Bitcoin แตะ $99k แล้ว จะเกิดอะไรต่อไป? ฟังความเห็นผู้เชี่ยวชาญ
ผู้เชี่ยวชาญในวงการมั่นใจว่า Bitcoin (BTC) กำลังจะถึงจุดสูงสุดใหม่ตลอดกาล (ATH) ที่ $100,000 ในเร็วๆ นี้
แม้ว่าเป้าหมายนี้ดูเหมือนยากที่จะไปถึงเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แต่มูลค่าของ BTC ที่พุ่งทะลุ $90,000 ไปเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้แสดงให้เห็นว่าสินทรัพย์นี้มีโอกาสสูงมากที่จะแตะ $100k อีกทั้งยังมีการบันทึก ATH ใหม่ของ BTC เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ระดับราคา $99,000 ด้วย
พาส่องปัจจัยที่จะผลักดัน Bitcoin สู่ $100,000 +
Daryll Netscher ผู้ก่อตั้ง Tren Finance กล่าวกับ Cryptonews ว่ามีปัจจัยหลายๆ อย่างที่เชื่อมโยงกันกำลังผลักดันให้ราคา Bitcoin เข้าใกล้ระดับ 100,000 ดอลล่าร์
“ประการแรก เรากำลังเห็นสถาบันการเงินเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่สำคัญ หลังจาก Donald Trump ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐครั้งล่าสุด ความเชื่อมั่นในตลาดนั้นแข็งแกร่งขึ้น เนื่องจากผู้คนสามารถคาดหวังว่าจะมีสภาพแวดล้อมด้านกฎระเบียบที่เป็นมิตรกับคริปโตมากขึ้น” Netscher กล่าว “การอนุมัติและการเปิดตัว spot Bitcoin exchange-traded funds (ETFs) ยังได้สร้างช่องทางที่เข้าถึงได้ง่ายขึ้นสำหรับนักลงทุนในตลาดการเงินดั้งเดิม”
Netscher เชื่อว่าโครงสร้างของสถาบันการเงินในปัจจุบันจะมอบพื้นฐานที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นสำหรับการเติบโตของ BTC เมื่อเทียบกับช่วงที่ราคาเพิ่มขึ้นครั้งก่อนๆ
เขาได้ชี้ให้เห็นเพิ่มเติมว่าภาพรวมของสภาพแวดล้อมมหภาคเศรษฐกิจ (macroeconomic environment) กำลังมีสภาวะที่เอื้ออำนวยต่อการลงทุนในบิทคอยน์
โดยกล่าวว่า “เหตุการณ์ Bitcoin halving ในปี 2024 ซึ่งในอดีตมักเกิดขึ้นก่อนช่วงที่ราคาทะยานสูงขึ้น กำลังเกิดขึ้นพร้อมกับความสนใจจากสถาบันที่เพิ่มขึ้น สร้างสถานการณ์ที่น่าสนใจระหว่างการลดซัพพลาย (supply) และการเติบโตของอุปสงค์ (demand)” Netscher กล่าว
ทั้งนี้ต้องบอกว่าเราได้เริ่มเห็นความเคลื่อนไหวที่ว่าแล้ว เนื่องจากการที่ราคาของสินทรัพย์ดังกล่าวดีดตัวขึ้นในรอบนี้ทำให้นักลงทุนที่สนับสนุน Bitcoin อย่าง MicroStrategy (MSTR) และ Metaplanet ประกาศการซื้อ BTC เพิ่มในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะ MicroStrategy ที่ในขณะนี้ถือครองบิทคอยน์คิดเป็น 1.5% ของจำนวนซัพพลายทั้งหมดของสินทรัพย์นี้
Bitcoin กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้น และมีความผันผวนลดลง
แม้ว่าการที่ราคาของบิตคอยน์แตะ $100k นั้นถือว่าเป็นสถิติใหม่ที่สำคัญ แต่ Tim Enneking ผู้ก่อตั้งและผู้ดูแลหลักของ Digital Capital Management ได้กล่าวกับ Cryptonews ว่าราคาของ BTC กำลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นโดยไม่ต้องคำนึงถึงปัจจัยในปัจจุบัน
“Bitcoin กำลังเพิ่มขึ้นเนื่องจากภาวะเงินฝืด, อัตราเงินเฟ้อในสกุลเงิน Fiat, ความกลัวที่จะพลาดโอกาส (FOMO) และข้อเท็จจริงที่ว่าไม่มีองค์กรใดควบคุมสินทรัพย์นี้” Enneking กล่าว
Enneking กล่าวเสริมว่าการพึ่งพาอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ราคาของ Bitcoin เพิ่มสูงขึ้นด้วย เขาเชื่อว่าสาเหตุนี้มาจากความสะดวกในการโอนย้ายต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโตอย่างบิทคอยน์
“การที่บางสิ่งจะถือว่าเป็นเงินในปัจจุบัน มันต้องง่ายต่อการโอนย้าย และในที่สุดคริปโตก็สามารถโอนย้ายได้ง่ายๆ แล้วเหมือนกัน” เขากล่าว “และถึงแม้ว่าผมจะเชื่อว่ายังไม่มีอะไรในวงการคริปโตที่ใกล้เคียงกับการเป็นสกุลเงิน แต่แนวคิดของรูปแบบที่สามารถโอนย้ายได้ของทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงนั้นถือเป็นไอเดียที่ยิ่งใหญ่”
Enneking ชี้ให้เห็นว่าสิ่งที่น่าสนใจตอนนี้คือ การจับตาดูว่าทัศนคติของ Trump ต่อการสร้าง Bitcoin strategic reserve จะเป็นอย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น Enneking ยังระบุว่าบิทคอยน์มีความผันผวนลดลง ซึ่งเขาเชื่อว่าเป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงของโปรไฟล์นักลงทุนในตลาดคริปโตที่เกิดขึ้นทุกๆ 18 เดือน
“ในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา มีสถาบันการเงินเข้าสู่ตลาดและมีการจัดตั้ง spot Bitcoin ETFs ขึ้น” เขากล่าว “ทุกๆ 18 เดือน จะมีโปรไฟล์นักลงทุนใหม่เกิดขึ้น ซึ่งช่วยลดความผันผวนของบิทคอยน์”
ราคา BTC ที่ $100k สำคัญอย่างไรต่อสถาบันและนักลงทุนรายย่อย?
การที่บิตคอยน์แตะ $100,000 จะส่งผลกระทบต่อทั้งนักลงทุนระดับสถาบันและนักลงทุนรายย่อยแน่ๆ อย่างไรก็ตาม Enneking ได้ชี้ให้เห็นว่าในทางจิตวิทยา นักลงทุนระดับสถาบันมีแนวโน้มที่จะไม่ตอบสนองต่อตัวเลขนี้แบบหุนหันพลันแล่น เมื่อเทียบกับนักลงทุนรายย่อย
“สำหรับนักลงทุนระดับสถาบัน ราคา $100k เป็นเพียงแค่ตัวเลขหนึ่งเท่านั้น แต่ผลกระทบทางจิตวิทยาของราคานี้จะมีผลอย่างมากต่อนักลงทุนรายย่อยมากกว่า กล่าวคือจะเกิดภาวะ FOMO เพิ่มขึ้นเมื่อ Bitcoin ขึ้นไปถึง $100k” Enneking กล่าว
Netscher ยังเสริมว่าจุดราคาหลักแสนนี้ อาจจะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง ของวิธีที่สกุลเงินดิจิทัลถูกนำมาบูรณาการเข้าไปในระบบการเงินเป็นวงกว้าง
“ในมุมของนักลงทุนรายใหญ่ ความสำเร็จนี้จะช่วยยืนยันแนวคิดของนักลงทุนระดับสถาบันกลุ่มแรก ๆ ที่เข้ามาในตลาด พร้อมทั้งสร้างมาตรฐานใหม่สำหรับการจัดสรรพอร์ตโฟลิโอ” เขากล่าว “ขณะนี้เราเห็นสถาบันการเงินใหญ่ๆ หลายแห่งเริ่มถือครองคริปโตเคอร์เรนซีในสัดส่วนเล็กๆ อยู่แล้ว แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตลาดในระดับนี้ จะสามารถกระตุ้นให้เกิดการจัดสรรสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างเป็นระบบมากขึ้น”
Netscher เชื่อว่ามูลค่าตลาดที่ตามมานั้นจะทำให้บิทคอยน์มีความสำคัญเกินกว่าที่นักลงทุนสถาบันจะมองข้ามได้
ซึ่งอาจจะนำไปสู่การพัฒนารูปแบบการจัดสรรคริปโตเคอร์เรนซีอย่างเป็นมาตรฐาน คล้ายกับที่ใช้สำหรับทองคำและสินทรัพย์ทางเลือกอื่นๆ
Netscher ยังเสริมว่าภูมิทัศน์ของกลุ่มผู้บริโภคอาจจะได้เผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม
“เหตุการณ์สำคัญนี้จะดึงดูดความสนใจจากสื่อและสาธารณชนได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือ มันจะช่วยยืนยันแนวคิด ‘digital gold’ ให้กับกลุ่มผู้ชมที่กว้างขวางขึ้น” Netscher อธิบาย “การที่สินทรัพย์ถูกพูดถึงและนำไปใช้ในระดับนั้น อาจจะเป็นการเร่งให้เกิดการพัฒนาผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่ใช้งานง่ายขึ้น ทำให้ cryptocurrency เข้าถึงนักลงทุนทั่วไปได้ง่ายขึ้น”
แม้ว่าเราจะได้เห็นตัวอย่างนี้อยู่แล้วผ่านการเปิดตัว Bitcoin ETFs แต่ Netscher คาดการณ์ว่าสินค้าที่เกี่ยวกับ BTC จะกลายมาเป็นข้อเสนอปกติในแพลตฟอร์มธนาคารแบบดั้งเดิมในอนาคต
ราคา Bitcoin จะพุ่งทะลุ $100k และสูงกว่านั้น
ในขณะที่ราคาของ Bitcoin ยังคงแกว่งอยู่แถวๆ ระดับ $98k แต่ Netscher เชื่อว่าโครงสร้างตลาดในปัจจุบันชี้ให้เห็นว่าเป้าหมายที่ $100k อาจจะเป็นเพียงขั้นบันไดหนึ่งไปสู่จุดที่สูงกว่านั้น ไม่ใช่แค่เพดานสูงสุด
“การผสานของการได้รับการยอมรับในระดับสถาบันผ่าน ETFs, ผู้ดูแลสภาพคล่องระดับมืออาชีพ และกลยุทธ์การลงทุนระยะยาว เป็นรากฐานที่มั่นคงยิ่งขึ้นสำหรับการค้นหาราคาที่เหมาะสมกว่ารอบก่อนๆ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของแรงขับเคลื่อนที่ต่อเนื่อง” เขากล่าว
Enneking คาดการณ์ว่า Bitcoin จะทะลุ $100k และจะไปถึงอย่างน้อย $120k ภายในสิ้นปีหน้า
“จากที่ผ่านมา มักจะมีวงจร 4 ปีเข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ หลังจากเหตุการณ์ BTC halving มักจะมีความล่าช้าประมาณ 6 เดือนก่อนที่ตลาดกระทิงของ BTC จะเริ่มต้นขึ้นจริงๆ ซึ่งปกติจะกินเวลาประมาณ 1 ปีและค่อนข้างมีความเสถียร” เขากล่าว
Netscher อธิบายเพิ่มเติมว่าการรวมกันระหว่างผลกระทบด้านอุปทานจากเหตุการณ์ halving ในปี 2024 กับโครงสร้างพื้นฐานทางสถาบันที่กำลังพัฒนาอยู่ กำลังสร้างเงื่อนไขที่เอื้อต่อการเติบโตอย่างยั่งยืนของบิตคอยน์
อย่างไรก็ตาม เขาได้กล่าวว่า แม้ว่าราคาที่เกินระดับ $100k อาจจะได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งมากขึ้น แต่ก็อาจจะมีช่วงเวลาของการปรับฐานและการแก้ไขราคาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
“อย่างไรก็ตาม ความผันผวนเหล่านี้อาจจะมีความรุนแรงน้อยกว่ารอบก่อนๆ เนื่องจากการเข้าร่วมตลาดที่มีความซับซ้อนมากขึ้น ซึ่งเราได้เห็นอยู่ในปัจจุบัน” Netscher กล่าว






