ประวัติ Bitcoin

Last updated:
Author
Author
Phakphum
Last updated:
ทำไมจึงไว้วางใจ Cryptonews
เป็นเวลามากว่า 10 ปีที่ Cryptonews ได้รายงานเกี่ยวกับอุตสาหกรรมคริปโตเคอเรนซี โดยมีเป้าหมายเพื่อให้ข้อมูลเชิงลึกที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อ่านของเรา ทีมงานนักข่าวและนักวิเคราะห์ของเรามีประสบการณ์อย่างกว้างขวางในด้านการวิเคราะห์ตลาดและเทคโนโลยีบล็อกเชน เรามุ่งมั่นที่จะรักษามาตรฐานด้านบรรณาธิการให้อยู่ในระดับสูง โดยเน้นความถูกต้องของข้อเท็จจริงและการรายงานอย่างสมดุลในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นคริปโตเคอเรนซี โปรเจกต์บล็อกเชน งานอุตสาหกรรม ผลิตภัณฑ์ หรือการพัฒนาเทคโนโลยี การที่เราอยู่ในอุตสาหกรรมนี้อย่างต่อเนื่อง สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเราในการนำเสนอข้อมูลที่เกี่ยวข้องในโลกของสินทรัพย์ดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ https://cryptonews.com/about-us/">อ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ Cryptonews
การเปิดเผยโฆษณาเรามุ่งมั่นในการสร้างความโปร่งใสอย่างเต็มที่กับผู้อ่านของเรา บางเนื้อหาในเว็บไซต์อาจมีลิงก์พันธมิตร ซึ่งเราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่นจากความร่วมมือเหล่านี้

ประวัติ Bitcoin

เมื่อเครือข่าย Bitcoin เปิดตัวในปี 2009 สิ่งนี้เป็นเพียงแค่ความฝันของบรรดา Cryptographer หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการเข้ารหัสเท่านั้น แต่ในปี 2024 Bitcoin มีมูลค่าตลาดมากกว่า 7 แสนล้านดอลลาร์แล้ว

ในบทความนี้เกี่ยวกับ ประวัติ Bitcoin เราจะไขข้อสงสัยเกี่ยวกับ timeline ของ Bitcoin ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน

จุดเริ่มต้นของ Bitcoin


มาเริ่มต้น Bitcoin ด้วยภาพรวมกันก่อน

Bitcoin เริ่มต้นได้อย่างไร

ในเดือนตุลาคม 2008 มีการเผยแพร่ Whitepaper ที่ปฏิวัติวงการคริปโตเคอเรนซี ชื่อว่า Bitcoin: A Peer-to-Peer Electronic Cash System โดยเนื้อหาได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของ Bitcoin ที่จะมาแทนที่ระบบการเงินแบบรวมศูนย์ด้วยทรัพย์สินดิจิทัล ซึ่งแตกต่างจากสกุลเงินทั่วไป โดย Bitcoin จะไม่ถูกควบคุมโดยรัฐบาลหรือธนาคารกลางใดๆ

ในทางตรงกันข้าม การกระจายอำนาจเป็นหัวใจหลักของ Bitcoin ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีใครหรือหน่วยงานใดเป็นเจ้าของเครือข่าย Whitepaper ได้อธิบายว่าธุรกรรม Bitcoin จะเกิดขึ้นแบบ peer to peer โดยอิงกับเทคโนโลยีบล็อกเชนอันล้ำสมัย

ไวท์เปเปอร์ Bitcoin

บล็อกเชนของ Bitcoin มีความปลอดภัยและโปร่งใส เนื่องจากทุกธุรกรรมจะถูกระบุบนบัญชีธุรกรรมสาธารณะ นอกจากนี้ Whitepaper ยังเน้นย้ำถึงความสำคัญของจำนวน Bitcoin ที่มีจำนวนจำกัด โดย Bitcoin ใหม่จะถูกสร้างขึ้นทุกๆ 10 นาที และแจกจ่ายให้กับ Miner ที่ตรวจสอบบล็อกธุรกรรมสำเร็จ

ในทุกๆ 4 ปีโดยประมาณ รางวัลจาก Mining จะลดลงครึ่งหนึ่ง เรียกว่า Bitcoin Halving กระบวนการนี้จะดำเนินต่อไปจนกว่าจะมี Bitcoin ครบ 21 ล้านเหรียญ หลังจากนั้นจะไม่มีการสร้าง Bitcoin เพิ่มอีก สิ่งนี้ทำให้ Bitcoin มีคุณสมบัติเป็นทั้งสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนและเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าในตัวเอง

Bitcoin: รูปแบบใหม่ของเงินตรา

นี่คือข้อสรุปว่าทำไม Bitcoin ถึงปฏิวัติวงการการเงินแบบดั้งเดิม

  • Bitcoin เป็นสินทรัพย์ดิจิทัล หมายความว่าสิ่งนี้ไม่มีรูปร่างทางกายภาพเหมือนเงินเฟียต
  • ธุรกรรมเกิดขึ้นแบบ peer to peer ซึ่งหมายความว่า Bitcoin สามารถโอนระหว่างคนสองคนได้โดยไม่ต้องพึ่งตัวกลางอย่างธนาคาร
  • จำนวน Bitcoin มีจำกัด ในช่วงแรกจะมี 50 BTC ถูกผลิตทุกๆ 10 นาที และจะลดลงครึ่งหนึ่งทุกๆ 4 ปีโดยประมาณ ปัจจุบัน รางวัล Mining คือ 6.25 BTC
  • ค่าธรรมเนียม Bitcoin ตั้งใจให้ต่ำ ขึ้นอยู่กับความต้องการของเครือข่ายมากกว่ามูลค่าของธุรกรรม ทำให้เหมาะสำหรับการโอนเงินข้ามพรมแดน
  • ธุรกรรม Bitcoin ทั้งหมดสามารถมองเห็นได้บนบล็อกเชน เพื่อความโปร่งใสอย่างสมบูรณ์
  • เนื่องจาก Bitcoin มีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ ทำให้มันเป็นสินทรัพย์ที่อุปทานลดลงเมื่อเวลาผ่านไป (Deflationary) จึงน่าสนใจในฐานะสินทรัพย์ที่เก็บมูลค่าได้
  • Bitcoin หนึ่งเหรียญ สามารถแบ่งเป็นหน่วยเล็กลงไปได้ถึง 100 ล้านหน่วย เรียกว่า “Satoshi” ซึ่งทำให้ Bitcoin เหมาะสมเป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนด้วย

ผู้ก่อตั้งที่เป็นปริศนา

Whitepaper ของ Bitcoin ถูกเขียนโดยผู้ก่อตั้งในนามแฝงว่า Satoshi Nakamoto จนถึงทุกวันนี้ยังไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา CNBC รายงานว่า Nakamoto ถือ Bitcoin มากกว่า 1.1 ล้านเหรียญ ณ จุดสูงสุดของ Bitcoin ที่ราคามากกว่า 68,000 ดอลลาร์ มูลค่าของ Bitcoin ที่ Nakamoto ถือจะมากถึง 74,000 ล้านดอลลาร์

อย่างไรก็ตาม กระเป๋า Bitcoin ของ Satoshi Nakamoto ไม่มีความเคลื่อนไหวตั้งแต่ปี 2010 ทำให้บางคนในชุมชน Bitcoin เชื่อว่า Nakamoto ไม่ได้มีชีวิตอยู่แล้ว แม้ว่าจะมีหลายคนอ้างตัวเป็น Satoshi Nakamoto ตัวจริง ดังเช่น Craig White

Guardian รายงานว่า Craig White เป็นนักวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ชาวออสเตรเลียที่อ้างตัวเป็น Nakamoto ตั้งแต่ปี 2015 ถึงแม้ White จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีความทางกฎหมายหลายเรื่องเกี่ยวกับข้ออ้างของเขา แต่ชุมชน Bitcoin ก็ยังคงสงสัย ในท้ายที่สุด หากเราไม่เห็นกระเป๋า Bitcoin ของ Nakamoto มีความเคลื่อนไหว เราก็คงไม่มีทางรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา

Timeline ของประวัติ Bitcoin


ต่อไปเราจะพูดถึง Timeline ของประวัติ Bitcoin ตั้งแต่จุดเริ่มต้นจนถึงปัจจุบัน

ยุคเริ่มต้นของ Bitcoin: 2008 – 2009

เริ่มจากเดือนสิงหาคม 2008 ซึ่งเป็นช่วงที่มีการจดทะเบียนโดเมน Bitcoin.org ต่อมาในเดือนตุลาคมปีเดียวกัน ก็มีการเผยแพร่ Whitepaper ของ Bitcoin ซึ่งได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของ Bitcoin และการปฏิวัติวงการการเงินแบบดั้งเดิมด้วยการกระจายอำนาจ

บิทคอยน์

และแล้วเครือข่าย Bitcoin ก็เปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 3 มกราคม 2009 ซึ่งถือเป็นการเริ่มต้นของบล็อกแรกของ Bitcoin หรือที่รู้จักในชื่อ “Legacy block” ต่อมาในวันที่ 12 มกราคม Satoshi Nakamoto ได้ดำเนินธุรกรรม Bitcoin ครั้งแรก โดยโอน 10 BTC ให้กับ Hal Finney นักพัฒนา Cryptography และเป็นผู้ใช้ Bitcoin ในยุคแรกๆ

ณ ตอนนั้น 10 BTC แทบจะไร้ค่า แต่ปัจจุบัน 10 BTC มีมูลค่ามากกว่า 420,000 ดอลลาร์ อย่างไรก็ตาม ธุรกรรมนี้ถือเป็นการปฏิวัติ เพราะพิสูจน์ว่าการแลกเปลี่ยนสามารถเกิดขึ้นได้โดยไม่ต้องผ่านตัวกลาง โดยใช้เวลายืนยันธุรกรรม 10 BTC เพียง 10 นาที โดยไม่ต้องเกี่ยวข้องกับบุคคลที่สาม

ราคาบิทคอยน์เริ่มแรก

ช่วงต้น: 2010 – 2012

มาต่อกันที่ปี 2010 ธุรกรรม Bitcoin ในเชิงการค้าเกิดขึ้นครั้งแรกในวันที่ 5 พฤษภาคม โดย BTC ถูกใช้แลกเปลี่ยนกับสินค้าจริง US News รายงานว่า Laszlo Hanyecz จ่าย 10,000 BTC เพื่อแลกกับพิซซ่าสองถาด ผู้ขายได้ซื้อพิซซ่าจาก Papa John’s แทน Hanyecz ในราคา $25 เท่านั้น หมายความว่าธุรกรรม 10,000 BTC นี้ให้มูลค่า Bitcoin เพียง $0.0025

หากเทียบกับอัตราแลกเปลี่ยน BTC/USD ในปัจจุบัน 10,000 BTC เดียวกันนี้จะมีมูลค่ามากกว่า 420 ล้านเหรียญ ธุรกรรมอันโด่งดังนี้ทำให้วันที่ 5 พฤษภาคมถูกขนานนามว่า Bitcoin Pizza Day ไปตลอดกาล

Bitcoin Pizza Day

อีกเหตุการณ์สำคัญในเดือนกรกฎาคม 2010 คือการก่อตั้ง Mt. Gox ซึ่งถือเป็นกระดานเทรดคริปโตที่ใช้งานได้จริงเป็นแห่งแรกของโลก โดยอนุญาตให้ผู้ใช้ซื้อขาย BTC ด้วยเงินเฟียต ณ จุดสูงสุด Mt. Gox จัดการปริมาณการเทรด Bitcoin มากกว่า 70% ของตลาด

  • ในเดือนสิงหาคม 2010 Bitcoin เผชิญกับปัญหาด้านความปลอดภัยครั้งใหญ่ ที่เรียกว่า “Value Overflow Incident”
  • โดยรวมแล้ว ช่องโหว่นี้ส่งผลให้มีการขุด Bitcoin ถึง 184 พันล้าน BTC
  • ซึ่งมากกว่าจำนวนจำกัดของ Bitcoin ที่ 21 ล้านเหรียญมหาศาล
  • นักพัฒนาหลักของ Bitcoin ได้แก้ปัญหานี้อย่างรวดเร็วด้วยการ “Fork” บล็อกเชน
  • ทำให้ Bitcoin สามารถลบบล็อกที่ผิดพลาดออกจากเครือข่ายได้ นั่นหมายความว่าธุรกรรมนี้ไม่ได้ถูกจัดเก็บบนบล็อกเชนของ Bitcoin อีกต่อไป

เดือนพฤศจิกายน 2010 Bitcoin ทำสถิติใหม่ โดยมีมูลค่าตลาดรวมสูงกว่า 1 ล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก

เพียงแค่ 3 เดือนต่อมา Bitcoin ก็มีมูลค่าทัดเทียมดอลลาร์สหรัฐ นี่จุดประกายให้เกิด Bull run ครั้งแรกของ Bitcoin โดยราคาพุ่งทะยานสูงถึงเกือบ $32 ในเดือนมิถุนายน 2011

เราต้องกล่าวถึงการเกิดขึ้นของ Silk Road ในเดือนตุลาคม 2011 ด้วย ซึ่งเป็นตลาดออนไลน์สำหรับสินค้าและบริการผิดกฎหมายโดยใช้ Bitcoin เป็นสกุลเงินหลักในการชำระเงิน Silk Road มีเงินหมุนเวียนหลายพันล้านดอลลาร์ในรูปแบบ Bitcoin จนกระทั่งถูก FBI จับกุมและปิดตัวลงในปี 2013

ในเดือนกันยายน 2012 มูลนิธิ Bitcoin ได้ถือกำเนิดขึ้น เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่จัดตั้งขึ้นเพื่อรักษาความปลอดภัยและปกป้อง Bitcoin สองเดือนต่อมา การ Halving ครั้งแรกของ Bitcoin เกิดขึ้น โดยลดรางวัลการขุดจาก 50 BTC ต่อ 10 นาที เหลือ 25 BTC

การกำกับดูแลเริ่มต้นขึ้น: 2013 – 2014

การพัฒนาของ Bitcoin ในช่วงปี 2013 ถึง 2014 เกี่ยวข้องกับการกำกับดูแล ยกตัวอย่างเช่น ในเดือนมีนาคม 2013 FinCEN (Financial Crimes Enforcement Network) ได้ออกแนวปฏิบัติเกี่ยวกับ Bitcoin เป็นครั้งแรก โดยระบุว่ากระดานเทรด Bitcoin จะถูกปฏิบัติเหมือนเป็นธุรกิจบริการการเงินภายใต้กฎระเบียบของ FinCEN

เดือนพฤษภาคม 2013 หน่วยงานของสหรัฐฯ ได้ยึดบัญชีธนาคารที่เชื่อมโยงกับ Mt. Gox กระทรวงความมั่นคงของสหรัฐกล่าวว่า Mt. Gox ดำเนินการเป็นผู้ให้บริการโอนเงินโดยไม่มีใบอนุญาต ในเดือนสิงหาคม กระทรวงการคลังเยอรมันจัดประเภท Bitcoin เป็น “Unit of Account (หน่วยในการคำนวณบัญชี)” ซึ่งหมายความว่า Bitcoin สามารถใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนและเพื่อชำระภาษีได้

เดือนตุลาคม 2013 FBI ปิดแพลตฟอร์ม Silk Road ดังที่เราได้กล่าวไปแล้วว่า Bitcoin เป็นสกุลเงินหลักที่ใช้ซื้อขายสินค้าและบริการผิดกฎหมาย ข่าวการปิดตัวลงของ Silk Road ส่งผลให้ราคา Bitcoin ร่วงลงมาก

การกำกับดูแลเริ่มต้นขึ้น: 2013 – 2014

ปิดท้ายปี 2013 รัฐบาลจีนประกาศห้ามสถาบันการเงินไม่ให้ดำเนินธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับ Bitcoin ส่งผลให้ราคาร่วงลงอย่างมากอีกครั้ง เมื่อพิจารณาจากขนาดตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่โตของจีน มาถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2014 Mt. Gox ที่ถือว่าเป็นกระดานเทรดคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในตอนนั้น ได้ประกาศล้มละลาย

Mt. Gox เปิดเผยว่าถูกแฮ็กไป 850,000 BTC หากคิดจากราคาตลาดในปัจจุบัน ความเสียหายจากการแฮ็กครั้งนี้มีมูลค่ามากกว่า 35,000 ล้านดอลลาร์ หน่วยงานของสหรัฐจึงเข้ายึดทรัพย์สินส่วนที่เหลือของ Mt. Gox นานถึง 10 ปีกว่าผู้เสียหายจากเหตุการณ์นี้จะเริ่มได้รับเงินชดเชย

หมุดหมายสำคัญอีกประการหนึ่งในประวัติ Bitcoin เกิดขึ้นในเดือนมีนาคม 2014 เมื่อ IRS จัดประเภท Bitcoin ว่าเป็นทรัพย์สิน แม้ว่านี่จะทำให้ Bitcoin ถูกต้องตามกฎหมาย แต่ก็หมายความว่าผลกำไรจะต้องเสียภาษีเช่นเดียวกับทรัพย์สินอื่น ๆ เช่น หุ้น และกองทุน

การนำไปใช้อย่างแพร่หลาย: 2015 – 2019

ช่วงต่อมาของประวัติ Bitcoin เป็นเรื่องของการนำไปใช้ในวงกว้างมากขึ้น รวมถึงการเติบโตอย่างมากของกระดานเทรดคริปโต ซึ่งช่วยให้ผู้ซื้อรายใหม่เข้าสู่ตลาดได้ง่ายขึ้น เรายังเห็นบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง IBM และ Goldman Sachs แสดงความสนใจใน Bitcoin พร้อมกับการลงทุนในสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับบล็อกเชน

ปี 2015 เป็นปีสำคัญสำหรับวงการบล็อกเชนโดยรวม โดยมี Ethereum เป็นโครงการแรกที่รองรับ Smart contract ซึ่งพิสูจน์ว่าทรัพย์สินดิจิทัลสามารถนำไปใช้ได้มากกว่าแค่ธุรกรรมทางการเงิน และ Ethereum ก็กลายเป็นหนึ่งใน Altcoin ชั้นนำตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

ในปี 2016 การ Halving ครั้งที่สองของ Bitcoin มาถึง ซึ่งเป็นการลดรางวัลการขุดจาก 25 BTC เหลือ 12.5 BTC ก่อให้เกิด Bull market ที่ยืดเยื้อสำหรับ Bitcoin ต้นปี 2017 Bitcoin มีมูลค่าซื้อขายอยู่ที่ $1,000 แต่ในช่วงท้ายปี ราคาสูงสุดใหม่ตลอดกาลของ Bitcoin ก็ทะลุถึง $20,000

การนำไปใช้อย่างแพร่หลาย: 2015 – 2019

ในปี 2017 เรายังเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมากของการระดมทุนผ่าน ICO (initial coin offering) ซึ่งทำให้โครงการคริปโตใหม่ ๆ สามารถระดมทุนได้โดยไม่ต้องผ่านกระบวนการกำกับดูแลแบบดั้งเดิม เนื่องจากเงินทุนถูกระดมในรูปแบบสินทรัพย์ดิจิทัลแทนเงินเฟียต รวมถึง ICO ระยะยาวหนึ่งปีของ EOS ที่ระดมทุนไปมากกว่า 4,000 ล้านดอลลาร์

ธันวาคม 2017 เป็นอีกช่วงเวลาสำคัญสำหรับ Bitcoin เพราะเป็นการเปิดตัวตลาด Bitcoin Futures ที่มีการกำกับดูแลแห่งแรกของโลก โดย CME Group ซึ่งช่วยให้นักลงทุนสถาบันสามารถเข้าถึง Bitcoin ในรูปแบบที่มีการกำกับดูแลได้ ในแง่ของการขึ้นลงของราคา Bitcoin ก็เข้าสู่ตลาดหมี (Bear market) ในระยะยาวหลังจากทะลุ $20,000

ณ สิ้นปี 2018 ราคา Bitcoin ลดลงมาอยู่ที่ราว ๆ $3,000 เป็นการลดลง 85% จากจุดสูงสุดก่อนหน้านี้ โดยนี่ถือเป็นหนึ่งในโอกาสทองให้นักลงทุนซื้อสะสม Bitcoin ในราคาถูก

ในปี 2019 Facebook ประกาศแผนเปิดตัวสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นของตัวเอง ชื่อว่า Libra ซึ่งกระตุ้นให้เกิดความสนใจไปทั่วโลก เนื่องจาก Facebook มีผู้ใช้งานหลายพันล้านคนต่อเดือน อย่างไรก็ตาม เนื่องจากแรงกดดันด้านกฎระเบียบที่เพิ่มมากขึ้น Facebook จึงยกเลิกโครงการ Libra ในที่สุด

ปี 2020 – ปัจจุบัน

ในเดือนพฤษภาคม 2020 การเกิด Bitcoin Halving ครั้งที่สามของ Bitcoin มาถึง โดยลดรางวัลในการขุดจาก 12.5 BTC เหลือเพียง 6.25 BTC เช่นเดียวกับเหตุการณ์ Halving ครั้งก่อน ๆ นี่จุดชนวนให้เกิดตลาดกระทิงครั้งใหม่ โดย ณ สิ้นปี Bitcoin กลับขึ้นไปแตะจุดสูงสุดเดิมที่ $20,000 ตลาดกระทิงของ Bitcoin ดำเนินต่อไปตลอดปี 2021

BTC ราคาสูงสุดตลอดกาล

ราคา Bitcoin

พุ่งสูงสุดในเดือนพฤศจิกายน 2021 ทำสถิติ all-time high ใหม่ที่ $68,000 แต่ 12 เดือนหลังจากทำราคาสูงสุด Bitcoin ร่วงลงมาแตะ $16,000 ถือเป็นการลดลง 75% Bitcoin พึ่งฟื้นตัวกลับมาทำจุดสูงสุดใน 52 สัปดาห์ที่เกือบ $49,000 เพิ่มขึ้น 200% จากจุดต่ำสุดที่ $16,000 ซึ่งสะท้อนรูปแบบวัฏจักรก่อนหน้านี้

กราฟราคาบิทคอยน์

สิ่งสำคัญคือการ Halving ครั้งต่อไปของ Bitcoin คาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2024 ซึ่งจะลดรางวัลการขุดจาก 6.25 BTC ลงเหลือ 3.125 BTC ผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากคาดว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นของตลาดกระทิง Bitcoin รอบใหม่ แต่อย่าลืมว่าผลงานในอดีตไม่ได้การันตีว่าจะเกิดขึ้นซ้ำในอนาคต

การอนุมัติ Bitcoin ETF

นอกจากนี้ ในปี 2024 SEC ได้อนุมัติชุดแรกของใบสมัคร Bitcoin ETF ซึ่งรวมถึง Bitcoin ETF จาก BlackRock บริษัทจัดการสินทรัพย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก

หลังจากถูก SEC ปฏิเสธมาหลายปี การอนุมัตินี้จะเปิดโอกาสให้นักลงทุนสถาบันสามารถลงทุนใน Bitcoin โดยไม่จำเป็นต้องซื้อขาย Futures หลายฝ่ายเชื่อว่านี่จะดึงดูดเงินลงทุนจำนวนมหาศาลจากสถาบันเข้าสู่อุตสาหกรรม โดยไม่มีช่วงเวลาไหนที่จะเหมาะเจาะมากไปกว่านี้แล้ว เพราะใกล้ถึงเหตุการณ์ Halving ครั้งต่อไปของ Bitcoin พอดี

การยอมรับ Bitcoin


เป็นเวลาหลายปีที่ Bitcoin ถูกตีตราด้วยคำเช่น “หลอกลวง” และ “แชร์ลูกโซ่” Bitcoin ยังถูกมองว่าเป็นสกุลเงินยอดนิยมของอาชญากร เพราะว่าธุรกรรม Bitcoin ไม่ได้ผูกกับตัวตนที่แท้จริงของผู้ใช้ ความนิรนามในระดับนี้ทำให้ตลาดผิดกฎหมายอย่างเช่น Silk Road ต้องพึ่งพาการชำระเงินด้วย Bitcoin เพื่อให้ดำเนินการต่อไปได้

ความสงสัยในวงกว้างยังมาจากสถาบันการเงินใหญ่ๆ รัฐบาล และธนาคารกลาง ยกตัวอย่างเช่น Jamie Dimon ซีอีโอของ JP Morgan เคยเรียก Bitcoin ว่าเป็น “การฉ้อโกง” ในปี 2017 ส่วน Warren Buffet นักลงทุนในตำนานก็เคยเรียก Bitcoin ว่า “เหรียญการพนัน” ที่ไร้ “มูลค่าที่แท้จริงใด ๆ”

และแน่นอนว่ายังมีรัฐบาลจีนที่ออกคำสั่งห้ามสินทรัพย์ดิจิทัลโดยสิ้นเชิงในปี 2021 อย่างไรก็ดี Bitcoin ก็ยังคงฝ่าฟันอุปสรรคด้านกฎระเบียบต่าง ๆ มาได้ ถึงแม้ตัวเลขประมาณการจะแตกต่างกันออกไป แต่การศึกษาของ Crypto.com พบว่ามีผู้คนกว่า 106 ล้านคนที่ลงทุนในทรัพย์สินดิจิทัล ซึ่งตัวเลขนี้เพิ่มขึ้นทุกปี

การยอมรับ Bitcoin

Bitcoin ถูกมองในฐานะทรัพย์สินเก็บมูลค่า แต่ก็ได้รับการใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศที่ประสบปัญหาเงินเฟ้อรุนแรง และนโยบายของธนาคารกลางที่ไม่เป็นมิตร ที่น่าสนใจคือ ขณะนี้ Bitcoin ถือเป็นเงินตราที่ถูกกฎหมายใน 2 ประเทศคือ เอลซัลวาดอร์ และสาธารณรัฐแอฟริกากลาง

นั่นหมายความว่า ร้านค้าต่างๆ จำเป็นต้องยอมรับ Bitcoin เป็นวิธีการชำระเงิน ไม่ว่าจะเต็มใจหรือไม่ก็ตาม และยังมีบัลแกเรียที่มีเงินสำรอง Bitcoin มากกว่า 213,000 BTC คิดเป็นมูลค่าราว 9,000 ล้านดอลลาร์ ณ ราคาปัจจุบัน สุดท้ายนี้ แม้ว่าการยอมรับ Bitcoin จะยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่การปฏิวัติทรัพย์สินดิจิทัลก็ไม่สามารถถูกมองข้ามไปได้อีกต่อไป

ใครเป็นผู้ถือ Bitcoin มากที่สุด?

  • Satoshi Nakamoto – คนสร้างบิทคอยน์ที่ใช้นามแฝง ถือ Bitcoin มากกว่า 1.1 ล้าน BTC อย่างไรก็ตาม เหรียญเหล่านี้ยังไม่มีความเคลื่อนไหวตั้งแต่ปี 2010
  • เจ้าของกระเป๋า Bitcoin ส่วนบุคคลที่ใหญ่ที่สุดคือ Binance โดย Cold wallet ของ Binance มี Bitcoin มากกว่า 248,000 เหรียญ ซึ่งมีมูลค่ามากกว่า 1 หมื่นล้านดอลลาร์ ณ ปัจจุบัน

อนาคตที่รออยู่ของ Bitcoin


ตอนนี้เราได้ทบทวนประวัติ Bitcoin กันมาครบแล้ว แล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร? แน่นอนว่าปี 2024 จะเป็นปีที่ยิ่งใหญ่สำหรับ Bitcoin ไม่เพียงแต่ SEC จะอนุมัติชุดแรกของ Bitcoin ETF เท่านั้น แต่ยังมีการ Halving ครั้งต่อไปของ Bitcoin ในเดือนเมษายนด้วย ดังที่ได้กล่าวไปแล้วก่อนหน้านี้ว่าการ Halving ของ Bitcoin ในอดีตมักจะเป็นจุดเริ่มต้นของขาขึ้นระยะยาว

สำหรับการคาดการณ์ราคา Bitcoin นักลงทุนอาจจะตั้งเป้าไว้ที่ระดับสูงสุดเดิมที่ $68,000 หลังจากนั้น เป้าหมายจิตวิทยาถัดไปก็คือ $100,000 ในระยะยาว ยังคงต้องติดตามกันต่อไปว่ามูลค่าของ Bitcoin จะสูงขึ้นไปถึงเพียงใด Cathie Wood ซีอีโอของ ARK Invest คาดการณ์ว่า Bitcoin อาจจะแตะ $1.5 ล้านภายในปี 2030

ซึ่งเพิ่มขึ้นจากการคาดการณ์ครั้งก่อนของเธอที่ $1 ล้าน หาก Bitcoin ขึ้นไปถึง $1.5 ล้าน เหรียญบิทคอยน์จะต้องมีมูลค่าตลาดรวมมากกว่า $28 ล้านล้านเลยทีเดียว การคาดการณ์ราคาของ Wood ถือเป็นการท้าทายอย่างมาก เนื่องจากราคาจะสูงกว่ามูลค่าตลาดของทองคำที่ราว 13 ล้านล้านดอลลาร์ถึงสองเท่า

สรุป


สรุปได้ว่าตั้งแต่มีผู้สร้าง Bitcoin ขึ้นมา การเดินทางของ Bitcoin ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเต็มไปด้วยจุดสูงและต่ำมากมาย แต่อนาคตก็ดูสดใสแน่นอน เนื่องจากการยอมรับของทั้งผู้บริโภคและนักลงทุนสถาบันที่เพิ่มมากขึ้น

และหากพิจารณาจากราคาปัจจุบัน Bitcoin อาจจะยังอยู่ในช่วงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ เมื่อเทียบกับศักยภาพที่แท้จริง อย่าลืมจับตาดูการ Halving ครั้งต่อไปของ Bitcoin ด้วย เพราะในอดีตมักจะนำมาซึ่งขาขึ้นในระยะยาวเสมอ

แหล่งอ้างอิง

คำถามที่พบบ่อย

ราคา Bitcoin สูงสุดตลอดกาลคือเท่าไหร่?

จากข้อมูลของ CoinMarketCap ราคา Bitcoin สูงสุดตลอดกาลคือ $68,789.63 โดยทำสถิตินี้เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2021

ในปี 2009 ราคา Bitcoin อยู่ที่เท่าไหร่?

ในเดือนตุลาคม 2009 ผู้ใช้งานในยุคแรกตกลงอัตราแลกเปลี่ยนที่ $1 = 1,309 Bitcoin นั่นหมายความว่า Bitcoin มีมูลค่าเพียง $0.0007 เท่านั้น

ในปี 2012 ราคา Bitcoin เป็นอย่างไร?

ประวัติราคา Bitcoin แสดงให้เห็นว่า BTC มีมูลค่า $5.13 ในเดือนมกราคม 2012 และ Bitcoin มีมูลค่า $13.50 ณ สิ้นปี

ในปี 2010 ราคา Bitcoin อยู่ที่เท่าไหร่?

ประวัติราคา Bitcoin ช่วงปี 2010 มีให้เห็นค่อนข้างจำกัด เนื่องจากโครงการยังอยู่ในช่วงแรกเริ่ม อย่างไรก็ดี ในเดือนพฤษภาคม 2010 มีการนำ Bitcoin 10,000 เหรียญมาแลกกับพิซซ่าราคา $25 นั่นหมายความว่า ณ ตอนนั้น Bitcoin อาจจะมีมูลค่าเพียง $0.0025

Crypto News in numbers
editors
Authors List + 66 More
2M+
มีผู้ใช้งานรายเดือนทั่วโลกมากกว่า
250+
มีบทความรีวิวและคู่มือมากกว่า
8 ปี
อยู่ในตลาดมาแล้ว
70 คน
มีทีมงานนักเขียนนานาชาติกว่า