สงครามการค้าสหรัฐฯ-จีน: ความเสี่ยงที่อาจจะทำให้ราคา Bitcoin ร่วง

ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีต้องเผชิญกับความผันผวนอีกครั้ง หลังจากการประกาศมาตรการภาษีใหม่ของ Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่มีต่อสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม ซึ่งเป็นสัญญาณของการขยายตัวในสงครามการค้า ความเคลื่อนไหวนี้ส่งผลให้ตลาดคริปโตโดยรวมปรับตัวลดลงชั่วคราว รวมถึง Bitcoin เองก็ได้รับผลกระทบ แม้ว่าจะมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วในเวลาต่อมา แต่ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบในระยะยาวต่อตลาดยังคงอยู่
มาตรการภาษี Trump กระทบ Bitcoin อย่างไร?
การประกาศมาตรการเพิ่มอัตราภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียม 25% จาก Trump ได้สร้างความตื่นตระหนกอย่างหนักในตลาดการเงินทั่วโลก โดยเฉพาะในตลาดคริปโตเคอร์เรนซีที่มักจะมีความอ่อนไหวต่อข่าวสารทางเศรษฐกิจ นักลงทุนต่างแสดงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับผลกระทบในวงกว้างที่อาจจะเกิดขึ้นต่อเศรษฐกิจโลก ทำให้หลายคนเลือกที่จะลดความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนของตนเอง นำไปสู่การเทขายสินทรัพย์เสี่ยงประเภทต่างๆ อย่างรุนแรง
ผลกระทบจากความกังวลดังกล่าวได้ส่งผลโดยตรงต่อราคาของ Bitcoin ซึ่งเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดใหญ่ที่สุด โดยในช่วงเวลาอันสั้น ราคาได้ดิ่งลงแตะระดับ 94,000 ดอลลาร์ สร้างความตื่นตระหนกให้กับนักลงทุนในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี อย่างไรก็ตาม ด้วยความเชื่อมั่นของนักลงทุนระยะยาวและแรงซื้อที่กลับเข้ามา ทำให้ราคาสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นมายืนเหนือระดับ 97,000 ดอลลาร์ได้อีกครั้ง แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของตลาดและความสามารถในการรับมือกับความผันผวนในระยะสั้น

“Fear & Greed Index” ชี้ Bitcoin ยังคง ‘น่ากลัว’?
ดัชนีความกลัวและความโลภ (Crypto Fear & Greed Index) ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้วัดความเชื่อมั่นของนักลงทุนในตลาด Bitcoin และคริปโตเคอร์เรนซีอื่นๆ ยังคงอยู่ในโซน “Fear” มาตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยค่าเฉลี่ยของดัชนีอยู่ที่ 44 จาก 100 และล่าสุดในวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ดัชนีลดลงมาอยู่ที่ 43 จาก 46 ในวันก่อนหน้า ซึ่งบ่งชี้ว่านักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับทิศทางของตลาดในอนาคตอันใกล้นี้

นักวิเคราะห์เตือนราคา BTC เสี่ยงผันผวน
ท่ามกลางแรงกดดันจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน Ryan Lee หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Bitget Research เตือนว่า หากราคา BTC หลุดแนวรับสำคัญที่ 93,000 ดอลลาร์ อาจจะทำให้เกิดการล้างพอร์ตครั้งใหญ่มูลค่ากว่า 1.3 พันล้านดอลลาร์ โดยเฉพาะในกลุ่มเทรดเดอร์ที่ใช้เลเวอเรจ ซึ่งการปรับฐานอาจจะลงไปแตะระดับ 90,500 ดอลลาร์
ตลาดกำลังจับตาการเจรจาระหว่างอดีตประธานาธิบดี Trump และประธานาธิบดีจีน Xi Jinping ที่อาจช่วยคลี่คลายความตึงเครียดทางการค้า อย่างไรก็ตาม ในอีกแง่มุมหนึ่ง สถานการณ์นี้อาจเป็นโอกาสของ Bitcoin ในฐานะ Store of Value ที่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากภาวะเงินเฟ้อจากการที่สกุลเงินเฟียตทั่วไปอ่อนค่าลงได้
สงครามการค้าเตรียมขยายวงกว้าง ตลาดคริปโตจะไปทางไหน?
นอกเหนือจากมาตรการภาษีต่อเหล็กและอะลูมิเนียมแล้ว Trump ยังมีแผนที่จะขึ้นอัตราภาษีนำเข้าต่อสหภาพยุโรปในสินค้าจำพวกซุปเปอร์คอนดัคเตอร์, น้ำมัน, แก๊ส, เหล็ก และทองแดงอีกด้วย ก่อนหน้านี้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา Trump ได้ประกาศมาตรการภาษี 25% ต่อ Canada และ Mexico และ 10% ต่อจีน ซึ่งส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นและคริปโตเคอร์เรนซีอย่างรุนแรง
แม้ว่ามาตรการภาษีต่อ Canada และ Mexico จะถูกระงับไปชั่วคราวในวันที่ 3 กุมภาพันธ์ แต่ Trump ก็ไม่ได้ตัดความเป็นไปได้ที่จะกลับมาใช้มาตรการเหล่านี้อีกครั้ง ซึ่งสร้างความไม่แน่นอนให้กับตลาดอย่างต่อเนื่อง
สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนที่ทวีความรุนแรงขึ้นเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่อาจจะส่งผลกระทบต่อราคา Bitcoin ในระยะยาว แม้ว่าตลาดจะมีการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังจากการประกาศมาตรการภาษีของ Trump แต่ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังคงอยู่
อย่างไรก็ตาม สถาบันและกองทุนขนาดใหญ่กำลังเพิ่มการลงทุนใน BTC มากขึ้นเรื่อยๆ แสดงให้เห็นถึงการยอมรับที่เพิ่มมากขึ้นและความเชื่อมั่นที่พวกเขายังคงมีต่อ Bitcoin ซึ่งอาจจะส่งผลให้ราคา Bitcoin ยังคงมีความหวังที่จะพุ่งขึ้นถึง 120,000 ดอลลาร์ได้ในไตรมาสแรกของปี 2025






