บิทคอยน์ (BTC) มีลุ้นวิ่งยาวถึง $170K หลัง M2 โลกพุ่งนิวไฮ!

บิทคอยน์ (BTC) อาจกำลังมุ่งหน้าสู่เป้าหมายใหม่ที่ $170,000 หลังจากปริมาณเงินหมุนเวียนในระบบ (M2) ทั่วโลกพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 55.48 ล้านล้านดอลลาร์ นักวิเคราะห์ชี้ว่าสภาพคล่องที่ล้นเหลือนี้อาจเป็นเชื้อเพลิงชั้นดีที่ผลักดันราคาบิทคอยน์ให้สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ประกอบกับค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง ยิ่งเพิ่มแรงส่งให้กับตลาดคริปโตและบิทคอยน์โดยเฉพาะ บทวิเคราะห์นี้จะเจาะลึกว่าปัจจัยมหภาคเหล่านี้จะส่งผลต่ออนาคตของบิทคอยน์อย่างไร

ขณะนี้ราคาบิทคอยน์อยู่ที่ประมาณ $109,000 ซึ่งเพิ่มขึ้นประมาณ 2% ทั้งในกราฟรายวันและรายสัปดาห์

วิเคราะห์: บิทคอยน์ กับปริมาณเงิน M2 ที่ทุบสถิติ

ปริมาณเงิน M2 คือตัวชี้วัดสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจโลก ซึ่งรวมถึงเงินสด เงินฝาก และสินทรัพย์สภาพคล่องอื่นๆ เมื่อ M2 เพิ่มขึ้น หมายความว่ามีเงินหมุนเวียนในระบบมากขึ้น ซึ่งเงินส่วนเกินนี้มักจะไหลเข้าสู่สินทรัพย์เสี่ยงอย่างคริปโตเคอร์เรนซี โดยเฉพาะราชาแห่งคริปโตอย่างบิทคอยน์ การที่ปริมาณเงิน M2 ทั่วโลกทำสถิติสูงสุดใหม่จึงเป็นสัญญาณบวกอย่างยิ่งต่อราคา BTC ในอนาคตอันใกล้

ในอดีตที่ผ่านมา ราคาบิทคอยน์มักจะเคลื่อนไหวตามหลังการเพิ่มขึ้นของ M2 ประมาณ 3-6 เดือน ซึ่งรูปแบบนี้ชี้ให้เห็นว่าการพุ่งขึ้นของราคาบิทคอยน์ที่อาจเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ไม่ใช่การเก็งกำไรระยะสั้น แต่เป็นการเติบโตที่ได้รับการสนับสนุนจากสภาพคล่องที่แท้จริงในระบบเศรษฐกิจโลก

นักวิเคราะห์จาก Crypto Auris คาดการณ์ว่า “เมื่อปริมาณเงินทั่วโลกขยายตัว เป้าหมายต่อไปของบิทคอยน์จะอยู่ที่ประมาณ $170,000” ซึ่งสอดคล้องกับการวิเคราะห์ของหลายสถาบันที่มองว่าราคาบิทคอยน์อาจไปถึง $150,000-$200,000 ภายในสิ้นปี 2025 โดยมีแรงหนุนเพิ่มเติมจากความต้องการของนักลงทุนสถาบันผ่านกองทุน Spot Bitcoin ETF

M2 Global Liquidity just hit a new All-Time High.

As global money supply expands, #Bitcoin next target sits around ~$170K, following the flow. pic.twitter.com/0ibzVvE8T2

— Crypto Auris (@crypto_auris) July 2, 2025

การเติบโตของราคาบิทคอยน์ที่ขับเคลื่อนด้วยปัจจัยพื้นฐานอย่าง M2 มักจะสร้างแนวโน้มขาขึ้นที่มั่นคงและยาวนานกว่าการพุ่งขึ้นจากกระแสข่าวหรือการเก็งกำไรเพียงอย่างเดียว สิ่งนี้ทำให้นักลงทุนจำนวนมากเชื่อมั่นว่าวัฏจักรขาขึ้นของบิทคอยน์ในรอบนี้อาจแข็งแกร่งกว่าที่เคยเป็นมา การจับตาดูความสัมพันธ์ระหว่าง M2 และ บิทคอยน์ จึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักลงทุนที่ต้องการประเมินทิศทางตลาดในระยะกลางถึงยาว

ดอลลาร์อ่อนค่า ปัจจัยสำคัญที่หนุนราคา BTC

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลบวกต่อราคาบิทคอยน์ คือการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยดัชนีดอลลาร์สหรัฐ (DXY) ซึ่งเป็นตัวชี้วัดความแข็งแกร่งของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักอื่นๆ ได้ร่วงลงถึง 10.8% ในช่วงครึ่งแรกของปี 2025 ซึ่งเป็นการทำผลงานครึ่งปีแรกที่ย่ำแย่ที่สุดนับตั้งแต่การล่มสลายของระบบ Bretton Woods ในปี 1973 การอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สินทรัพย์ทางเลือกอย่างบิทคอยน์มีความน่าสนใจมากยิ่งขึ้นในฐานะ “เครื่องมือรักษามูลค่า”

ในทางกลับกัน บิทคอยน์ กลับปรับตัวเพิ่มขึ้น 13.25% ในช่วงเวลาเดียวกัน สะท้อนให้เห็นถึงความสัมพันธ์แบบผกผันที่ชัดเจนกับค่าเงินดอลลาร์ ในอดีต การแยกทางกันอย่างรุนแรงระหว่างทิศทางของบิทคอยน์และดอลลาร์มักเป็นสัญญาณบ่งชี้การกลับตัวของแนวโน้มครั้งสำคัญ เช่นในเดือนพฤศจิกายน 2020 ที่การอ่อนค่าของดอลลาร์ได้กลายเป็นจุดเริ่มต้นของตลาดกระทิงครั้งใหญ่ของบิทคอยน์

People keep sleeping on the $DXY → $BTC correlation till now

Idk why peeps are not taking this seriously?

But every time the dollar index breaks down Bitcoin sends hard

🟢 2017: $DXY dumped → BTC went parabolic

🟢 2021: Same story

🟢 2025? Setting up exactly the same way… pic.twitter.com/S0uQipP5lb

— Justin Wu π (@hackapreneur) June 29, 2025

ปัจจุบัน เราเริ่มเห็นการแยกทางกันของกราฟ DXY และบิทคอยน์อีกครั้งตั้งแต่เดือนเมษายน 2025 หมายความว่า หากรูปแบบในอดีตยังคงดำเนินต่อไป นี่อาจเป็นจุดเริ่มต้นของแนวโน้มขาขึ้นรอบใหม่ของบิทคอยน์นั่นเอง

การที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างต่อเนื่องอาจเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาที่ทรงพลัง และอาจผลักดันให้ราคาบิทคอยน์พุ่งสูงเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ในวัฏจักรปกติได้

BTC สู่ $170K เป็นไปได้จริงหรือ?

เมื่อนำปัจจัยทั้งสองอย่างมารวมกัน คือ สภาพคล่อง M2 ที่สูงเป็นประวัติการณ์ และการอ่อนค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เกิดสภาวะที่เอื้ออำนวยอย่างยิ่งต่อการเติบโตของราคาบิทคอยน์ สัญญาณเหล่านี้บ่งชี้ว่าตลาดกำลังมีเชื้อเพลิงเพียงพอที่จะผลักดันให้บิทคอยน์สร้างจุดสูงสุด (All-time high) ใหม่ได้อีกครั้ง

เป้าหมายราคาบิทคอยน์ที่ $170,000 จึงไม่ใช่เรื่องเพ้อฝัน แต่เป็นระดับราคาที่มีความเป็นไปได้ตามปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจมหภาค

นอกจากนี้ ความต้องการบิทคอยน์จากนักลงทุนสถาบันผ่านกองทุน ETF ยังคงแข็งแกร่งและเป็นอีกหนึ่งแรงขับเคลื่อนสำคัญที่ช่วยดูดซับอุปทานของบิทคอยน์ในตลาด ทำให้แนวโน้มขาขึ้นมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าสัญญาณทุกอย่างจะดูเป็นบวก แต่นักลงทุนควรตระหนักว่าตลาดคริปโตยังคงมีความผันผวนสูง การลงทุนในบิทคอยน์มีความเสี่ยงและควรศึกษาข้อมูลอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าปัจจัยมหภาคในปัจจุบันกำลังสร้างโอกาสครั้งสำคัญให้กับบิทคอยน์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน