Justin Drake เผยโฉม Beam Chain พร้อมก้าวสู่ Ethereum 3.0 ที่งาน Devcon

Devcon 2024 Ethereum Market Trends ข่าว Ethereum วันนี้
Last updated:
Author
Author
Natharika Bumroongroj
About Author

ณัฐริกา บํารุงโรจน์ หรือ “นัท” นักเขียนไฟแรงสายการลงทุน...

Last updated:
ทำไมจึงไว้วางใจ Cryptonews
เป็นเวลามากว่า 10 ปีที่ Cryptonews ได้รายงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเรา ทีมงานนักข่าวและนักวิเคราะห์ของเรามีประสบการณ์อย่างกว้างขวางในด้านการวิเคราะห์ตลาดและเทคโนโลยีบล็อกเชน เรามุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานด้านบรรณาธิการให้อยู่ในระดับสูง โดยเน้นความถูกต้องของข้อเท็จจริงและการรายงานอย่างสมดุลในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นคริปโตเคอเรนซี โปรเจกต์บล็อกเชน งานอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ หรือการพัฒนาเทคโนโลยี การที่เราอยู่ในอุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ https://cryptonews.com/about-us/">อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Cryptonews
การเปิดเผยโฆษณาเรามุ่งมั่นในการสร้างความโปร่งใสอย่างเต็มที่กับผู้อ่านของเรา บางเนื้อหาในเว็บไซต์อาจมีลิงก์พันธมิตร ซึ่งเราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นจากความร่วมมือเหล่านี้
Justin Drake เผยโฉม Beam Chain พร้อมก้าวสู่ Ethereum 3.0 ที่งาน Devcon

Justin Drake นักวิจัยจาก Ethereum Foundation ได้เปิดตัว “Beam Chain” การอัพเกรดที่ทะเยอทะยานสำหรับเลเยอร์ฉันทามติของ Ethereum ในงานประชุม Devcon SEA

บางคนขนานนามว่านี่คือ “Ethereum 3.0” โปรเจกต์นี้จะโฟกัสในการทำให้เวลาในการสร้างบล็อกเร็วขึ้น ลดจำนวนสินทรัพย์ที่ต้องวางเดิมพันสำหรับของผู้ตรวจสอบ (Validators) และใช้เทคนิคการเข้ารหัสขั้นสูงเพื่อเพิ่มความสามารถในการปรับขนาดและความปลอดภัย

ยุคใหม่ของ Ethereum

Drake ได้วางกรอบข้อเสนอนี้ภายใต้ “ยุค” แห่งวิวัฒนาการของ Ethereum ซึ่งบ่งบอกถึงการเปลี่ยนผ่านที่อาจจะเกิดขึ้นสู่ยุค ZK (Zero-Knowledge)

Ethereum ได้เปลี่ยนจากระบบ Proof-of-Work ไปสู่ Proof-of-Stake ด้วยการอัพเกรด The Merge ในปี 2022 และ Beam Chain อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของยุคถัดไป โดยใช้เทคโนโลยี SNARKs (Succinct Non-Interactive Argument of Knowledge)

นวัตกรรมการเข้ารหัสนี้ช่วยให้ผู้ที่เกี่ยวข้องสามารถตรวจสอบการคำนวณหรือข้อมูลได้โดยไม่ต้องเปิดเผยข้อมูลพื้นฐาน ซึ่งเป็นการปูทางสู่การปรับขนาดและความเป็นส่วนตัวที่ดียิ่งขึ้น

หนึ่งในคุณสมบัติเด่นของ Beam Chain คือการเสนอลดระยะเวลาสล็อต ซึ่งเป็นช่วงเวลาคงที่สำหรับการเสนอบล็อก จาก 12 วินาทีเหลือ 4 วินาที ทำให้การยืนยันบล็อกเร็วขึ้นภายในสามสล็อต

นอกจากนี้ มันยังช่วยลดความซับซ้อนของโครงสร้างเครือข่ายได้ด้วยการกำจัด epochs ซึ่งปัจจุบันทำหน้าที่ในการจัดระเบียบหน้าที่ของ Validator ในกลุ่มของ 32 สล็อต

การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ การลดขีดจำกัดการ Staking โดยลดจำนวน Stake ขั้นต่ำในการเปิดใช้งาน Validator Node จาก 32 ETH เหลือเพียง 1 ETH เท่านั้น

Drake อธิบายว่าการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้มีจุดประสงค์เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องในการออกแบบของ Beacon Chain ของ Ethereum ในปัจจุบัน พร้อมทั้งส่งเสริมการมีส่วนร่วมด้วยการลดอุปสรรคในการเข้าร่วมเป็น Validator

อย่างไรก็ตาม เขาเน้นย้ำว่าการได้รับฉันทามติจากชุมชนจะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการนำไปใช้งานจริง

การปรับขนาดโดยไม่ต้องใช้ Layer 2?

ข้อเสนอนี้อาจจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการปรับขนาดของเครือข่ายหลัก Ethereum ได้เป็นอย่างมาก ซึ่งอาจลดการพึ่งพาโซลูชัน Layer 2

แม้ว่าเครือข่าย Layer 2 จะมีบทบาทสำคัญในการปรับขนาดของ Ethereum แต่ก็ได้จุดประเด็นการถกเถียงเกี่ยวกับผลกระทบที่มีต่อมูลค่าของเครือข่ายชั้นพื้นฐาน

ด้วยการผสานเทคโนโลยี zkEVM (Zero-Knowledge Ethereum Virtual Machine) แบบเนทีฟ Beam Chain จะช่วยให้โหนดสามารถตรวจสอบบล็อกโดยใช้ SNARKs ซึ่งจะกำจัดข้อจำกัดด้านค่าแก๊สและทำให้สามารถสร้างบล็อกขนาดใหญ่ได้ไม่จำกัด

การปราศรัยของ Drake ยังมีขึ้นหลังจากเกิดข้อถกเถียงเกี่ยวกับการลาออกจากตำแหน่งที่ปรึกษาของ EigenLayer ซึ่งเป็นแพลตฟอร์ม restaking ท่ามกลางความกังวลเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อน

เขาได้กล่าวขอโทษสำหรับ “ดราม่า” ที่เกิดขึ้นเกี่ยวกับการจัดสรรโทเค็นจำนวนมาก พร้อมยอมรับการวิพากษ์วิจารณ์จากชุมชน Ethereum

แม้จะเผชิญกับความท้าทายเหล่านี้ Drake ยังคงมุ่งมั่นที่จะสร้างนวัตกรรม โดยเขาได้กล่าวถึง Beam Chain ว่าเป็น “โปรเจกต์ที่ท้าทายที่สุดจนถึงปัจจุบัน” พร้อมเล่าถึงการพัฒนาข้อเสนอซึ่งใช้เวลาหลายเดือนในการทำงานร่วมกับนักวิจัยและนักพัฒนา

เขากล่าวว่า “นี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้น และการมีส่วนร่วมของชุมชนจะเป็นกุญแจสำคัญในการสร้างฉันทามติโดยรวม”

การเดินทางของ Ethereum หลังการ Merge

หากสำเร็จ Beam Chain จะถือเป็นการอัพเกรดที่สำคัญที่สุดของ Ethereum นับตั้งแต่ The Merge ที่รวม mainnet ของ Ethereum เข้ากับ Beacon Chain ในปี 2022

The Merge ทำให้ Ethereum เปลี่ยนไปใช้ระบบ Proof-of-Stake ซึ่งลดการใช้พลังงานลงกว่า 99% และวางรากฐานสำหรับการพัฒนาด้านความสามารถในการขยายตัวในอนาคต

ชุมชนได้เลิกใช้คำว่า “Ethereum 2.0” ไปแล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนเกี่ยวกับความต่อเนื่องของบล็อกเชน

เช่นเดียวกัน Drake ได้แสดงความกังวลเกี่ยวกับการเรียกข้อเสนอใหม่นี้ว่า “Ethereum 3.0” โดยต้องการรักษาความชัดเจนและป้องกันการเข้าใจผิด

เพิ่มความน่าสนใจให้กับการประกาศครั้งนี้ Ethereum Foundation ได้ขาย ETH จำนวน 100 เหรียญเป็นเงิน 334,316 ดอลลาร์ในรูปแบบของ DAI Stablecoin ก่อนที่ Drake จะขึ้นกล่าวปราศรัย ตามรายงานของ Spot On Chain

นี่ถือเป็นการขาย ETH ครั้งแรกของ Ethereum Foundation นับตั้งแต่เปิดเผยรายงานการเงิน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงสินทรัพย์ในคลังมูลค่า 970 ล้านดอลลาร์ ประกอบด้วยคริปโทเคอร์เรนซีมูลค่า 788.7 ล้านดอลลาร์ (ส่วนใหญ่เป็น Ether) และสินทรัพย์ที่ไม่ใช่คริปโตมูลค่า 181.5 ล้านดอลลาร์

ข่าวเด่นห้ามพลาด

ข่าวบล็อกเชน
มีอะไรเกิดขึ้นกับคริปโตในวันนี้ ? สรุปข่าว Crypto ประจำวัน
Amy
Amy
2024-12-12 10:14:17
ข่าว Altcoin
WLFI ที่ได้รับการสนับสนุนจากทรัมป์ ซื้อ ETH, LINK และ AAVE มูลค่า 12 ล้านเหรียญ ส่งผลให้ยอดถือ ETH รวม 56 ล้าน
Anuchit Laemsing
Anuchit Laemsing
2024-12-12 10:04:50
Crypto News in numbers
editors
Authors List + 66 More
2M+
มีผู้ใช้งานรายเดือนทั่วโลกมากกว่า
250+
มีบทความรีวิวและคู่มือมากกว่า
8 ปี
อยู่ในตลาดมาแล้ว
70 คน
มีทีมงานนักเขียนนานาชาติกว่า