Binance และ CZ โดนฟ้องร้องคดีแบบกลุ่มในข้อหาฟอกเงิน

Binance เว็บเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก และ Changpeng “CZ” Zhao อดีต CEO ของบริษัท กำลังเผชิญหน้ากับคดีฟ้องร้องแบบกลุ่มครั้งใหม่ในข้อหาฟอกเงิน ซึ่งยื่นฟ้องโดยนักลงทุนคริปโต 3 ราย
คดีความในครั้งนี้ถูกยื่นฟ้องที่ศาลในเมืองซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน โดยกล่าวหา Binance ว่าเอื้อให้เกิดการฟอกเงินอย่างกว้างขวาง ทำให้สกุลเงินคริปโตที่ถูกขโมยมาไม่สามารถติดตามร่องรอยได้
การฟ้องร้องในครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ Binance ต้องเผชิญกับปัญหาด้านกฎหมายและกฎระเบียบมาหลายครั้ง ส่งผลให้พวกเขาถูกจับตามองมากยิ่งขึ้น ส่วน CZ อดีต CEO ที่กำลังจะพ้นโทษจำคุกจากคดีก่อนหน้าที่เขาถูกตัดสินว่ามีความผิดจริง ก็ยิ่งทำให้สถานการณ์ของทั้งบริษัทและตัวเขาเองซับซ้อนมากขึ้น
Binance ถูกกล่าวหาว่าฟอกเงิน
โจทก์ในคดีนี้ ได้แก่ Philip Martin, Natalie Tang, และ Yatin Khanna ซึ่งอ้างว่า ขโมยได้ขโมยสกุลเงินคริปโตของพวกเขาไป แล้วเอาไปฟอกผ่าน Binance
คดีนี้กล่าวหาว่า Binance รู้เห็นเป็นใจให้มีการฟอกสินทรัพย์ที่ถูกขโมยมาบนแพลตฟอร์มของตัวเอง ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายองค์กรที่ได้รับอิทธิพลจากกลุ่มอาชญากรและทุจริต (RICO)
โจทก์ระบุในคำฟ้องว่า โดยปกติแล้ว ธุรกรรมบนบล็อกเชนควรที่จะสามารถติดตามและเรียกคืนสินทรัพย์ที่ถูกขโมยได้ แต่การเข้ามาเกี่ยวข้องของ Binance ช่วยลบร่องรอยดิจิทัลดังกล่าว ทำให้ไม่สามารถเรียกคืนสินทรัพย์ของพวกเขาได้
คดีนี้ยังอ้างว่า Binance ภายใต้การนำของ Zhao ดำเนินธุรกิจโอนเงินแบบผิดกฎหมาย โดยจงใจละเลยข้อกำหนดด้านการต่อต้านการฟอกเงิน (AML)
โจทก์อ้างว่า ความประมาทเลินเล่อนี้เอื้อให้เกิดกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย ทำให้ Binance กลายเป็นศูนย์กลางการฟอกสกุลเงินคริปโตที่ถูกขโมยมา
Bill Hughes ที่ปรึกษาอาวุโสและผู้อำนวยการฝ่าย Global Regulatory Matters ของ Consensys แสดงความสงสัยว่า คดีนี้จะพิสูจน์ข้อกล่าวหาได้จริงหรือไม่
แต่เขาก็ยอมรับว่า คดีนี้ทำให้ Binance อยู่ในสถานะที่ลำบาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากคดีเข้าสู่ขั้นตอนการค้นหาพยานหลักฐานหรือการตรวจสอบก่อนการพิจารณาคดี
Hughes ชี้ให้เห็นว่า ถ้าคดีนี้ไปถึงศาล มันอาจจะเป็นการทดสอบประสิทธิภาพของการวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชนและการกู้คืนสินทรัพย์บนเครือข่าย ซึ่งอาจจะนำไปสู่การปรับเปลี่ยนวิธีการกำกับดูแลภาคส่วนคริปโตทั้งหมดได้
ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อวงการคริปโตทั่วโลก
คดีนี้เป็นคดีความล่าสุดในซีรี่ย์ของการดำเนินการทางกฎหมายที่มีต่อ Binance และผู้ก่อตั้งอย่าง Changpeng Zhao
เมื่อพฤศจิกายน 2023 Zhao และ Binance ได้ทำข้อตกลงรับสารภาพกับกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DOJ) โดย Zhao ยอมรับว่า ไม่ได้ดูแลระบบป้องกันการฟอกเงิน (AML) อย่างมีประสิทธิภาพ
ในข้อตกลงดังกล่าว Binance ตกลงจ่ายค่าปรับกว่า 4 พันล้านดอลลาร์ และ Zhao ก็ลาออกจากตำแหน่ง CEO
นอกจากนี้ Zhao ยังโดนปรับส่วนตัวอีก 50 ล้านดอลลาร์จากการละเมิดกฎของบริษัท รวมถึง การอำนวยความสะดวกในทำธุรกรรมกับผู้ใช้งานในประเทศที่ถูกคว่ำบาตรอย่าง อิหร่าน และ เกาหลีเหนือ
คดีความแบบกลุ่มใหม่นี้เกิดขึ้นในช่วงที่ Binance กำลังรับมือกับผลกระทบจากคดีก่อนหน้า
ต้นปีที่แล้ว SEC ยังได้ยื่นฟ้อง Binance ในข้อหาให้ข้อมูลเท็จแก่ SEC เรื่องการควบคุมการเฝ้าระวังตลาดและการเพิ่มปริมาณการซื้อขายอย่างไม่เป็นธรรม
ศาลรัฐบาลกลางอนุญาตให้คดีนี้ดำเนินต่อไปได้ ทำให้ Binance เจอแรงกดดันทางกฎหมายมากยิ่งขึ้น
ปัญหาทางกฎหมายที่เพิ่มขึ้นนี้อาจจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของ Binance เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐฯ ที่ซึ่งหน่วยงานกำกับดูแลเน้นบังคับใช้กฎระเบียบในภาคส่วนคริปโตมากขึ้น
ผลกระทบจากคดีนี้อาจจะไม่จำกัดแค่ Binance และ Zhao เท่านั้น ถ้าคดีความยังดำเนินต่อไป มันอาจจะส่งผลกระทบในวงกว้างต่อทั้งอุตสาหกรรมคริปโตได้
อย่างที่ Hughes บอก ผลของคดีนี้อาจจะสร้างบรรทัดฐานใหม่ว่า การวิเคราะห์ข้อมูลบล็อกเชนและการกู้คืนสินทรัพย์บนเครือข่ายจะถูกปฏิบัติอย่างไรในทางกฎหมาย






