้

Fragmentation ในโลกคริปโตหมายถึงการกระจายตัวหรือการแตกแยกของสภาพคล่อง (Liquidity) และผู้ใช้งานระหว่างหลาย ๆ บล็อกเชนหรือโปรโตคอล ซึ่งทำให้ระบบนิเวศคริปโตขาดความเชื่อมต่อกันอย่างราบรื่น ส่งผลกระทบต่อการทำธุรกรรมและการใช้งานโดยรวม

Layer-1 vs Layer-2: อะไรคือทางออกที่ดีกว่า?

การแก้ไขปัญหาการขยายขนาดของ Ethereum มี 2 แนวทางหลักคือการปรับปรุง Layer-1 (เช่น การเพิ่ม Block Size หรือการปรับปรุง Consensus Algorithm) และการพัฒนาโซลูชัน Layer-2 (เช่น Rollups และ Sidechains)

วิทาลิกเชื่อว่าทั้ง 2 แนวทางมีความสำคัญ แต่การเพิ่ม Capacity ใน Layer-1 เป็นสิ่งที่ไม่สามารถมองข้ามได้

Layer-1 มีข้อดีคือเป็นเลเยอร์พื้นฐานที่มั่นคงและปลอดภัยสำหรับ Ethereum ทั้งหมด แต่มีข้อจำกัดในด้านการขยายขนาด

ในขณะที่ Layer-2 สามารถเพิ่มการขยายขนาดได้อย่างมาก แต่ก็อาจมีข้อเสียในด้านความซับซ้อนและการกระจายอำนาจ

วิทาลิกมองว่าการหาจุดสมดุลระหว่างทั้ง 2 แนวทางเป็นสิ่งสำคัญ

อนาคตของ Ethereum: การปรับปรุง Layer-1 จะนำไปสู่สิ่งใด?

หาก Ethereum สามารถเพิ่ม Capacity ใน Layer-1 ได้สำเร็จจะส่งผลดีต่อระบบนิเวศของ Ethereum ในหลายด้าน เช่น ค่าธรรมเนียมในการทำธุรกรรมจะลดลง ระบบ DeFi และ NFTs จะสามารถเติบโตได้อย่างรวดเร็ว และ Ethereum จะสามารถแข่งขันกับบล็อกเชนอื่น ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

อย่างไรก็ตาม การปรับปรุง Layer-1 ไม่ใช่เรื่องง่าย และอาจต้องมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในโครงสร้างของ Ethereum

การตัดสินใจในการปรับปรุง Layer-1 จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลกระทบต่อความปลอดภัยและการกระจายอำนาจของ Ethereum

ข่าวเด่นห้ามพลาด

ข่าวคริปโต
ดูไบนำร่อง Tokenization อสังหาคาดมูลค่าพุ่ง $16,000 ล้านใน 2033
Somchai Wang
Somchai Wang
2025-03-20 03:20:54
ข่าว Ethereum
Ethereum เตรียมปิดการใช้ Holesky Testnet ในเดือนกันยายน
Somchai Wang
Somchai Wang
2025-03-19 23:15:25
Crypto News in numbers
editors
Authors List + 66 More
2M+
มีผู้ใช้งานรายเดือนทั่วโลกมากกว่า
250+
มีบทความรีวิวและคู่มือมากกว่า
8 ปี
อยู่ในตลาดมาแล้ว
70 คน
มีทีมงานนักเขียนนานาชาติกว่า