BlackRock เดินหน้ารุก ขยายกองทุน BUIDL ครอบคลุม 5 บล็อกเชนดัง
ทำไมจึงไว้วางใจ Cryptonews
BlackRock ผู้จัดการสินทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก กำลังขยายการเข้าถึงกองทุนสินทรัพย์จริงที่แปลงเป็นโทเค็น (Tokenized) ของพวกเขา ซึ่งก็คือ BlackRock USD Institutional Digital Liquidity Fund หรือ BUIDL ไปยังบล็อกเชนชั้นนำอีก 5 เครือข่าย
กองทุน BUIDL ซึ่งก่อนหน้านี้มีให้บริการเฉพาะบน Ethereum เท่านั้น ตอนนี้ได้รวมถึง Aptos, Arbitrum, Avalanche, OP Mainnet ของ Optimism และ Polygon ซึ่งช่วยขยายการเข้าถึงโทเค็นตลาดเงินที่ใหญ่ที่สุดในกลุ่มสินทรัพย์ประเภทเดียวกัน
BlackRock ขยาย BUILD สู่บล็อกเชนใหม่อีก 5 เครือข่าย: การยอมรับจากสถาบันกำลังเริ่มต้นใช่หรือไม่?
จากประกาศเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน สิ่งนี้จะช่วยให้เกิดการผสานรวมกับระบบนิเวศ DeFi ในหลายๆ เครือข่ายบล็อกเชนได้มากขึ้น
การแปลงสินทรัพย์ในโลกแห่งความเป็นจริง (RWA) เป็นโทเค็น รวมถึงตราสารต่างๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาลและสินเชื่อเอกชน มีการเติบโตมากขึ้น เนื่องจากบริษัทคริปโตและสถาบันการเงินดั้งเดิมต่างก็ผลักดันการใช้บล็อกเชนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานและการชำระบัญชีที่รวดเร็วขึ้น
กองทุน BUIDL ที่ถูกทำให้เป็นโทเค็นโดย Securitize มุ่งเน้นไปที่สินทรัพย์ระยะสั้นที่มีความเสี่ยงต่ำ โดยเฉพาะตั๋วเงินคลังสหรัฐฯ (T-Bills) และหลักทรัพย์ที่ให้ดอกเบี้ยที่คล้ายคลึงกัน
Carlos Domingo ซีอีโอของ Securitize เน้นย้ำถึงเป้าหมายของกองทุนในการสร้างระบบนิเวศแบบดิจิทัลดั้งเดิมเพื่อเพิ่มประโยชน์สูงสุดจากการทำ Tokenization (การแปลงสินทรัพย์เป็นโทเค็นดิจิทัล)
“ด้วยเชนใหม่เหล่านี้ เราจะเริ่มเห็นนักลงทุนมากขึ้นที่มองหาการใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีพื้นฐานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในทุกสิ่งที่ยากจะทำมาจนถึงตอนนี้” Domingo กล่าว
เมื่อความต้องการ RWA แบบ Tokenized เช่น T-Bills เพิ่มขึ้น ภาคส่วนนี้ก็เริ่มมีความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้นเนื่องจากความมั่นคงและผลตอบแทนของสินทรัพย์เหล่านี้
BUIDL เปิดตัวครั้งแรกในเดือนมีนาคม โดยมีพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นเป็นสินทรัพย์ค้ำประกันที่ราคา 1 ดอลลาร์
การเติบโตของมันสะท้อนให้เห็นถึงความต้องการที่สูง โดยมียอดเงินฝากรวมมากกว่า 520 ล้านดอลลาร์ ตามข้อมูลจาก RWA.xyz ซึ่งเป็นผู้นำในตลาด Tokenized US Treasury มูลค่ารวม 2.3 พันล้านดอลลาร์
กองทุนนี้ให้บริการลูกค้าสถาบันและคลังสินทรัพย์ของโปรโตคอล โดยมีตัวเลือกผลตอบแทนที่มั่นคงและทำหน้าที่เป็นหลักประกันสำหรับการเทรดใน DeFi นอกจากนี้แพลตฟอร์ม DeFi อื่นๆ เช่น Ondo Finance ก็สร้างผลิตภัณฑ์บนพื้นฐานของ BUIDL เช่นกัน
BUIDL ได้ก้าวขึ้นมาเป็นกองทุนคลังสินทรัพย์แบบ Tokenized ที่มีสินทรัพย์ภายใต้การบริหารจัดการ (AUM) มากที่สุด แซงหน้ากองทุน Franklin OnChain US Government Money Fund ซึ่งมี AUM ประมาณ 450 ล้านดอลลาร์
การเข้าถึงบนบล็อกเชนและประโยชน์ในการดำเนินงาน: ความสนใจเพิ่มขึ้นมากกว่าที่เคย
ค่าธรรมเนียมการบริหารจัดการของ BUIDL แตกต่างกันไปตามแต่ละบล็อกเชน โดยบางเครือข่ายมีค่าธรรมเนียมที่ต่ำกว่า ค่าธรรมเนียมอยู่ที่ 50 เบสิสพอยต์บน Ethereum, Arbitrum และ Optimism
สำหรับ Aptos, Avalanche และ Polygon ค่าธรรมเนียมลดลงเหลือ 20 เบสิสพอยต์ โดยได้รับการสนับสนุนจากการจ่ายเงินรายไตรมาสจากมูลนิธิพัฒนาระบบนิเวศของพวกเขา ได้แก่ Aptos Foundation, Avalanche (BVI), Inc. และ Polygon Labs BD Investments (Cayman) Ltd.
การขยาย BUIDL ไปยังบล็อกเชนเหล่านี้เพิ่มเติมช่วยให้เกิดการผสานรวมกับแพลตฟอร์ม DeFi ที่ดีขึ้น ช่วยให้นักลงทุนสามารถเข้าถึงผลตอบแทนบนเชน การโอนแบบเพียร์ทูเพียร์ และการคำนวณเงินปันผลแบบเรียลไทม์ได้
BlackRock เน้นย้ำ การใช้งานแบบ Multi-chain นี้ทำให้ BUIDL สามารถรองรับผลิตภัณฑ์ทางการเงินและโครงสร้างพื้นฐานบนบล็อกเชนได้กว้างขวางมากขึ้น
ตามรายงานของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ การทำ Tokenization และเทคโนโลยีบล็อกเชนแบบกระจายศูนย์ (DLT) สามารถเพิ่มความโปร่งใสและสภาพคล่องในตลาดพันธบัตรรัฐบาลได้ โดยให้ข้อมูลเชิงลึกแบบเรียลไทม์เกี่ยวกับกิจกรรมการซื้อขาย
สิ่งนี้สอดคล้องกับแนวคิดริเริ่มของ BlackRock เนื่องจากกองทุนแบบ Tokenized เหล่านี้สามารถช่วยทำให้การดำเนินงานมีประสิทธิภาพมากขึ้น ลดความล่าช้าในการชำระเงิน และเพิ่มความโปร่งใสสำหรับหน่วยงานกำกับดูแลและนักลงทุนได้
การเคลื่อนไหวของ BlackRock สะท้อนให้เห็นถึงแนวโน้มในภาคการเงินที่มุ่งสู่การลงทุนในรูปแบบโทเค็นมากยิ่งขึ้น บริษัทการเงินยักษ์ใหญ่รายอื่นๆ อย่าง Franklin Templeton กำลังขยายกองทุนแบบโทเค็นของตนไปยังเครือข่ายต่างๆ เช่น Base ซึ่งเป็นบล็อกเชนเลเยอร์ 2 ของ Coinbase
Colin Butler หัวหน้าฝ่ายเงินทุนสถาบันระดับโลกของ Polygon กล่าวว่า ตลาดการแปลงสินทรัพย์เป็นโทเค็น ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ตั๋วเงินคลังไปจนถึงงานศิลปะดิจิทัล มีมูลค่าโอกาสทางธุรกิจทั่วโลกที่ประมาณ 30 ล้านล้านดอลลาร์
ข่าวเด่นห้ามพลาด
in numbers
