กระทรวงยุติธรรม US กำลังสู้ศึกเก่ากับ Google Chrome อยู่หรือไม่?

DOJ
Crypto Writer
Crypto Writer
Pattada Lertwattana
ตรวจสอบข้อมูลโดย
ผู้เขียน
Pakphum Kerdprap
อัปเดตล่าสุด: 
Crypto Disclaimer (คำเตือน)
คำเตือน: คริปโตเป็นสินทรัพย์ประเภทความเสี่ยงสูง บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อวัตถุประสงค์ในการให้ข้อมูลและไม่ได้ถูกจัดทำขึ้นเพื่อเป็นการชี้ชวนให้มีการลงทุน การใช้งานเว็บไซต์นี้แสดงว่าคุณยอมรับในข้อกำหนดและเงื่อนไขของเรา เราอาจใช้ลิงค์พันธมิตรภายในเนื้อหาของเราและรับค่าคอมมิชชัน

กระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ ได้เสนอให้ Google ขาย Chrome browser ไป เพื่อกำจัดปัญหาเรื่องการผูกขาดตลาดของ Google

และนี่ไม่ใช่ประเด็นทางกฎหมายเพียงเรื่องเดียวที่ Google กำลังเผชิญ เพราะในสหราชอาณาจักร บริษัทกูเกิลก็กำลังเผชิญกับคดีฟ้องร้องแบบกลุ่ม (class action lawsuit) มูลค่า 7 พันล้านปอนด์ (8.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) เนื่องจากการครอบงำในตลาดการค้นหาเว็บ

ดูเหมือนว่าปี 2024 นี้จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์ว่าเป็นปีที่ชงสำหรับกลุ่มบริษัทเทคโนโลยีรายใหญ่ เพราะทั้ง Meta, Amazon, Apple และ Google ต่างก็ตกเป็นข่าวพาดหัวเกี่ยวกับการถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎระเบียบการผูกขาดทางการค้า

หากชาวเน็ตคนไหนติดตามข่าวมานาน อาจจะจำได้ว่าเรื่องนี้คล้ายกับช่วงยุค 1990s ที่การปราบปรามทางกฎระเบียบได้ทำให้ Microsoft สูญเสียความเป็นผู้นำในโลกของเทคโนโลยี พร้อมทั้งต้องเข้าไปพัวพันกับการต่อสู้ทางกฎหมายอยู่เกือบตลอดทศวรรษ ซึ่งได้เปิดโอกาสให้บริษัทเทคโนโลยีที่เรารู้จักกันดีในปัจจุบัน ก้าวขึ้นมาเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายแทน

และตอนนี้ดูเหมือนว่าหน่วยงานกำกับดูแลการตลาด จะเริ่มหันมาสนใจบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีอีกครั้ง โดยมีการตั้งคำถามเกี่ยวกับการควบคุมตลาดและแนวทางปฏิบัติของพวกเขา กล่าวได้ว่ามาตรการที่ครั้งหนึ่งเคยสนับสนุนการสร้างนวัตกรรม ตอนนี้กลับกลายเป็นการจำกัดมันเอาไว้แทน

แต่ว่าในครั้งนี้ หน่วยงานกำกับดูแลอาจจะตามสถานการณ์ไม่ทันแล้วหรือเปล่า?

เรื่องราวความสำเร็จของ Chrome ที่คล้ายกับสงครามเบราว์เซอร์ยุค 90’s

Google Chrome เป็นเว็บเบราว์เซอร์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก โดยมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 66% ส่วนคู่แข่งที่ใกล้เคียงที่สุดก็คือ Apple Safari ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ 18% แต่ที่น่าสนใจคือ Apple กำลังเผชิญหน้ากับคดีฟ้องร้องมูลค่า 3 พันล้านปอนด์ เกี่ยวกับข้อกล่าวหาการผูกขาด iCloud storage

แม้ Microsoft Edge จะเคยชนะในสงครามเบราว์เซอร์ยุค 90 แต่ปัจจุบันกลับตามหลังคู่แข่งอยู่มาก โดยมีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 5.25% เท่านั้น สุดท้าย Firefox ซึ่งเคยเป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับกลุ่มผู้ใช้เบราว์เซอร์เฉพาะกลุ่มในอดีต ขณะนี้ก็กำลังประสบปัญหาหนักและมีส่วนแบ่งการตลาดเพียง 2.65% เท่านั้น ทั้งยังมีข่าวลือว่ากำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรงเป็นช่วงๆ

ปัจจุบันมีผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตประมาณ 3.45 พันล้านคนที่ใช้ Chrome เป็นเบราว์เซอร์หลัก และฐานผู้ใช้งานของ Chrome ได้เติบโตขึ้น 4.5% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยรวมแล้ว Chrome มีผู้ใช้งานใหม่ทั้งหมดเพิ่มมา 1.06 พันล้านคนในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตาม Google กำลังเจอปัญหาใหญ่เมื่อถูกกระทรวงยุติธรรมสหรัฐ (DOJ) กล่าวหาว่ามีพฤติกรรมกีดกันการแข่งขัน โดยส่วนหนึ่งมาจากการเชื่อมโยง Android เข้ากับ Google Search และ Google Chrome นอกจากนี้ยังมีการจ่ายเงินจำนวนมากให้กับบริษัทอย่าง Apple เพื่อให้ Google Search ยังคงเป็นตัวเลือกการค้นหาเริ่มต้น

และข้อกล่าวหาเหล่านี้คล้ายกับกรณีของ Microsoft ในยุค 90 ที่หลายคนอาจจำได้นั่นเอง

ทั้งนี้ นักวิจารณ์ด้านเทคโนโลยีจำนวนหนึ่งมองว่าการบังคับให้ Google ขาย Chrome ไปอาจจะไม่ได้ช่วยให้เจเนอเรชันใหม่เกิดขึ้นได้จริง แต่มันอาจจะแค่เปลี่ยนการผูกขาดเครื่องมือการค้นหาไปยังบริษัทอื่นที่แค่มีชื่อและโลโก้ใหม่เท่านั้น

DOJ กำลังย้อนรอยสู้ศึกวันวานกับ Google อยู่หรือเปล่า?

แม้ว่าพาดหัวข่าวจะชี้ให้เห็นถึงการเคลื่อนไหวของกระทรวงยุติธรรมของสหรัฐฯ หรือ DOJ แต่จริงๆ แล้ว DOJ อาจจะกำลังตามหลังเรื่องนี้อยู่มาก เนื่องจากตอนนี้ตลาดการค้นหาของ Google กำลังถูกโจมตีอยู่แล้ว ถ้าเราสังเกตการค้นหาภายในบ้านที่มีหลายเจเนอเรชั่น จะเห็นได้ว่า การค้นหาข้อมูลในปัจจุบันเริ่มแยกออกเป็นหลายรูปแบบ โดยผู้ใช้เริ่มย้ายไปใช้บริการ AI เช่น ChatGPT, Perplexity และ Grok แทนที่จะใช้ Google อย่างเดิม

ทั้งนี้ Michael Walrath ประธานกรรมการและ CEO ของ Yext Inc. ได้บอกกับทางเราว่า เรากำลังจะเข้าสู่ช่วงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิธีที่เราค้นหา บริโภค และมีปฏิสัมพันธ์กับข้อมูล โดย Walrath ชี้ว่าเรื่องนี้อาจจะดูน่าประหลาดแค่ตรงที่เราได้ใช้ชีวิตอยู่ในช่วงของการผูกขาดที่มั่นคงยาวนานที่สุด ในรอบ 15 ปีที่ผ่านมา

“เรากำลังเห็นประสบการณ์การค้นหาที่กระจัดกระจายมากขึ้น ผู้ใช้งานไม่ได้อยู่ที่แพลตฟอร์มเดี่ยวอีกต่อไป แต่กำลังเคลื่อนย้ายไปยังหลายแพลตฟอร์มที่มีวิธีการค้นพบข้อมูลในแบบที่ตอบสนองต่อความต้องการในแต่ละประเภทได้ดีขึ้น

ประสบการณ์ Generative AI ดูน่ามหัศจรรย์ เพราะเป็นการโต้ตอบแบบสนทนา และไม่ต้องมีการเทรนระบบใหม่เมื่อคุณถามคำถามอื่นต่อ การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นความท้าทายสำหรับโมเดลการค้นหาแบบเดี่ยวที่มีการสร้างรายได้สูง ที่เราพึ่งพามาเป็นเวลาหลายทศวรรษ”

ลักษณะวิธีการค้นหาของผู้คนในแต่ละรุ่น แสดงให้เห็นว่าการค้นหาข้อมูลในปัจจุบันนั้นมีความกระจัดกระจาย เช่น Gen Z อาจจะใช้ Google สำหรับการค้นหาสินค้า ใช้ ChatGPT สำหรับความรู้ และใช้ TikTok สำหรับคำแนะนำ กล่าวได้ว่าโลกของการค้นหากำลังเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว เราเริ่มเห็นธุรกิจต่างๆ กำลังปรับกลยุทธ์ SEO และ SEM ของพวกเขาเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ต่อไป

“เรากำลังก้าวเข้าสู่โลกที่ประสบการณ์ของผู้บริโภคไม่ใช่แค่การค้นหาข้อมูล — แต่เป็นการโต้ตอบกับข้อมูลในรูปแบบที่สนทนาได้ เข้าใจง่าย และรู้สึกเป็นธรรมชาติไม่มีสะดุด”

หากคุณเห็นด้วยกับข้อความนี้ คุณอาจจะเห็นด้วยว่า Department of Justice (DOJ) กำลังไล่ตามปัญหาเก่าๆ หรือพูดง่ายๆ ก็คือ การแยก Chrome ออกจาก Google ไม่ได้สร้างคุณค่าแก่ผู้บริโภคสมัยนี้เท่าใดนัก แต่เป็นการทำให้เบราว์เซอร์ยอดนิยม ต้องกลายเป็นเหยื่อของความสำเร็จของตัวเองมากกว่า

สรุปก็คืออะไรก็ตามที่ประสบความสำเร็จเกินไป จำเป็นจะต้องถูกตัดทอนลงอย่างน่าเสียดาย

ด้วย Conversational AI และ TikTok ที่กำลังเข้ามาแข่งกับ Search Engine แบบดั้งเดิม อาจจะถึงเวลาแล้วที่ Google ควรให้ความสำคัญกับอนาคตของตัวเอง แทนที่จะเอาเวลามาสู้รบกับศึกนี้

ข่าวเด่นห้ามพลาด

ข่าวประชาสัมพันธ์
Virtuals พุ่งแรง 41% หลัง MIND of Pepe เขย่าตลาดคริปโต!
Somchai Wang
Somchai Wang
2025-05-15 19:29:10
วงการคริปโต
5 เหรียญ Altcoin ราคาไม่ถึง 1 ดอลลาร์ (34 บาท) ที่พร้อมพุ่งแรงในปี 2025!
Anuchit Laemsing
Anuchit Laemsing
2025-05-15 18:37:40
Crypto News in numbers
editors
Authors List เพิ่มอีก 66+
2M+
มีผู้ใช้งานรายเดือนทั่วโลกมากกว่า
250+
มีบทความรีวิวและคู่มือมากกว่า
8 ปี
อยู่ในตลาดมาแล้ว
70 คน
มีทีมงานนักเขียนนานาชาติกว่า