องค์กรผู้บริโภคแห่งสหภาพยุโรป (BEUC) ยื่นเรื่องต่อต้านการใช้ ‘สกุลเงินดิจิทัล’ ในเกม

องค์กรผู้บริโภคแห่งสหภาพยุโรป (BEUC) ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อบริษัทผู้จัดจำหน่ายวิดีโอเกม โดยกล่าวหาว่า พวกเขามีพฤติกรรมในการหลอกลวงเกี่ยวกับการซื้อของในเกม
การร้องเรียนดังกล่าวทำขึ้นในนามของกลุ่มผู้บริโภคจาก 17 ประเทศ โดยอ้างว่า ผู้จัดจำหน่ายเกมเหล่านี้กำลังหลอกลวงผู้บริโภค โดยเฉพาะเด็กๆ ให้ใช้จ่ายเงินมากเกินไปกับการซื้อของในเกม ตามรายงานของ TechCrunch
รายงานขององค์กรผู้บริโภคแห่งสหภาพยุโรประบุว่า การซื้อของในเกม ซึ่งสร้างรายได้มากกว่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์ต่อปีทั่วโลก มักจะปิดบังต้นทุนที่แท้จริงของสินค้าดิจิทัล ทำให้ผู้บริโภคไม่สามารถเข้าใจได้ว่าตนเองใช้จ่ายไปเท่าไรกันแน่
เด็กๆ มีความเสี่ยงต่อการซื้อของในเกมมากกว่า
องค์กรผู้บริโภคแห่งสหภาพยุโรปกล่าวว่า เด็กๆ มีความเสี่ยงต่อกลยุทธ์เหล่านี้ โดยที่เกมเมอร์วัยเด็กใช้เงินโดยเฉลี่ย 39 ยูโรต่อเดือนในการซื้อของในเกม
เกมดังๆ อย่าง Fortnite, Clash of Clans, Minecraft และ EA Sports FC 24 ก็ถูกกล่าวถึงในการร้องเรียนในครั้งนี้ด้วยเช่นกัน
องค์กรได้เรียกร้องให้หน่วยงานกำกับดูแลในยุโรปใช้มาตรการที่เข้มงวดมากยิ่งขึ้นเพื่อปกป้องผู้บริโภคจากการกระทำในลักษณะนี้
หนึ่งในข้อเรียกร้องหลักขององค์กรก็คือ การแบนสกุลเงินในเกมที่ต้องซื้อ ซึ่งมักถูกใช้เพื่อปิดบังค่าใช้จ่ายที่แท้จริงของไอเทมและบริการภายในเกม
ข้อเสนอแนะนี้สอดคล้องกับผลสรุปของ Digital Fairness Fitness Check ซึ่งได้รับการปรับปรุงไปเมื่อช่วงเดือนสิงหาคม
นอกจากนี้ องค์กรยังสนับสนุนให้มีการจัดเรตอายุที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับเกมที่มีการซื้อของในเกม ความโปร่งใสเรื่องค่าใช้จ่าย และคำเตือนที่ชัดเจนเมื่อผู้เล่นกำลังจะจ่ายเงิน
Agustín Reyna ผู้อำนวยการทั่วไปของ BEUC กล่าวว่า “บริษัทไม่ควรได้รับอนุญาตให้บิดเบือนกฎเกณฑ์เพื่อทำกำไรสูงสุด ผู้บริโภคสมควรได้รับความโปร่งใส และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง เด็กๆ ต้องได้รับการปกป้องจากการถูกเอาเปรียบ”
“โลกของเกมเสมือนจริงจะต้องปฏิบัติตามกฎการคุ้มครองผู้บริโภคเหมือนกับในโลกแห่งความเป็นจริงเช่นเดียวกัน”
Reyna วิจารณ์การใช้สกุลเงินพิเศษในเกมเพิ่มเติม โดยบอกว่ามันหลอกให้ผู้บริโภคใช้จ่ายเกินตัว โดยเด็กๆ ได้รับผลกระทบมากที่สุด
‘อุตสาหกรรมเกม’ โต้กลับ
แต่ทางอุตสาหกรรมเกมก็ได้ตอบโต้ข้อกล่าวหาเหล่านี้ Video Games Europe ซึ่งเป็นกลุ่มการค้าที่เป็นตัวแทนบริษัทเกมรายใหญ่ในภูมิภาค ออกแถลงการณ์ปกป้องการใช้สกุลเงินในเกม
กลุ่มนี้โต้แย้งว่าการซื้อของในเกมเป็นแนวปฏิบัติที่มีมานานแล้ว และนักพัฒนาปฏิบัติตามกฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคของยุโรป
พวกเขายังเน้นย้ำว่า หลายเกมเปิดให้เล่นฟรี ทำให้ผู้เล่นได้ลองเล่นโดยไม่ต้องจ่ายเงินก่อน และบอกว่าอุตสาหกรรมนี้ปฏิบัติตามหลักจรรยาบรรณ PEGI ซึ่งทำให้มั่นใจได้ว่า ค่าใช้จ่ายจริงของสกุลเงินในเกมจะชัดเจนตอนที่ซื้อ
แม้อุตสาหกรรมจะออกมาปกป้องตัวเอง แต่การร้องเรียนขององค์กรผู้บริโภคแห่งสหภาพยุโรปก็ชี้ให้เห็นถึงข้อถกเถียงที่มีมากยิ่งขึ้นเกี่ยวกับการซื้อของในเกม โดยเฉพาะในแง่ที่เกี่ยวกับผู้บริโภคที่อายุน้อยกว่า
จากรายงานของรัฐสภายุโรปปี 2023 ผู้บริโภคในสหภาพยุโรปกว่าครึ่งเล่นวิดีโอเกมเป็นประจำ โดย 84% ของเด็กอายุ 11 ถึง 14 ปีเล่นเกมบนมือถือหรืออุปกรณ์อื่นๆ
เนื่องจากเด็กๆ มีความรู้ทางการเงินน้อยกว่าและมีเงินส่วนตัวจำกัด การใช้สกุลเงินในเกมจึงเป็นปัญหาสำคัญสำหรับผู้กำกับดูแลและนักปกป้องผู้บริโภค
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่องค์กรผู้บริโภคแห่งสหภาพยุโรปเล่นงานสกุลเงินดิจิทัลในแอป ในปี 2021 องค์กรนี้ได้ยื่นเรื่องร้องเรียน TikTok เรื่องการใช้สกุลเงินเสมือน ส่งผลให้วิธีแสดงการซื้อของได้มีการเปลี่ยนแปลงไป






