ทรัมป์จะ สนับสนุนคริปโต จริงหรือไม่? หลังได้เวลาทำตามสัญญา!

เรียกได้ว่าชัยชนะที่ทรัมป์ได้รับในการเลือกตั้งที่ผ่านมา หลังจากหลายเดือนแห่งการรอคอยของเหล่าชุมชนคริปโต ได้ส่งผลอย่างดีให้กับราคา Bitcoin จนสามารถขึ้นไปทำราคาระดับสูงสุดใหม่ได้ โดยมีตัวเลขของเปอร์เซนต์ที่เพิ่มขึ้นถึง 2 หลักภายในช่วงข้ามคืน โดยสิ่งนี้เกิดจากการที่ผู้คนภายในตลาดส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่าทรัมป์จะสนับสนุนคริปโต ให้กลับมาเดินไปข้างหน้าได้อีกครั้ง จากคำมั่นสัญญาของเขาที่มีการเอ่ยถึงแผนการสนับสนุนคริปโตอยู่บ่อยครั้งระหว่างการหาเสียง แต่อย่างไรก็ตาม ถึงเวลาแล้วที่ทรัมป์จะต้องทำตามคำสัญญาที่ตนเคยกล่าวไว้
สนับสนุนคริปโต และทุกตลาด!
ในช่วงระหว่างการเลือกตั้งที่ผ่านมา ทรัมป์สัญญาที่จะสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโตอย่างสุดความสามารถ โดยให้คำมั่นในการที่จะทำให้บิทคอยน์เป็นสกุลเงินสำรอง และจะปลด Gary Gensler ผู้เป็นประธาน SEC และปฏิปักษ์คนสำคัญต่อการเติบโตของอุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐ อีกทั้งยังมีแผนที่จะจัดตั้งคณะกรรมการเพื่อร่างกฎระเบียบที่เอื้อประโยชน์ให้กับคริปโต
โดยหากทรัมป์สามารถทุ่มเทความพยายามในการดำเนินการเพื่อทำให้คำสัญญาเหล่านี้เป็นจริงได้ทั้งหมด ประกอบกับการได้รับคำปรึกษาจาก Elon Musk ผู้ซึ่งเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญขององค์การคริปโต นี่อาจเป็นไปได้ว่าในอีกไม่นานเราอาจได้เห็นยุคทองของสินทรัพย์ดิจิทัลภายในสหรัฐ
แต่ในทางกลับกัน เราก็ไม่สามารถเชื่อมั่นในคำสัญญาของนักการเมืองได้ 100% เพราะบางครั้งสิ่งที่พวกเขาพูดระหว่างช่วงหาเสียงนั้นอาจไม่สามารถเกิดขึ้นได้จริง เพราะถึงแม้ประเด็นด้านอุตสาหกรรมคริปโตจะเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่สุดต่อผู้คนในชุมชนคริปโต แต่ในฐานะประธานาธิบดีแล้ว มันเป็นเพียงหนึ่งในหลายภารกิจที่เขาได้ให้คำมั่นเอาไว้ อย่างไรก็ตามถึงแม้ทรัมป์จะมีความตั้งใจอย่างแท้จริงต่อการฟื้นฟูตลาดคริปโตภายในสหรัฐ แต่สิ่งนี้ก็อาจถูกละเลยไปได้หากมีประเด็นที่สำคัญกว่าเข้ามาให้จัดการ เนื่องจากหากมองตามข้อมู,ปัจจุบันของ Pew Research Center จะพบว่าว่ามีชาวอเมริกันเพียง 17% เท่านั้นที่ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งถือเป็นส่วนน้อยมาก หากเปรียบเทียบกับผู้คนที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงอื่นๆจากทรัมป์
เฝ้าติดตามในระยะยาว
ทั้งนี้คงต้องรอดูกันต่อไปว่ารัฐบาลภายใต้การนำของทรัมป์จะสามารถดำเนินการตามคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับชุมชนคริปโตหรือไม่ ไม่ว่าทั้งในเรื่องการจะตั้งให้ Bitcoin เป็นสกุลเงินสำรอง การปลดประธานหน่วยงาน SEC และการจัดตั้งคณะกรรมการร่างกฎระเบียบเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับสินทรัพย์ดิจิทัล
แต่อย่างไรก็ตาม ถึงแม้สิ่งเหล่านี้จะสามารถเกิดขึ้นได้ มันก็อาจไม่สามารถสร้างความเปลี่ยนแปลงอะไรได้มากนักในระยะสั้น เพราะการเติบโตของอุตสาหกรรมคริปโตนั้นจำเป็นต้องใช้เวลาผ่านเกมระยะยาว ซึ่งหามองจากมุมนี้ อาจเป็นไปได้ว่าการยุติสงครามจะส่งผลดีต่อตลาดคริปโตได้ดีและรวดเร็วมากกว่าการดำเนินตามคำสัญญาใดๆเสียอีก
ถึงแม้การเมืองจะเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อต่ออุตสาหกรรมคริปโตในสหรัฐฯ แต่ปัจจัยที่สำคัญที่สุดจะต้องมาจากผู้ก่อตั้ง นักพัฒนา และผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรม web3 อีกนับพัน เพราะคนเหล่านี้จะเป็นผู้สร้างอนาคตระยะยาวของเทคโนโลยี โดยไม่ขึ้นกับวาระทางการเมืองโลก
ด้วยเหตุนี้ มันจึงไม่สำคัญว่าทรัมป์จะชะลอนโยบายสนับสนุนคริปโตหรือไม่ และประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนต่อไปหลังจากนี้จะมีมุมมองต่อสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างไร เพราะเมื่อถึงตอนนั้น สินทรัพย์ดิจิทัลจะฝังรากลึกในระบบโลกมากเกินกว่าที่มุมมองทางการเมืองจะส่งผลกระทบ






