Bitcoin คาดอาจติดหล่ม 90,000-110,000 ดอลลาร์เพราะ 3 ปัจจัยนี้!

Bitcoin ยังคงเป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลก อย่างไรก็ตาม มีสัญญาณบ่งชี้ว่าการพุ่งขึ้นของราคา Bitcoin อาจไม่ราบรื่นอย่างที่คาดการณ์ไว้ โดยมีปัจจัยสำคัญ 3 ประการที่อาจเป็น “กำแพง” ขัดขวางการเติบโตในอนาคต
Bitcoin อาจกำลังเผชิญกับอุปสรรค
Bitcoin อาจเผชิญกับอุปสรรคสำคัญในการทะยานสู่ระดับราคาสูงสุดครั้งใหม่ โดยนักวิเคราะห์จาก Coindesk คาดการณ์ว่าราคาอาจไปถึงจุดที่เรียกว่า “กำแพง” ในช่วงราคา 90,000 ถึง 110,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นช่วงที่แรงขายอาจเพิ่มขึ้นอย่างมากจนทำให้การปรับตัวขึ้นต่อไปเป็นไปได้ยาก
โดยปัจจัยที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของ Bitcoin ได้แก่ ความไม่แน่นอนด้านกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการขุด Bitcoin และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจากสกุลเงินดิจิทัลอื่น ๆ ที่มีเทคโนโลยีและฟังก์ชันการทำงานที่น่าสนใจกว่า
นอกจากนี้ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้นอาจทำให้ความน่าสนใจของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงลดลง เนื่องจากนักลงทุนอาจหันไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดูมั่นคงและปลอดภัยกว่า เช่น พันธบัตรรัฐบาล
กฎระเบียบ Bitcoin ที่เข้มงวดขึ้นทั่วโลก

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่อาจส่งผลกระทบต่อราคา Bitcoin คือกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นจากหน่วยงานกำกับดูแลทั่วโลก รัฐบาลหลายประเทศกำลังพิจารณาหรือดำเนินการออกกฎหมายเพื่อควบคุมการซื้อขายและการใช้งานสกุลเงินดิจิทัล ซึ่งอาจทำให้การเข้าถึง Bitcoin ยากขึ้นและลดความต้องการลง
ตัวอย่างเช่น สหภาพยุโรป กำลังพิจารณากฎหมาย Markets in Crypto-Assets (MiCA) ซึ่งจะกำหนดกรอบการกำกับดูแลที่ครอบคลุมสำหรับสินทรัพย์ดิจิทัลทั้งหมดซึ่งรวมถึง Bitcoin หากกฎหมายนี้มีผลบังคับใช้อาจทำให้บริษัทที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์ที่เข้มงวดมากขึ้น เช่น การขอใบอนุญาตและการรายงานข้อมูล
นอกจากนี้ สหรัฐอเมริกาก็กำลังพิจารณาข้อบังคับที่เข้มงวดขึ้นสำหรับอุตสาหกรรมคริปโตเคอร์เรนซี โดย Securities and Exchange Commission (SEC) ได้เริ่มดำเนินการทางกฎหมายกับบริษัทคริปโตเคอร์เรนซีหลายแห่งในข้อหาละเมิดกฎหมายหลักทรัพย์
Bitcoin ทำลายสิ่งแวดล้อม
ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการขุด Bitcoin เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจส่งผลกระทบ เพราะกระบวนการขุดเหรียญต้องใช้พลังงานไฟฟ้าจำนวนมหาศาล ซึ่งส่วนใหญ่มาจากแหล่งพลังงานที่ไม่ยั่งยืน เช่น ถ่านหิน
นักวิจารณ์หลายคนได้ออกมาเรียกร้องให้มีการเปลี่ยนแปลงวิธีการขุด Bitcoin ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ตัวอย่างเช่น อีลอน มักส์ (Elon Musk) CEO ของ Tesla เคยประกาศว่าจะไม่รับการชำระเงินด้วย Bitcoin สำหรับการซื้อรถยนต์ Tesla เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการขุด
อย่างไรก็ตาม มีบริษัทขุด Bitcoin หลายแห่งที่กำลังลงทุนในแหล่งพลังงานหมุนเวียน เช่น พลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
Bitcoin มีคู่แข่ง
Bitcoin เผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นจาก Altcoins หรือสกุลเงินดิจิทัลทางเลือกอื่น ๆ มีเหรียญหลายเหรียญที่มีเทคโนโลยีและฟังก์ชันการทำงานที่น่าสนใจกว่า เช่น Ethereum ที่รองรับ Smart Contracts และ Decentralized Applications (DApps)
นอกจากนี้ Altcoins บางเหรียญยังใช้ระบบฉันทามติ (Consensus Algorithm) ที่ประหยัดพลังงานมากกว่า เช่น Proof-of-Stake (PoS) ซึ่งช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
การแข่งขันที่รุนแรงจาก Altcoins อาจทำให้ส่วนแบ่งตลาดของ Bitcoin ลดลงและส่งผลกระทบต่อการเติบโตของราคาในระยะยาว
บทสรุป: Bitcoin กำลังอยู่ในช่วงขาลง
Bitcoin กำลังเผชิญกับแรงกดดันจากฝั่งขายส่งผลให้ราคาเหรียญร่วงลงต่ำกว่าระดับ 98,000 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่าแนวโน้มขาลงอาจยังคงดำเนินต่อไป
นักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าการปรับตัวลงของราคา Bitcoin เป็นผลมาจากปัจจัยหลายประการซึ่งรวมถึงความกังวลเกี่ยวกับกฎระเบียบที่เข้มงวดขึ้นและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์บางคนยังคงมองโลกในแง่ดีเกี่ยวกับอนาคตของ Bitcoin โดยเชื่อว่าราคาจะกลับมาปรับตัวขึ้นได้ในระยะยาว






