แพลตฟอร์มชำระเงินในสิงคโปร์ เตรียมหันมาใช้ Stablecoin แทน Bitcoin

ล่าสุด DTCpay แพลตฟอร์มให้บริการชำระเงินด้วยคริปโตเคอเรนซีจากสิงคโปร์ ได้ประกาศเตรียมเปลี่ยนไปใช้เพียง Stablecoin อย่างเต็มรูปแบบภายในเดือนมกราคม ปี 2025 โดยจะยุติการทำธุรกรรมด้วยสกุลเงินคริปโตอื่นๆอย่าง Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) ภายในสิ้นปี 2024 นี้
เหตุผลสำคัญ ที่ต้องเปลี่ยนแปลงมาเป็น Stablecoins
อ้างอิงตามประกาศเปิดเผยว่า เนื่องความผันผวนของราคา Bitcoin และ Ethereum ซึ่งเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับผู้ใช้งานที่ต้องการความเสถียรในระบบการชำระเงินดิจิทัล ดังนั้น stablecoins ที่มีมูลค่าการผูกกับสกุลเงิน fiat อย่างเช่น ดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มีมูลค่าที่คงที่ จึงเป็นทางเลือกที่มีประโยชน์สำหรับทั้งผู้ใช้งานรายย่อยและผู้ใช้งานแบบสถาบัน
โดยบริษัทมีแผนที่จะให้บริการโดยมุ่งเน้นไปที่ stablecoins เช่น USDT (Tether) และ USDC (USD Coin) พร้อมกับการสนับสนุนเพิ่มเติมสำหรับ FDUSD (First Digital USD) และ WUSD (Worldwide USD) ที่กำลังจะตามมาในอนาคต
การตัดสินใจนี้สะท้อนถึงการใช้งานการชำระเงินดิจิทัล ในประเทศสิงคโปร์ ที่มีการใช้งาน stablecoins ที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยปริมาณธุรกรรมเพิ่มขึ้นจนมีเงินหมุนเวียนภายในเกือบสองเท่าถึง $1 พันล้านดอลลาร์ ในไตรมาสที่ 2 ปี 2024 ตามรายงานของ Chainalysis

สิงคโปร์ ขับเคลื่อนการใช้งาน Stablecoin
เรียกได้ว่าการเปลี่ยนแนวทางของ Dtcpay ไปสู่ Stablecoins นั้นสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ขององค์กรในการปรับปรุงขีดความสามารถในการขยายตัวและความสามารถในการทำงานร่วมกันของบริการชำระเงิน โดยบริษัทมีแผนที่จะรวม FDUSD ซึ่งทำงานบน Ethereum และ BNB Chain ที่ได้รับการสนับสนุนจาก Binance และ WUSD ที่ผูกกับมูลค่า U.S. dollar เข้าด้วยกัน
โดยเทรนด์ของ stablecoin ไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสิงคโปร์เท่านั้น แต่ยังได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั่วโลก โดยเฉพาะในภาคการธนาคารในเอเชีย ตะวันออกกลาง และยุโรป
ในขณะเดียวกัน Singapore Gulf Bank วางแผนที่จะระดมทุน $50 ล้าน เพื่อเข้าซื้อกิจการบริษัทด้านการชำระเงินด้วย stablecoin ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ถึงความสำคัญที่เพิ่มขึ้นในระบบการเงินของสิงคโปร์






