Bitcoin Bonds: พันธบัตรบิทคอยน์ ทางออกวิกฤตหนี้สหรัฐฯ?

Pattada L.
| 10 min read
Cryptonews ได้รายงานข่าวในวงการคริปโตเคอเรนซีมานานกว่า 10 ปี ทีมงานที่เชี่ยวชาญของเรามุ่งเน้นการวิเคราะห์ตลาด เทคโนโลยีบล็อกเชน และการรายงานอย่างถูกต้องและสมดุล ครอบคลุมคริปโต บล็อกเชน และการพัฒนาในอุตสาหกรรม เรามุ่งมั่นในการให้ความโปร่งใสกับผู้อ่าน เนื้อหาบางส่วนอาจมี Affiliate Links ซึ่งเราอาจได้รับค่าคอมมิชชั่น หากคุณต้องการข้อมูลเพิ่มโปรดอ่านรายละเอียดในเพจ Affiliate Disclosure
US Bitcoin Bonds

ในช่วงเวลาที่เศรษฐกิจโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายอย่างหนัก โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาที่ระดับหนี้สาธารณะพุ่งสูงขึ้นถึงระดับที่น่ากังวล การเกิดขึ้นของ “Bitcoin Bonds” หรือ “พันธบัตรบิทคอยน์” กลายเป็นหัวข้อที่น่าสนใจในวงการการเงินและเทคโนโลยีดิจิทัล

Bitcoin Bond ไม่เพียงแต่เป็นนวัตกรรมทางการเงินที่เชื่อมโยงสินทรัพย์ดิจิทัลเข้ากับตลาดพันธบัตร แต่ยังถูกมองว่าเป็นเครื่องมือที่อาจช่วยบรรเทาสถานการณ์หนี้ของสหรัฐฯ ได้ในระยะยาว

จากข้อมูลของ TFTC ระบุว่าตลาดพันธบัตรทั่วโลกมีมูลค่ารวมกว่า 133 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญของตลาดนี้ต่อเศรษฐกิจโลก อย่างไรก็ตาม ด้วยการบริหารหนี้ที่ขาดความรับผิดชอบและการพิมพ์เงินอย่างไม่หยุดยั้ง ผู้คนจึงหันมาให้ความสนใจกับบิทคอยน์แทน โดยมองว่าเป็น “สินทรัพย์ที่ไม่สามารถลดค่าได้” และอาจเป็นทางเลือกที่ดีกว่าสำหรับการเก็บรักษาความมั่งคั่งในระยะยาว

นอกจากนี้ การเปิดตัว Bitcoin Bond ยังช่วยสร้างความเชื่อมโยงระหว่างตลาดการเงินแบบดั้งเดิมและสินทรัพย์ดิจิทัล โดยเฉพาะในช่วงที่อัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยอยู่ในระดับสูงสุดในรอบหลายทศวรรษด้วย

ตามรายงานของ Coindesk การ Halving ที่เกิดขึ้นในเดือนเมษายน 2024 และการอนุมัติ Bitcoin ETF ได้เปลี่ยนแปลงพลวัตของอุปสงค์และอุปทานในตลาดบิทคอยน์ซึ่งอาจส่งผลให้ราคาของ BTC เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ในบทความนี้ เราจะสำรวจว่า พันธบัตรบิทคอยน์สามารถช่วยลดแรงกดดันจากหนี้สาธารณะของสหรัฐฯ ได้อย่างไร และการเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อราคาของ BTC ในอนาคตอย่างไร โดยอ้างอิงจากข้อมูลและการวิเคราะห์จากแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้

Bitcoin Bonds กับการลดภาระหนี้: ทางออกที่เป็นไปได้หรือความเสี่ยงที่ซ่อนอยู่?


หนึ่งในปัญหาหลักของหนี้สหรัฐฯ คือการเพิ่มขึ้นของภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายให้กับพันธบัตรรัฐบาล โดยในปี 2024 ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยของรัฐบาลสหรัฐฯ สูงถึง 7.22 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งมากกว่างบประมาณกลาโหมของประเทศเสียอีก (ข้อมูลจาก TFTC)

พันธบัตรบิทคอยน์ (Bitcoin Bonds) เป็นแนวคิดที่รัฐบาลสามารถออกพันธบัตรที่มีการกำหนดมูลค่าใน BTC แทนที่จะใช้ดอลลาร์สหรัฐฯ โดยแนวคิดนี้มีศักยภาพในการช่วยลดแรงกดดันจากการเพิ่มเพดานหนี้ (Debt Ceiling) และการพึ่งพาการพิมพ์เงินแบบดั้งเดิมที่ส่งผลให้เกิดเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง

พันธบัตรบิทคอยน์ (Bitcoin Bonds)

พูดง่ายๆ ก็คือ การขายพันธบัตร Bitcoin อาจช่วยเพิ่มรายได้ให้กับรัฐบาลโดยไม่ต้องเพิ่มภาระทางการเงินผ่านการเก็บภาษีเพิ่มเติมนั่นเอง

ข้อดีของพันธบัตร Bitcoin:

  • ลดความเสี่ยงจากการลดค่าเงินดอลลาร์: การกำหนดมูลค่าพันธบัตรใน Bitcoin ซึ่งมีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ ทำให้พันธบัตรมีความน่าเชื่อถือในระยะยาว เมื่อเทียบกับพันธบัตรที่กำหนดมูลค่าในดอลลาร์ซึ่งมีแนวโน้มลดค่าลงเรื่อยๆ
  • ดึงดูดนักลงทุนทั่วโลก: นักลงทุนที่มองหาแหล่งพักเงินที่ปลอดภัยจากความผันผวนของเงินเฟ้อและนโยบายการเงินของธนาคารกลางอาจสนใจพันธบัตรนี้มากขึ้น
  • ลดภาระดอกเบี้ยในระยะยาว: ด้วยการใช้ BTC ซึ่งมีแนวโน้มมูลค่าเพิ่มขึ้นในระยะยาว รัฐบาลอาจสามารถลดต้นทุนการกู้ยืมได้เมื่อเทียบกับการออกพันธบัตรดอลลาร์ที่มีดอกเบี้ยสูงขึ้นเรื่อยๆ ตัวอย่างเช่น หากรัฐบาลสามารถขายพันธบัตร Bitcoin ได้ในราคาที่สูงขึ้นในอนาคต รายได้ส่วนนี้สามารถนำไปใช้ชำระหนี้เดิมได้โดยตรง
  • ลดความจำเป็นในการพิมพ์เงิน: การระดมทุนผ่าน Bitcoin Bonds ช่วยลดความจำเป็นในการพิมพ์เงินเพิ่ม ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของเงินเฟ้อ

ตัวอย่างการประยุกต์ใช้:

  • หากรัฐบาลสหรัฐฯ ออกพันธบัตรบิทคอยน์มูลค่า 1 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 และกำหนดการชำระคืนในปี 2030 โดยใช้ BTC ที่ราคาปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 96,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญ รัฐบาลจะต้องใช้ประมาณ 10,416 BTC ในการระดมทุนและหากราคาของ Bitcoin เพิ่มขึ้นเป็น 300,000 ดอลลาร์ต่อเหรียญในปี 2030 รัฐบาลจะต้องคืนเพียง 3,333 BTC ซึ่งลดภาระการชำระหนี้ในแง่ของจำนวนที่ต้องคืนนั่นเอง
  • หากรัฐบาลสหรัฐฯ สามารถออก Bitcoin Bonds มูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีอัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี จะช่วยลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยได้ประมาณ 50% เมื่อเทียบกับพันธบัตรดอลลาร์ที่มีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ย 4% ต่อปี ซึ่งการลดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยนี้สามารถนำไปใช้ในการลดหนี้หรือเพิ่มงบประมาณสำหรับโครงการสำคัญอื่นๆ

ความท้าทาย:

  • ความผันผวนของราคา Bitcoin: แม้ว่าบิทคอยน์จะมีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าในระยะยาว แต่ความผันผวนในระยะสั้นก็อาจทำให้การคำนวณต้นทุนและผลประโยชน์มีความซับซ้อน และหากราคา BTC ลดลงอย่างมากในช่วงเวลาที่พันธบัตรครบกำหนด รัฐบาลอาจต้องเผชิญกับความยากลำบากในการชำระหนี้
  • การยอมรับทางการเมืองและกฎหมาย: การออกพันธบัตร Bitcoin อาจเผชิญกับการต่อต้านจากนักการเมืองและหน่วยงานกำกับดูแลที่ยังไม่คุ้นเคยกับสินทรัพย์ดิจิทัล

ผลกระทบต่อราคา Bitcoin และตลาดคริปโต?


การออก Bitcoin Bonds จะส่งผลกระทบอย่างมากต่อราคา Bitcoin และตลาดคริปโตโดยรวม เนื่องจากรัฐบาลหรือองค์กรที่ออกพันธบัตรจำเป็นต้องสะสม BTC เพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันหรือเป็นเงินทุนสำรองในระบบการเงินของตนเอง

Bitcoin อาจพุ่ง เมื่อรัฐบาลต้องสะสม BTC ในการออกพันธบัตรบิทคอยน์

การเพิ่มความต้องการ:

  • การสะสม Bitcoin ของรัฐบาล: รัฐบาลอาจต้องซื้อ Bitcoin จำนวนมากเพื่อใช้เป็นหลักประกันในการออกพันธบัตร ซึ่งจะเพิ่มความต้องการในตลาด โดยตัวเลขจาก CryptoQuant ระบุว่าการสะสม Bitcoin โดยรัฐบาลอาจทำให้ราคาของ Bitcoin สูงถึง 42 ล้านดอลลาร์ต่อเหรียญในปี 2050
  • การยอมรับในระดับสถาบัน: การที่รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้ BTC ในการออกพันธบัตรจะเพิ่มความเชื่อมั่นในสินทรัพย์นี้ และกระตุ้นให้สถาบันการเงินอื่นๆ เข้ามาลงทุนในบิทคอยน์มากขึ้นด้วย
  • การเพิ่มความต้องการจากนักลงทุน: นักลงทุนที่ต้องการซื้อพันธบัตร Bitcoin อาจต้องการถือ Bitcoin เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความผันผวนของราคา ส่งผลให้เกิดการสะสม Bitcoin ในตลาด

การคาดการณ์ราคา:

  • แนวโน้มราคา Bitcoin คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในระยะยาว เป็นประมาณ 150,000 ดอลลาร์เมื่อสิ้นปี 2025 และอาจทะลุ 300,000 ดอลลาร์ในปี 2030
  • หากรัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มออกพันธบัตรนี้ในปี 2025 ราคาของ Bitcoin อาจพุ่งสูงขึ้นเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ความเสี่ยงต่อราคา BTC:

  • ความผันผวนระยะสั้น: การเปลี่ยนแปลงนโยบายหรือข่าวลบๆ เกี่ยวกับ Bitcoin อาจส่งผลกระทบต่อราคาของสินทรัพย์นี้ในระยะสั้น รวมถึงนักลงทุนบางคนอาจเกรงว่าจะเกิดความผันผวนขึ้นเมื่อรัฐบาลขาย Bitcoin ในอนาคตเพื่อชำระหนี้ อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลสามารถจัดการการขาย Bitcoin ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ความผันผวนนี้อาจลดลงในระยะยาว
  • การขาย Bitcoin ของนักลงทุนรายใหญ่ (Whales): นักลงทุนรายใหญ่อาจขายเหรียญในปริมาณมากเพื่อทำกำไรจากราคาที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งอาจกดดันราคาลงในระยะสั้น
  • ความไม่แน่นอนด้านนโยบาย: การเปลี่ยนแปลงนโยบายทางการเงินหรือการควบคุมคริปโตในระดับประเทศอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาด เช่น การปรับขึ้นดอกเบี้ยหรือการจำกัดการใช้งาน Bitcoin ในบางประเทศ และหากหน่วยงานกำกับดูแลมองว่าการใช้สินทรัพย์ดิจิทัลนี้ในการออกพันธบัตรเป็นภัยต่อระบบการเงิน อาจมีการออกกฎหมายหรือมาตรการที่ส่งผลกระทบต่อราคาของ Bitcoin ได้

ตัวอย่างเหตุการณ์:

  • การแบนการขุด Bitcoin ในจีนเมื่อปี 2021 ทำให้ราคาลดลงกว่า 50% ในช่วงไม่กี่เดือน (CoinDesk) อย่างไรก็ตาม ความสามารถของ Bitcoin ในการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นของระบบ

การนำพันธบัตรบิทคอยน์มาใช้เป็นเครื่องมือในการจัดการหนี้สหรัฐฯ ไม่เพียงแต่ช่วยลดแรงกดดันทางการเงิน แต่ยังช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือของ Bitcoin ในฐานะสินทรัพย์ที่มีคุณค่าในระยะยาว อย่างไรก็ตาม การดำเนินการนี้อาจจะยังต้องเผชิญกับความท้าทายทั้งในด้านการเมืองและเศรษฐกิจอยู่

การเปลี่ยนแปลงในความสัมพันธ์ระหว่าง Bitcoin กับสินทรัพย์อื่น

การออกพันธบัตรบิทคอยน์อาจส่งผลให้ BTC มีความสัมพันธ์ใหม่กับสินทรัพย์ทางการเงินอื่นๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาลหรือหุ้น:

  • Bitcoin กับพันธบัตรรัฐบาล: การออกพันธบัตรบิทคอยน์อาจทำให้ Bitcoin ถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย (Safe Haven Asset) คล้ายกับพันธบัตรรัฐบาลและทองคำ โดยเฉพาะในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน
  • Bitcoin กับหุ้น: ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ความสัมพันธ์ระหว่าง BTC กับหุ้นเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดมีสภาพคล่องสูง (BitMEX Research) อย่างไรก็ตาม การออกพันธบัตรดังกล่าวอาจลดความสัมพันธ์นี้ลง เนื่องจากบิทคอยน์จะถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงมากขึ้น

การวิเคราะห์เชิงตัวเลข:

  • ความสัมพันธ์ระหว่าง Bitcoin กับ S&P 500 อยู่ที่ระดับ 0.25 ในปี 2023 ซึ่งถือว่าสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ (BitMEX Blog)
  • อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่าง Bitcoin กับพันธบัตรรัฐบาลในระยะยาวยังคงเป็นลบ (-0.74) ซึ่งแสดงถึงศักยภาพในการเป็นสินทรัพย์ที่แตกต่าง (IntoTheBlock)

บทสรุป Bitcoin Bonds


พันธบัตรบิทคอยน์ (Bitcoin Bonds) มีศักยภาพในการช่วยลดวิกฤตหนี้ของสหรัฐฯ โดยการนำ BTC มาใช้แทนดอลลาร์สหรัฐฯ ในการออกพันธบัตร รัฐบาลสามารถลดแรงกดดันจากการเพิ่มเพดานหนี้และลดการพึ่งพาการพิมพ์เงินที่เป็นสาเหตุของเงินเฟ้อในระยะยาว

ข้อได้เปรียบสำคัญของพันธบัตรบิทคอยน์คือ การลดความเสี่ยงจากการลดค่าเงินดอลลาร์ ดึงดูดนักลงทุนทั่วโลก และลดภาระดอกเบี้ยในระยะยาว

อย่างไรก็ตาม ความผันผวนของราคา BTC และการยอมรับในระดับการเมืองและกฎหมายยังคงเป็นความท้าทายที่สำคัญ

ในด้านผลกระทบต่อราคา Bitcoin นั้น การออกพันธบัตรนี้จะเพิ่มความต้องการบิทคอยน์ในตลาดอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะหากรัฐบาลเริ่มสะสมบิทคอยน์ในปริมาณมาก เพื่อใช้เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน ราคาของ Bitcoin ก็อาจพุ่งสูงขึ้นในระยะยาว

แต่ในระยะสั้นอาจเกิดความผันผวนจากการขายของนักลงทุนรายใหญ่และความไม่แน่นอนด้านนโยบายได้ ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจช่วยให้ Bitcoin มีบทบาทสำคัญในระบบการเงินโลกในฐานะสินทรัพย์ที่มั่นคงและปลอดภัย

References

About Cryptonews