83% ของสถาบันจ่อเพิ่มการลงทุนในสกุลเงินคริปโตปี 2025 — ลุ้นเปิด Altcoin ETF หลายตัว

นักลงทุนสถาบันมองสกุลเงินคริปโตในแง่บวกมากขึ้น โดย 83% กล่าวว่าพวกเขาวางแผนจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในสกุลเงินคริปโตในปี 2025 ตามรายงานวันที่ 18 มีนาคม จาก Coinbase และ EY-Parthenon
รายงานจาก Coinbase ระบุว่า ปัจจุบัน เกือบ 75% ของบริษัทที่สำรวจกล่าวว่าพวกเขาถือครองสกุลเงินคริปโตอื่นๆ นอกเหนือจาก Bitcoin และ Ether และส่วนใหญ่วางแผนจะเพิ่มการลงทุนในคริปโตให้เป็น 5% หรือมากกว่าในพอร์ตของพวกเขา
สาเหตุที่พวกเขาสนใจคือมุมมองที่ว่า “คริปโตเคอร์เรนซีเป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจเมื่อเทียบกับความเสี่ยงในช่วง 3 ปีข้างหน้า”
Coinbase ซึ่งเป็นตลาดซื้อขายสกุลเงินคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และ EY-Parthenon ซึ่งเป็นบริษัทที่ปรึกษา ได้นำเสนอผลการวิจัยจากการสัมภาษณ์นักลงทุนสถาบันมากกว่า 350 รายในเดือนมกราคม
ในกลุ่มเหรียญ Altcoins ที่สถาบันถือครอง XRP และ Solana ได้รับความนิยมมากที่สุด
Altcoin ETF กำลังจะมา
การลงทุนใน Altcoins อาจเพิ่มขึ้นอีกหากหน่วยงานกำกับดูแลสหรัฐฯ อนุมัติการจดทะเบียนกองทุน ETF ที่วางแผนไว้ในปีนี้
ผู้จัดการสินทรัพย์กำลังรอการอนุมัติจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ เพื่อจดทะเบียน Altcoin ETF ที่เสนอมากกว่า 12 ตัว
Litecoin, SOL และ XRP ถูกมองว่ามีแนวโน้มที่จะได้รับการอนุมัติในระยะใกล้มากที่สุด ตามข้อมูลจาก Bloomberg Intelligence
เมื่อวันที่ 17 มีนาคม Chicago Mercantile Exchange (CME) Group ซึ่งเป็นตลาดอนุพันธ์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ โดยปริมาณ ได้เปิดตัวสัญญาฟิวเจอร์สที่เชื่อมโยงกับ SOL ซึ่งเป็นก้าวสำคัญสู่การยอมรับ Altcoins โดยสถาบัน
Stablecoins และ DeFi เติบโตขึ้น
ในขณะเดียวกัน สถาบันต่างๆ หันมาใช้ Stablecoins มากขึ้น โดย 84% ของผู้ตอบแบบสอบถามถือครองหรือกำลังพิจารณาหันมาใช้ Stablecoins หรือกำลังสำรวจในการทำเช่นนั้น
ตามรายงาน สถาบันต่างๆ ใช้ “Stablecoins สำหรับหลายวัตถุประสงค์นอกเหนือจากการทำธุรกรรมคริปโต เช่น สร้างผลตอบแทน (73%) แลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ (69%) จัดการเงินสดภายใน (68%) และชำระเงินภายนอก (63%)”
ในเดือนธันวาคม ธนาคารเพื่อการลงทุน Citi ระบุว่าการใช้ Stablecoin จะช่วยเร่งกิจกรรมบนบล็อกเชน รวมถึงในระบบการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi)
การสำรวจพบว่าปัจจุบันมีเพียง 24% ของนักลงทุนสถาบันที่ใช้แพลตฟอร์ม DeFi แต่คาดว่าตัวเลขนี้จะเพิ่มเป็นเกือบ 75% ภายใน 2 ปีข้างหน้า
“สถาบันสนใจ DeFi ด้วยหลายเหตุผล โดยให้ความสนใจกับอนุพันธ์ การ Staking และการให้กู้ยืมมากที่สุด ตามมาด้วยการเข้าถึง Altcoins การชำระเงินข้ามพรมแดน และการทำฟาร์มผลตอบแทน” รายงานระบุ






